ไอพอด (อังกฤษ: iPod) เป็นชื่อของเครื่องฟังเพลงพกพาของบริษัทแอปเปิล คอมพิวเตอร์ ไอพอดใช้ฮาร์ดดิสก์ในการเก็บข้อมูล แต่ในรุ่นไอพอดชัฟเฟิล ไอพอดนาโน และ ไอพอดทัช จะใช้หน่วยความจำแบบแฟลช ไอพอดสามารถใช้เก็บข้อมูลสำหรับแลกเปลี่ยนระหว่างคอมพิวเตอร์ได้ (ขึ้นอยู่กับขนาดของหน่วยความจำในแต่ละรุ่น)
แนวคิดของเครื่องฟังเพลงพกพาคิดค้นขึ้นโดยนายเคน แครมเมอร์ เมื่อเขาอายุ 23 ปี เครื่องฟังเพลงพกพาเครื่องแรกที่เขาประดิษฐ์ใช้ชื่อว่า ไอเอกซ์ไอ มีขนาดประมาณบัตรเครดิต สามารถบันทึกเพลงในหน่วยความจำได้ประมาณ 3 นาที 30 วินาที เมื่อพ.ศ. 2531 ลิขสิทธิ์ของไอเอกซ์ไอหมดลง ต้องใช้เงินจำนวน 3.6 ล้านบาทเพื่อต่อสิขสิทธิ์ใน 120 ประเทศ แต่เขาไม่สามารถหาเงินจำนวนนั้นได้ สิขสิทธิ์ไอเอกซ์ไอจึงขาด ทำให้ไอเอกซ์ไอกลายเป็นสาธารณสมบัติในที่สุด
แอปเปิล ไอพอดมีหลายรุ่นด้วยกัน ได้แก่ ไอพอด, ไอพอด นาโน ไอพอด มินิ และ ไอพอด ชัฟเฟิล แต่ไอพอดที่แอปเปิลจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดเท่านั้น ได้แก่ ไอพอดคลาสสิก (รุ่นที่ 6 2009 version) ไอพอดนาโน (รุ่นที่ 7 Multi-Touch ) ไอพอด ชัฟเฟิล (รุ่นที่ 4 2010) และไอพอด ทัช (รุ่นที่ 5 2012 เพิ่มสันใหม่ ออกพร้อม iPhone 5 2012)
นอกจากนี้ ยังมี "iPod special edition" (รุ่นพิเศษ) เช่น ไอพอดรุ่นที่ห้า รุ่น U2, ไอพอดมินิสีเงินสลักคำว่า Vios อยู่ด้านหลัง และไอพอดรุ่นที่ห้า รุ่นแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ที่มีลายตราโรงเรียนฮอกวอตส์อยู่ด้านหลัง
ไอพอดแบบดั้งเดิมมีการปรับปรุงหลายครั้ง โดยแต่ละครั้งจะเรียกกันเป็น generation และใช้ตัวย่อว่า G ปัจจุบันมาถึงรุ่นที่หก (6G)
ออกขายวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2004 เป็นรุ่นที่มีจอสี และสามารถแสดงรูปภาพแบบ JPEG, GIF, PNG, TIFF และ BMP ได้ มีความจุ 40GB และ 60GB
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005 ได้หยุดขายรุ่น 40GB และเปลี่ยนมาขายรุ่น 30GB ที่ราคาถูกลงแทน และยังได้เพิ่มอุปกรณ์เสริมในการย้ายรูปถ่ายจากกล้องดิจิทัล มาเก็บในไอพอด โฟโต้โดยไม่ต้องผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์
ไอพอด นาโน (iPod nano) รุ่นแรกเปิดตัววันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 2005 รุ่นที่สองเปิดตัววันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2006 ในฐานะรุ่นต่อของไอพอดมินิ ไอพอด นาโนใช้หน่วยความจำแบบแฟลชเมมโมรี่แทนฮาร์ดดิสก์เหมือนไอพอดชัฟเฟิล แต่มีความจุถึง 8GB (จุได้ประมาณ2,000 เพลง) ขนาดบางเพียง 7 มิลลิเมตร โดยมีขนาด 88 x 40 x 7 มม. น้ำหนักเบาขนาด 40 กรัม และมีจอสี (16.7ล้านสี) แสดงไฟล์ภาพได้ ติดต่อกับคอมพิวเตอร์ด้วย ยูเอสบี 2.0 และยังคงมีอินเตอร์เฟดส์แบบ 30 เข็มเหมือนไอพอดรุ่นก่อน
ไอพอดทัช (iPod touch) เป็นเครื่องเล่นดนตรีแบบพกพาในสายการผลิตไอพอด ผลิตโดยบริษัทแอปเปิล โดยประกาศในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2550 และจะวางจำหน่ายในช่วงสิ้นเดือนกันยายน ไอพอดทัชเป็นไอพอดแบบที่ 6 โดยมีลักษณะคล้ายไอโฟนที่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 3.5 นิ้ว และสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบไว-ไฟ (802.11b/g) ด้วยเว็บเบราว์เซอร์ซาฟารี นอกจากนี้ไอพอดทัชยังสามารถดาวน์โหลดเพลงได้จากไอทูนส์
ไอพอดจากโรงงานสนับสนุนการใช้งานหลายภาษา แต่ยังไม่รองรับภาษาไทย ถ้าต้องการใช้งานภาษาไทยในไอพอด ผู้ใช้จำเป็นต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์พิเศษ (ซึ่งไม่ใช่ของทางแอปเปิล) เพิ่มเติมเอง แต่การกระทำเช่นนั้นจะทำให้การรับประกันสิ้นสุดทันที
การแสดงชื่อเพลงภาษาไทย ข้อมูลของเพลงใน id3tag จำเป็นต้องเก็บด้วยรหัสแบบยูนิโคด และจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีเฟิร์มแวร์ที่ทำให้ไอพอดรุ่นหก (คลาสสิก) และนาโนรุ่นสองเป็นต้นมา สามารถใช้งานภาษาไทยได้
รุ่นของไอพอดที่รองรับการแสดงผลภาษาไทยจากโรงงาน ได้แก่ ไอพอด นาโน (รุ่นที่ 4 ขึ้นไป) และ ไอพอด ทัช (เฟิร์มแวร์ 2.0 ขึ้นไป)
มีอุปกรณ์เสริมพิเศษมากมายที่ถูกผลิตขึ้นสำหรับ ไอพอด ซึ่งอุปกรณ์เสริมพิเศษเหล่านี้ส่วนมากผลิตขึ้นจากบริษัทอื่น แต่ก็มีอุปกรณ์เสริมที่บริษัท แอปเปิ้ลได้ผลิตขึ้น นั้นคือ ไอพอด ไฮไฟ (iPod Hi-Fi) อุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่น ชุดหูฟัง เครื่องบันทึกเสียง ตัวปรับสถานีวิทยุ ตัวควบคุมทางไกลไร้สาย และสายพ่วงต่อออดิโอ ถุงใส่ไอพอด อุปกรณ์เสริมที่มีลักษณะเฉพาะเป็นหนึ่งเดียวก็ เช่น Nike + iPod (ใช้งานได้เฉพาะไอพอด นาโนและไอพอด ทัช)
สำหรับอุปกรณ์เสริมอื่นๆที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่ แผ่นฟิล์ม และกล่องป้องกันการกระแทก เพื่อป้องกันความเสียหายของ ไอพอด, หูฟังไร้สาย เป็นต้น
ในปี ค.ศ. 2005 เจ้าหน้าที่ขนส่งของมหานคร นิวยอร์กได้ติดประกาศไว้บริเวณสถานีรถไฟใต้ดิน เพื่อเตือนให้ผู้โดยสารที่มีไอพอดให้ระมัดระวัง เนื่องจากมีการสูญหายของ ไอพอดเป็นจำนวน 50 เครื่อง นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 - ค.ศ. 2005
บรรดารถยนต์ยี่ห้อต่างๆก็ได้ให้ความสำคัญกับไอพอด โดยมีการติดระบบการควบคุมไอพอดไว้ในรถยนต์รุ่นต่างๆของตัวเอง โดย BMW เป็นเจ้าแรกที่ได้นำระบบนี้มาใช้ในรถยนต์รุ่นต่างๆของตัวเอง และบริษัท Apple ได้ประกาศไว้ว่าจะมีการนำระบบนี้ไปติดตั้งในรถยนต์ยี่ห้อต่างๆด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Mercedes Benz, Volvo, Nissan, Alfa Romeo, Ferrari, Acura, Audi, Honda, Renault, Volkswagen และ Scion
กลางปี ค.ศ. 2007 สายการบิน 4 แห่ง คือ United, Continential, Delta และ Emirate ได้ติดตั้งอุปกรเสริมไว้ที่ด้านหลังเบาะของที่นั่งผู้โดยสารเพื่อให้บริการ โดยที่ผู้โดยสารสามารถที่จะทำการชาร์จแบตเตอรี่ หรือว่าต่ออุปกรณ์พ่วงเพื่อเชื่อมต่อ ไอพอด กับ จอมอนิเตอร์ เพื่อดูวิดีโอหรือฟังเพลงได้