ไฟป่า (อังกฤษ: wildfire, brush fire, bushfire, forest fire, desert fire, grass fire, hill fire, peat fire, vegetation fire, veldfire หรือ wildland fire) คือ เพลิงที่ไหม้อย่างเป็นอิสระในชนบทประเทศหรือถิ่นทุรกันดาร (wilderness area) ไฟป่าต่างจากอัคคีภัยรูปแบบอื่น เพราะกินอาณาบริเวณกว้างขวาง, ลุกลามรวดเร็วและคาดเดายาก กับทั้งไหม้ผ่านแม่น้ำ ถนน หรือแนวกันเพลิงได้ด้วย
ไฟป่าเกิดได้ในทุกที่ ยกเว้นแอนตาร์กติกา ซากดึกดำบรรพ์และประวัติศาสตร์มนุษยชาติเป็นเครื่องยืนยันความถี่ของไฟป่า และบ่งบอกว่า บางแห่งไฟป่าเกิดขึ้นมีกำหนดแน่นอน ไฟป่าอาจสร้างความเสียหายใหญ่หลวงทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์ แต่เป็นประโยชน์ต่อพืชพันธุ์บางชนิด เช่น เห็ดเผาะ ซึ่งเจริญดีด้วยไฟ อย่างไรก็ตาม ไฟป่าขนาดใหญ่ย่อมยังผลร้ายสู่ระบบนิเวศถ่ายเดียว
ในแต่ละสมัย มีการคิดยุทธศาสตร์ป้องกันไฟป่ามากมาย แต่ผู้เชี่ยวชาญการควบคุมไฟป่าระหว่างประเทศกระตุ้นให้ช่วยกันพัฒนาและวิจัยมากกว่านี้ หนึ่งในเทคนิคการดับไฟป่าที่ถูกโต้แย้งมากที่สุด คือ การเผาคุม (controlled burn) หรือการยอมวางเพลิง เพื่อให้ไหม้ทำลายเชื้อเพลิงเสีย ทำนองใช้ไฟล้างไฟ
เดิมคำ "wildfire" ในภาษาอังกฤษเป็นไวพจน์ของ "Greek fire" หรือ เพลิงกรีก อันเป็นชื่อเรียกเพลิงที่ใช้ปล่อยใส่คู่รบในสมัยจักรวรรดิไบแซนไทน์ เพลิงกรีกนี้มีอานุภาพมากถึงขนาดที่ไหม้ได้แม้ในน้ำ ทั้งนี้ เพราะคำว่า "wild" นอกจากหมายความว่า ป่า แล้ว ยังหมายความว่า ป่าเถื่อน ก็ได้ แต่บัดนี้ คำ "wildfire" ใช้หมายถึงไฟป่าเท่านั้น
ไฟป่าหมายเอาเพลิงที่เกิดในทุ่งหญ้า, ป่าไม้, ป่าพุ่ม, ป่าละเมาะ, ป่าหินเลน (peatland) และบริเวณอื่นที่ป่าชุก และมีแหล่งเชื้อเพลิงหรือวัตถุไวไฟ อนึ่ง ไฟป่าอาจลามไปยังสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์ก็ได้
สาเหตุของไฟป่านั้นมีมากหลาย แต่ผลลัพธ์ของมันนั้นมีเพียงหนึ่ง คือ ความเสียหายเป็นวงกว้าง ไฟป่าลุกลามและร้ายแรงได้มากถ้ามีเชื้อเพลิงและอากาศเป็นปัจจัยเกื้อหนุน ไฟป่าอาจมหึมาจนควบคุมมิได้ เพราะมีประวัติว่าใหญ่โตถึงขนาดทำลายอาณาบริเวณตั้งแต่ 0.4 ถึง 400 ตารางกิโลเมตรมาแล้ว และแน่นอนว่า ไฟป่าสามารถใหญ่โตได้มากกว่านี้ ขณะเดียวกัน ไฟป่าก็อาจเล็กราว ๆ 0.0010 ตารางกิโลเมตร หรือน้อยกว่าก็ได้ ไฟป่าขนาดเล็กมักไม่เป็นที่สนใจของสื่อมวลชน นักวิชาการเห็นว่านี้เป็นปัญหาอย่างยิ่ง เพราะการที่สื่อนำเสนอแต่ไฟป่าขนาดใหญ่นั้น มีอิทธิพลเป็นอันมากต่อนโยบายสาธารณะด้านไฟป่า ซึ่งควรหมายถึงไฟป่าไม่ว่าเล็กใหญ่
ไฟป่าอาจเกิดขึ้นตามธรรมชาติเพราะเหตุสี่ประการ คือ ฟ้าผ่า, ภูเขาไฟระเบิด, ประกายไฟจากหินถล่ม และสันดาปเอง (spontaneous combustion) อนึ่ง ถ่านหินจำนวนมากที่อยู่ใต้พิภพรอบโลก เช่น ที่ในเซนทราเลีย, เขาเบิร์นนิง และประเทศจีน บางคราวก็ประทุและติดเพลิงให้แก่วัตถุไวไฟใกล้เคียงได้
ไฟป่าส่วนใหญ่นั้นเกิดเพราะมนุษย์ ตั้งแต่ลอบวางเพลิง, ทิ้งบุหรี่เรื่อยเปื่อย, ประกายไฟจากอุปกรณ์ ไปจนถึงกระแสพลังงานในการเชื่อมโลหะ การทำไร่เลื่อนลอย (shifting cultivation) ซึ่งเตรียมดินโดยวิธีถางแล้วเผา (slash and burn) นั้น แม้ประหยัดที่สุด แต่ก็เป็นสาเหตุของไฟป่าได้ เช่นเดียวกับการโค่นไม้ (logging) ที่จะเพิ่มจำนวนเชื้อเพลิงในป่า อุทาหรณ์เด่นชัดที่สุด คือ ไฟป่าอันเกิดทุกปีในเวียดนามใต้ มีสาเหตุประการหนึ่งถอยหลังไปถึงในสงครามเวียดนาม ที่กองทัพสหรัฐอเมริกาเข้ายึดพื้นที่ แล้วทำลายป่าด้วยเคมี ระเบิด และจักรกล
อย่างไรก็ดี เหตุไฟป่านั้นย่อมแตกต่างกันไปตามพื้นที่ เช่น ในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา และภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ฟ้าผ่าเป็นปัจจัยหลักของการติดเพลิง ส่วนในเม็กซิโก, อเมริกาใต้, แอฟริกา, เอเชียใต้, ฟิจิ และนิวซีแลนด์ ไฟป่าเกิดเพราะกิจกรรมของมนุษย์เป็นหลัก เช่น การบำรุงพันธุ์สัตว์ (animal husbandry), เกษตรกรรม และการปรับปรุงดินด้วยการเผา อนึ่ง ในท้องที่อื่น ๆ ของจีน ความเลินเล่อของมนุษย์ก่อไฟป่าบ่อยครั้ง และในออสเตรเลีย ไฟป่าเกิดเพราะฟ้าผ่าและพฤติกรรมของมนุษย์พอ ๆ กัน โดยเฉพาะการทิ้งบุหรี่ไปเรื่อย และประกายไฟจากเครื่องกล
ไฟป่าอาจเกิดง่ายขึ้น เมื่อมีอากาศเกื้อหนุน ปัจจัยทางอากาศที่ก่อไฟป่าขนาดใหญ่นั้นรวมถึง คลื่นความร้อน, ความแห้งแล้ง, ความเปลี่ยนแปลงของอากาศเป็นวงรอบ อาทิ เอลนีโญ, ตลอดจนลักษณะอากาศประจำถิ่น เช่น ลิ่มความกดอากาศสูง