ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

โลกตะวันตก

โลกตะวันตก (อังกฤษ: Western world และอาจเรียก The West หรือ Occident) เป็นคำซึ่งใช้กล่าวถึงประเทศได้หลายประเทศ โดยประเทศที่หมายถึงอาจแตกต่างกันไปตามบริบทของการใช้คำศัพท์ นอกจากนี้เป็นคำซึ่งมีคำจำกัดความอยู่มากมาย

แนวคิดส่วนของโลกซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกมีรากฐานมาจากอารยธรรมกรีกโรมันในยุโรปและการกำเนิดของศาสนาคริสต์ โลกตะวันตกในยุคปัจจุบันได้รับอิทธิพลจากขนบธรรมเนียมของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา การปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์ ยุคเรืองปัญญา และ ลัทธิล่าอาณานิคมในช่วงศตวรรษที่ 15 ถึง 20 ในสมัยก่อนยุคสงครามเย็นมุมมองของชาวตะวันตกแบบดั้งเดิมเกี่ยวกับโลกตะวันตกก็คือ กลุ่มประเทศทางตะวันตกที่ยึดถือขนบธรรมเนียมและนับถือศาสนาคริสต์ไม่ว่าจะเป็นนิกายคาทอลิก หรือ โปรเตสแตนต์ ความหมายของคำว่าโลกตะวันตกได้เปลี่ยนไปเนื่องจากความเป็นปรปักษ์กันของนาๆประเทศซึ่งเกิดจากสงครามเย็นในช่วงกลางถึงปลายศตวรรษที่ 20 (คศ. 1947-1991)

แต่เดิมโลกตะวันตกมีความหมายทางภูมิศาสตร์อย่างชัดเจนด้วยการแยกยุโรปออกจากอารยธรรมตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ รวมไปจนถึงการแยกเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกไกลซึ่งชาวยุโรรปสมัยนั้นมองว่าเป็นโลกตะวันออก ปัจจุบันคำศัพท์นี้มีความเกี่ยวข้องทางภูมิศาสตร์เพียงเล็กน้อยเนื่องจากคำจำกัดความของโลกตะวันตกได้รับการขยายไปถึงประเทศซึ่งเป็นอดีตอาณานิคมของยุโรปในทวีปอเมริกา รัสเซียทางตอนเหนือของเอเชีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

ในปัจจุบันคำว่า "โลกตะวันตก" จะหมายถึงยุโรปและประเทศต่างๆซึ่งมีจุดกำเนิดจากการเป็นอาณานิคมของยุโรปโดยที่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศนั้นๆมีบรรพบุรุษซึ่งมาจากยุโรป ไม่ว่าจะเป็นประเทศในทวีปอเมริกา เอเชียหรือโอเชียเนีย

วัฒนธรรมตะวันตกได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมเก่าแก่ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้โลกตะวันออกเช่น ฟินิเชีย คาร์เธจ ซูเมอร์ บาบิโลเนีย และ อียิปต์โบราณ วัฒนธรรมตะวันตกมีจุดกำเนิดอยู่ในบริเวณเมดิเตอร์เรเนียนและพื้นที่ใกล้เคียงโดยชาวกรีกและโรมันมักจะได้รับการอ้างอิงว่าเป็นผู้ให้กำเนิดวัฒนธรรม เมื่อเวลาผ่านไปจักรวรรดิต่างๆของกรีซและโรมได้ทำการขยายอาณาเขตไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกโดยทำการผนวกดินแดนรอบชายฝั่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลดำ ต่อมาจักรวรรดิเหล่านี้จึงขยายไปทางทิศเหนือของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งรวมถึงยุโรปตะวันตก กลางและตะวันออกเฉียงใต้ การเปลี่ยนเป็นคริสต์ศาสนาของจักรวรรดิบัลแกเรียที่ 1 (ในศตวรรษที่ 9) การเปลี่ยนเป็นคริสต์ศาสนาของจักรวรรดิเคียฟรุส (รัสเซีย, ยูเครน, เบลารุส; ในศตวรรษที่ 10) การเปลี่ยนเป็นคริสต์ศาสนาของชนชาติสแกนดิเนเวีย (ในศตวรรษที่ 12) และการเปลี่ยนเป็นคริสต์ศาสนาของชนชาติลิทัวเนีย (ในศตวรรษที่ 14) ได้นำดินแดนยุโรปส่วนที่เหลือเข้าสู่อารยธรรมตะวันตก

นักประวัติศาสตร์หลายคนยกตัวอย่างเช่น แครอล ควิกลีย์ ได้เขียนยืนกรานในหนังสือเรื่องวิวัฒนาการของอารยธรรม ว่าอารยธรรมตะวันตกเกิดขึ้นเมื่อประมาณปีค.ศ. 500 หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกโดยล่มสลายนี้ทำให้เกิดพื้นที่ว่างสำหรับการเบ่งบานของความคิดใหม่ๆที่เป็นไปไม่ได้ในสังคมสมัยคลาสสิก แต่ไม่ว่าอารยธรรมตะวันตกจะเกิดขึ้นเมื่อใดจะเห็นได้ว่าตั้งแต่การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกจนถึงสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา โลกตะวันตกได้พบกับความเสื่อมที่มากพอสมควรในช่วงแรก ตามด้วยการปรับตัว เปลี่ยนแปลงและท้ายที่สุดการพัฒนาทางวัตถุ เทคโนโลยีและการเมือง ช่วงเวลาที่กล่าวถึงนี้กินเวลาประมาณหนึ่งพันปีและได้ถูกเรียกว่ายุคสมัยกลาง โดยส่วนเริ่มต้นของสมัยกลางทำให้เกิด "ยุคมืด" และจุดจบของสมัยกลางถือเป็นจุดเริ่มต้นของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา

ความรู้เกี่ยวกับโลกตะวันตกโบราณได้รับการเก็บรักษาไว้ส่วนหนึ่งเนื่องจากการอยู่รอดของจักรวรรดิโรมันตะวันออกและคริสตจักรคาทอลิก และได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมจากการซึมซับอารยธรรมอาหรับโดยชาวกรีก-โรมันโบราณ และการรับเทคโนโลยีใหม่ๆผ่านชาวอาหรับจากประเทศอินเดีย จีนและยุโรป ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาโลกตะวันตกได้พัฒนาเกินอิทธิพลที่ได้รับจากชาวกรีก-โรมันโบราณและโลกอิสลาม เนื่องจากการพาณิชย์ วิทยาศาสตร์ การปฏิวัติอุตสาหกรรม และการขยายตัวของประชาชนของจักรวรรดิยุโรปตะวันตกและยุโรปกลางและโดยเฉพาะอย่างยิ่งจักรวรรดิแห่งการล่าอาณานิคมของศตวรรษที่ 18 และ 19 และในหลายต่อหลายครั้งการขยายตัวเกี่ยวกับความรู้เกี่ยวของโลกตะวันตกนี้มาพร้อมกับมิชชันนารีชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแผ่ศาสนา

โดยทั่วไปฉันทามติในปัจจุบันเวลาพูดถึงโลกตะวันตก จะหมายถึงวัฒนธรรมและประชาชนของยุโรป สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และบางส่วนของละตินอเมริกา ยังมีการโต้เถียงในปัจจุบันว่าละตินอเมริกาน่าจะถูกจัดในหมวดหมู่ของตัวเองหรือไม่ วัฒนธรรมรัสเซีย (โดยเฉพาะวรรณคดี ดนตรี ภาพวาด ปรัชญาและสถาปัตยกรรม) จัดเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมตะวันตก รัสเซียมักจะไม่ถูกนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของโลกตะวันตกในฐานะทางการเมือง เนื่องจากความโดดเดี่ยวทางการเมืองของประเทศ และสงครามเย็นรอบใหม่ภายในสหพันธรัฐรัสเซียด้านหนึ่ง และกับสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปและประเทศอื่นๆ อีกด้านหนึ่ง

คำว่า "วัฒนธรรมตะวันตก" มักถูกนำมาใช้คร่าวๆเพื่อบอกถึงความเป็นตะวันตกเช่นในเรื่องของ วัฒนธรรม บรรทัดฐานทางสังคม ค่านิยม จริยธรรมประเพณี ความเชื่อทางศาสนา ระบบการเมือง สิ่งประดิษฐ์และเทคโนโลยี

รูปแบบทางวัฒนธรรมตะวันตกโดยทั่วไปจะมีความเชื่อมโยงถึงคำนิยามแบบดั้งเดิมของของคำว่าโลกตะวันตก ในความหมายนี้วัฒนธรรมตะวันตกจะหมายถึง หลักการทาง วรรณกรรม วิทยาศาสตร์ การเมือง ศิลปะและปรัชญาที่ทำให้วัฒนธรรมตะวันตกความแตกต่างจากวัฒนธรรมของอารยธรรมอื่นๆ โดยรูปแบบเหล่านี้จะถูกรวบรวมไว้ในบัญญัติตะวันตก

มีแนวโน้มบางประการที่กำหนดให้สังคมตะวันตกในสมัยใหม่มีความเกี่ยวข้องกับพหุนิยมทางการเมือง การแยกศาสนาออกจากการปกครอง ความแพร่หลายของชนชั้นกลาง ความโดดเด่นของวัฒนธรรมย่อยหรือวัฒนธรรมต่อต้าน การเพิ่มขึ้นของการผสานความเชื่อทางด้านวัฒนธรรมซึ่งเป็นผลมาจากโลกาภิวัตน์และการย้ายถิ่นของมนุษย์ รูปแบบของสังคมสมัยใหม่เหล่านี้มีรากฐานมากจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมและปัญหาซึ่งเกิดจากการอยู่ร่วมกันของคน (ความแตกต่างของชนชั้น) และสิ่งแวดล้อม (มลพิษ) รวมไปจนถึงการเกิดปฏิกิริยากับกับสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้วเช่น สหการนิยม และ สิ่งแวดล้อมนิยม

การแบ่งยุโรปในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ซึ่งทำให้เกิดฝ่าย ตะวันตก และ ตะวันออก มีต้นกำเนิดจากจักรวรรดิโรมัน ในสมัยนั้นด้านตะวันออกของบริเวณเมดิเตอร์เรเนียนจะเป็นสังคมเมืองซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่าผู้มีวัฒนธรรมสูงและใช้ภาษากรีกเป็นภาษากลาง (โดยเป็นผลมาจากการปกครองของในอดีตของอเล็กซานเดอร์มหาราชและผู้สืบทอดอำนาจในสมัยเฮลเลนิสติก) ในขณะที่ฝั่งตะวันตกจะมีรูปแบบเป็นสังคมชนบทและนิยมใช้ภาษาละตินเป็นภาษากลาง หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกจะเห็นได้ว่าดินแดนยุโรปตะวันตกและยุโรปกลางนั้นถูกตัดออกจากฝั่งตะวันออกโดยสิ้นเชิงโดยที่ จักรวรรดิไบแซนไทน์หรือจักรวรรดิโรมันตะวันออก ซึ่งมีวัฒนธรรมกรีกและนับถือศาสนาคริสต์ตะวันออก กลายเป็นผู้เริ่มเผยแพร่อิทธิพลให้กับชนชนาติอาหรับ/ประวัติศาสตร์ของศาสนาอิสลามและชาวสลาฟซึ่งอาศัยทางตะวันออกและใต้ของยุโรป ดังนั้นจะเห็นได้ว่าคริสตจักรโรมันคาทอลิกซึ่งตั้งอยู่บริเวณตะวันตกและกลางของยุโรปยังคงสามารถรักษาเอกลักษณ์ของตัวเองไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ศาสนจักรเริ่มที่กลับมาพัฒนาตัวเองใหม่ในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา และแม้กระทั่งภายหลังจากการปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์ชาวโปรเตสแตนต์ในยุโรปก็ยังคงเห็นว่าตัวเองนั้นมีความผูกพันกับคริสตจักรโรมันคาทอลิกโรมันคาทอลิกในยุโรปมากกว่ามากกว่าชนชาติอื่นๆ

คำว่า โลกตะวันตก ได้เริ่มถูกนำไปใช้ในในการบอกวัฒนธรรมและภูมิรัฐศาสตร์ทางการเมืองในช่วงยุคแห่งการสำรวจซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยุโรปได้แพร่กระจายวัฒนธรรมของตนไปยังส่วนอื่นๆของโลก ในอดีตสองศตวรรษที่ผ่านมาคำว่า โลกตะวันตก และ โลกของชาวศาสนาคริสต์ มักจะสามารถถูกใช้แทนกันเนื่องจากจำนวนของผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกและโปรเตสแตนต์มากกว่าจำนวนของผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายอื่นๆ รวมถึงผู้ที่ยังคงนับถือความคิดโรมันแบบโบราณและความเชื่อนอกรีต ในขณะที่ความเชื่อยึดติดกับศาสนาของคนเริ่มเสื่อมคลายลงในยุโรปและที่อื่นๆในช่วงศตวรรษที่ 19 และ 20 คำว่า ตะวันตก จึงมีความหมายในแง่ของศาสนาน้อยลงและเริ่มมีความหมายทางการเมืองมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามเย็น นอกจากนั้นความใกล้ชิดที่มากขึ้นระหว่าง ตะวันตก กับเอเชียและส่วนอื่นๆ ของโลกในเร็วๆนี้ก็มีผลให้ความหมายของคำไม่ชัดเจนเหมือนก่อน

การแบ่งแยกระหว่างอนารยชนและชาวกรีกในสมัยเฮลเลนิสติกเป็นการเทียบความแตกต่างระหว่างอารยธรรมของชนชาติที่พูดภาษากรีกซึ่งอาศัยอยู่บริเวณเมดิเตอร์เรเนียน และอารยธรรมของชนชาติที่ไม่ได้พูดภาษากรีกซึ่งอาศัยอยู่บริเวณรอบนอก เฮอรอโดทัสมองว่าสงครามเปอร์เซียในช่วงต้นศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล เป็นความขัดแย้งระหว่างยุโรปกับเอเชีย (ซึ่งตามความคิดของเขาคือการต่อสู้ระหว่างชาวยุโรปซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของทะเลมาร์มารากับชาวเอเชียซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของทะเล) คำว่าฝ่าย "ตะวันตก" หรือ "ตะวันออก" มิได้ถูกนักเขียนชาวกรีกในสมัยนั้นนำมาใช้อธิบายความขัดแย้งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อคำว่าฝ่าย "ตะวันตก" ได้ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกกลับหมายถึงผู้ที่ต่อต้านชาวกรีกและอารยธรรมของชนชาติที่พูดภาษากรีก

สังคมตะวันตกมักชี้ให้เห็นว่าต้นกำเนิดของอารยธรรมของตัวเองมีพื้นฐานจากแนวคิดของชาวกรีกและศาสนาคริสต์ ดังนั้นสังคมตะวันตกในปัจจุบันจึงเป็นเพียงการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องของสังคมใน??กรีกโบราณและเลแวนต์ซึ่งผ่านเข้าสู่จักรวรรดิโรมันและแพร่กระจายไปทั่วยุโรป อาจกล่าวได้ว่าแนวคิดของชาวกรีกซึ่งเกี่ยวกับวิธีการทางประวัติศาสตร์ และ ศิลปะนั้นยังคงสามารถรักษาเอกลักษณ์ของตัวเองไว้ได้ในสังคมตะวันตก ดังที่จะเห็นได้จากการที่แนวคิดกรีกยังทรงอิทธิพลต่อสังคมตะวันตกหลังหมดยุคเฮลเลนิสติกและยุคมืด การฟื้นตัวใหม่ของแนวคิดกรีกในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา แนวคิดนี้ยังคงมีบทบาทอย่างกว้างขวางในสังคมตะวันตกยุคปัจจุบัน

โลกตะวันตกยุคใหม่ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาในฐานะอารยธรรมใหม่ยังคงได้รับอิทธิพลอย่างมากจากการตีความแนวคิดกรีก ซึ่งได้รับการเก็บรักษาโดยจักรวรรดิโรมันและโลกของชาวอิสลามในช่วงยุคมืดและได้รับการสืบทอดต่อมาโดยอพยพของนักวิชาการกรีก การแต่งงานและการแปลภาษาละติน

โรมโบราณ (510 ปีก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 476) เป็นอารยธรรมที่พัฒนามาจากนครรัฐบนคาบสมุทรอิตาลีซึ่งถือกำเนิดขึ้นในศตวรรษที่ 9 ก่อนคริสตกาล และภายหลังกลายเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่กินเนื้อที่รอบๆทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทั้งหมด ในช่วงเวลา 12 ศตวรรษของอารยธรรมโรมันได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากราชาธิปไตยเป็นสาธารณรัฐโรมันและในที่สุดระบอบเผด็จการในรูปแบบจักรวรรดิโรมัน จักรวรรดิโรมันได้เข้ามามีอิทธิพลทางภาคตะวันตก กลางและตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรปรวมไปถึงบริเวณโดยรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทั้งหมดโดยใช้กำลังจากกองทหารโรมันและการผสานกลืนทางวัฒนธรรมด้วยการให้สิทธิพิเศษแก่ชาวโรมันและในที่สุดการให้สัญชาติพลเมืองโรมันกับอาณาจักรที่ยอมสวามิภักดิ์

การขยายตัวของอาณาจักรโรมันเริ่มมีมานานก่อนที่จะเปลี่ยนรูปแบบการปกครองเป็นจักรวรรดิและถึงจุดสูงสุดในสมัยของจักรพรรดิทราจันด้วยการยึดครองดาเซียในปีค.ศ. 106 ในช่วงสูงสุดของอารยธรรมจักรวรรดิโรมันครอบครองเขตพื้นที่บนบกประมาณ 5,900,000 ตารางกิโลเมตร (2,300,000 ตารางไมล์) และมีประชากรถึง 100 ล้านคน จากสมัยของจูเลียส ซีซาร์จนถึงการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกจักรวรรดิโรมันครอบครอบดินแดนส่วนตะวันตกของยูเรเซียเกือบทั้งหมด (เช่นเดียวกับชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนเหนือของแอฟริกา) รวมไปถึงประชากรส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ภายในและทำการค้ากับประชากรที่อาศัยอยู่รอบนอกผ่านเส้นทางสายอำพัน กรุงโรมโบราณมีส่วนสำคัญอย่างมากในการพัฒนากฎหมาย สงคราม ศิลปะ วรรณกรรม สถาปัตยกรรม เทคโนโลยีและภาษาของโลกตะวันตก และประวัติศาสตร์โรมยังคงมีอิทธิพลสำคัญกับโลกยุคปัจจุบัน

จักรวรรดิโรมันเป็นที่ที่แนวคิด "ตะวันตก" กำเนิดขึ้นมา เนื่องจากทำเลที่ตั้งของกรุงโรมนั้นถือเป็นจุดศุนย์กลางของจักรวรรดิโรมันคำว่า "ตะวันตก" และ "ตะวันออก" จึงถูกใช้เพื่อกล่าวถึงหัวเมืองทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออกของกรุงโรม ดังนั้นไอบีเรีย (โปรตุเกสและสเปน), กอล (ฝรั่งเศส), ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของทวีปแอฟริกา (ตูนิเซีย แอลจีเรียและโมร็อกโก) และอังกฤษจึงถือเป็นส่วนหนึ่งของ "ตะวันตก" ในขณะที่กรีซ ไซปรัส อนาโตเลีย เลบานอน ซีเรีย อิสราเอล ปาเลสไตน์ อียิปต์และลิเบียเป็นส่วนหนึ่งของ "ตะวันออก" ส่วนอิตาลีได้รับการพิจารณาว่าเป็นส่วนกลางจนถึงสมัยการปฏิรูปโดยจักรพรรดิไดโอคลีเชียน ซึ่งมีความคิดที่จะแบ่งจักรวรรดิแบ่งออกสองส่วนอย่างเป็นทางการคือ ตะวันออกและตะวันตก

ในค.ศ. 395 จักรวรรดิโรมันได้แยกเป็นจักรวรรดิโรมันตะวันตกและตะวันออกอย่างเป็นทางการโดยแต่ละฝ่ายมีจักรพรรดิ เมืองหลวงและรัฐบาลของตัวเองแม้ว่าทั้งสองฝ่ายยังคงถือเป็นหนึ่งอาณาจักร การสลายตัวของจักรวรรดิโรมันตะวันตก (ซึ่งเกิดในปีค.ศ. 476 และจบลงในปีค.ศ. 500) ทำให้เหลือเพียงจักรวรรดิโรมันตะวันออก อย่างไรก็ดีการยึดครองจักรวรรดิโรมันตะวันตกที่ล่มสลายโดยกลุ่มชนเจอร์แมนิก และการปกครองในระบบพระสันตะปาปาโดยคริสต์จักรโรมันคาทอลิก (ซึ่งเป็นการรวมอำนาจทางการเมืองและทางจิตวิญญาณที่ไม่สามารถพบได้ในอารายธรรมของกรีก) ในเวลาต่อมาส่งผลให้การใช้ภาษาละตินร่วมกับการมีแนวคิดแบบกรีกมีอันต้องให้แยกออกจากกันการแบ่งแยกครั้งใหญ่ซึ่งถือเป็นจุดแตกแยกระหว่างคริสต์จักรโรมันคาทอลิกและชาวคริสต์นิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์และสงครามครูเสดครั้งที่ 4 ถือเป็นการยืนยันข้อสมมติฐานนี้

การปฏิรูปและการล่มสลายของคริสตจักรตะวันตกในฐานะรูปแบบทางการเมืองอย่างหนึ่งก่อให้เกิดสงครามสามสิบปี สงครามนี้สิ้นสุดลงด้วยการทำสนธิสัญญาสันติภาพเวสต์ฟาเลีย ซึ่งเป็นการบัญญัติแนวคิดของรัฐชาติและหลักการอธิปไตยของประเทศไว้ในกฎหมายระหว่างประเทศ

แนวคิดของโลกที่เต็มไปด้วยรัฐชาติควบคู่กับอุดมการณ์ของยุคเรืองปัญญา การมาถึงของยุคแห่งความทันสมัย?? การป??ฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ และการปฏิวัติอุตสาหกรรมได้สร้างสถาบันทางการเมืองและเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพและทรงอิทธิพลต่อนานาประเทศในโลกปัจจุบัน นักประวัติศาสตร์ยอมรับว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์

การขยายแนวคิดและอุดมการณ์นี้มีจุดเริ่มต้นจากการเดินทางเพื่อ การค้นพบ การล่าอาณานิคม การยึดครอง และหาการประโยชน์ของประเทศโปรตุเกสและสเปน ซึ่งได้รับการสานต่อโดยความก้าวหน้าของบริษัทอินเดียตะวันออกของดัตช์รวมถึงการสร้างและขยายอาณานิคมของจักรวรรดิบริติชและจักรวรรดิฝรั่งเศส เนื่องจากการขยายตัวของจักรวรรดิเหล่านี้ขนบธรรมเนียมต่างๆของชาติตะวันตกจึงแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมของโลกและยังคงหลงเหลืออยู่ในหลายๆประเทศแม้ประเทศเหล่านั้นจะได้ประกาศอิสรภาพจากการเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตกแล้วก็ตาม หนึ่งในตัวอย่างของธรรมเนียมที่ยังคงหลงเหลืออยู่คือความต้องการของสังคมหลังยุคล่าอาณานิคมที่จะสร้างรูปแบบของรัฐชาติ (ตามประเพณีตะวันตก) ด้วยการปักหลักและสร้างเส้นแบ่งเขตประเทศโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความเหมือนหรือความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคน เชื้อชาติและวัฒนธรรม และสิ่งนี้คงยังเป็นสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างประเทศในปัจจุบัน แม้ว่ายุคสมัยของการล่าอาณานิคมจะได้ผ่านพ้นไปแล้วประเทศตะวันตกซึ่งมีความมั่งคั่งในเรื่องของเงิน อาวุธและวัฒนธรรมยังคงสามารถรักษาความมีอิทธิพลต่อโลกใบนี้ได้อยู่

คำว่าโลกตะวันตกมีความหมายเปลี่ยนไปในช่วงสงครามเย็น ในสมัยดังกล่าวโลกได้ถูกแบ่งออกเป็นสามใบ โลกที่หนึ่งซึ่งถูกเรียกว่าโลกตะวันตกในสมัยนั้นประกอบไปด้วยประเทศสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโตและประเทศอื่นๆที่เป็นพัทธมิตรของสหรัฐอเมริกา โลกที่สองคือสหภาพโซเวียต (ประกอบไปด้วย 15 สาธารณรัฐ ปัจจุบันเอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนียขอแยกออกมาแล้ว) ประเทศในกลุ่มตะวันออกอื่นๆ (ซึ่งอยู่ในเขตอิทธิพลของสหภาพโซเวียต) และประเทศที่ร่วมทำสนธิสัญญาวอร์ซอเช่นโปแลนด์ บัลแกเรีย ฮังการี โรมาเนีย เยอรมนีตะวันออก (ซึ่งขณะนี้รวมกับเยอรมนีตะวันตก) สโลวาเกีย (ตอนนี้แยกออกเป็นสาธารณรัฐเช็กและสโลวาเกีย)

โลกที่สามประกอบด้วยประเทศต่างๆซึ่งไม่เข้ากับฝ่ายใดๆ สมาชิกที่สำคัญของโลกที่สามประกอบไปด้วยอินเดีย ยูโกสลาเวีย ฟินแลนด์และสวิตเซอร์แลนด์ การจัดสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เข้ากับกลุ่มประเทศโลกที่สามได้รับการโต้แย้งในบางโอกาสเนื่องจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีระบอบปกครองแบบคอมมิวนิสต์และมีความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรกับประเทศในกลุ่มสหภาพโซเวียตอีกทั้งยังมีความสำคัญในการเมืองระดับโลก

ฟินแลนด์อยู่ภายใต้เขตอิทธิพลทางการทหารของสหภาพโซเวียตแต่ยังคงรักษาไว้ซึ่งความเป็นกลาง ฟินแลนด์ไม่ได้มีการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ ไม่ได้เป็นสมาชิกของประเทศที่ร่วมทำสนธิสัญญาวอร์ซอหรือสภาขอความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจร่วมกัน แต่เป็นสมาชิกของสมาคมการค้าเสรียุโรปหรือเอฟตาและอยู่ทางตะวันตกของม่านเหล็ก ออสเตรียได้รับเอกราชในฐานะสาธารณรัฐในปีค.ศ. 1955 ภายใต้เงื่อนไขไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ออสเตรียอยู่ทางตะวันตกของม่านเหล็กและอยู่ภายใต้เขตอิทธิพลของสหรัฐ สเปนไม่ได้เข้าร่วมกลุ่มนาโตจนกระทั่งปีค.ศ. 1982 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของสงครามเย็นและเกิดขึ้นภายหลังการตายของจอมพลฟรันซิสโก ฟรังโกถึง 7 ปี

ความหมายของคำว่า "โลกตะวันตก" มักจะขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้ว่าต้องการที่จะสื่อความหมายแบบใดไม่ว่าจะเป็นในด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจ จิตวิญญาณหรือการเมือง

เนื่องจากคำว่า "โลกตะวันตก" ไม่มีนิยามระหว่างประเทศที่ชัดเจน รัฐบาลของหลายๆประเทศจึงไม่ใช้คำว่าโลกตะวันตกในการเขียนสนธิสัญญาระหว่างประเทศ และเลือกที่จะใช้คำอื่นๆซึ่งให้นิยามที่ชัดเจนมากกว่า

แม้ว่าสงครามเย็นจะได้สิ้นสุดลงแล้วและประเทศซึ่งเคยเป็นสมาชิกของกลุ่มตะวันออกได้มีแนวโน้มในการเปลี่ยนการปกครองมาทางเสรีนิยมประชาธิปไตยร่วมกับการมีอุดมการณ์ทางการเมืองเหมือนกลุ่มประเทศตะวันตก ประเทศเหล่านี้ยังคงไม่ได้รับการพิจารณาให้ถือเป็นกลุ่มประเทศตะวันตกเนื่องจากการปฏิรูปสังคมและการเมืองที่ปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมเพียงเล็กน้อยประเทศเหล่านี้ยังคงมีความแตกต่างทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจและการเมืองอย่างมีนัยสำคัญจากกลุ่มตะวันตก เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหภาพยุโรป ประเทศสมาชิกสมาคมการค้าเสรียุโรป ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

ในทางวัฒนธรรมและสังคมวิทยาโลกตะวันตกหมายถึงวัฒนธรรมใดๆก็ตามที่ได้รับอิทธิพลโดยตรงจากจากวัฒนธรรมของชาวยุโรปเช่น ยุโรปตะวันตก (ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร เบลเยียม), ยุโรปกลาง (เยอรมนี ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ โปแลนด์), ยุโรปเหนือ (สวีเดน เดนมาร์ก นอร์เวย์ ฟินแลนด์), ยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ (บัลแกเรีย โครเอเชีย กรีซ โรมาเนีย) ยุโรปใต้ (หรือตะวันตกเฉียงใต้) (สเปน, อิตาลี, โปรตุเกส, มอลตา), ยุโรปตะวันออก (รัสเซีย ยูเครน เบลารุส มอลโดวา), ทวีปอเมริกา (อาร์เจนตินา บราซิล แคนาดา ชิลี คอสตาริกา คิวบา เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา อุรุกวัย เวเนซุเอลา ปานามา โคลัมเบีย เอกวาดอร์), แอฟริกาใต้และโอเชียเนีย (ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์) ประเทศเหล่านี้รวมกันเป็นสังคมตะวันตก.

ประเทศในโลกตะวันตกส่วนใหญ่จะมีพื้นฐานอุดมการณ์ทางการเมืองเหมือนๆกันเช่น เสรีนิยมประชาธิปไตย หลักนิติธรรม สิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศ (แต่มีข้อยกเว้นบางอย่างในเรื่องการกำหนดนโยบายต่างประเทศ) สำหรับประเทศที่ต้องการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปจำเป็นจะต้องผ่านเงื่อนไขเหล่านี้ ดังนั้นจากมุมมองทางการเมืองสมัยใหม่รัฐสมาชิกสหภาพยุโรปทั้งหมดจึงถือเป็นส่วนหนึ่งของโลกตะวันตก

คนในปัจจุบันมักใช้คำว่า "โลกตะวันตก" ควบคู่หรือแทนคำว่าโลกที่หนึ่งซึ่งเป็นการย้ำให้เห็นความแตกต่างทางด้านเศรษฐกิจระหว่างโลกที่หนึ่ง(ส่วนใหญ่เจริญแล้ว) กับโลกที่สาม (ส่วนใหญ่เป็นประเทศกำลังพัฒนา) การใช้คำศัพท์แทนกันในลักษณะนี้เกิดขึ้นแม้หลายๆประเทศที่เข้าข่ายการเป็น "โลกตะวันตก" (โดยพิจารณาจากภูมิรัฐศาสตร์และวัฒนธรรม) จะยังคงกำลังพัฒนา ยกตัวอย่างเช่น หลายประเทศในทวีปอเมริกาเข้าข่ายของการเป็นส่วนหนึ่งของโลกตะวันตกแต่ในขณะเดียวกันยังถูกจัดว่าเป็นประเทศกำลังพัฒนา นอกจากนั้นประเทศที่พัฒนาแล้วหลายๆประเทศเช่นญี่ปุ่น เกาหลี และสิงคโปร์ก็ไม่ได้รับการจัดว่าส่วนหนึ่งของ "โลกตะวันตก"

For some generations before Muhammad, the Arab mind had been, as it were, smouldering, it had been producing poetry and much religious discussion; under the stimulus of the national and racial successes it presently blazed out with a brilliance second only to that of the Greeks during their best period. From a new angle and with a fresh vigour it took up that systematic development of positive knowledge, which the Greeks had begun and relinquished. It revived the human pursuit of science. If the Greek was the father, then the Arab was the foster-father of the scientific method of dealing with reality, that is to say, by absolute frankness, the utmost simplicity of statement and explanation, exact record, and exhaustive criticism. Through the Arabs it was and not by the Latin route that the modern world received that gift of light and power.

For many centuries the world of Islam was in the forefront of human civilization and achievement ... In the era between the decline of antiquity and the dawn of modernity, that is, in the centuries designated in European history as medieval, the Islamic claim was not without justification.


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301