- พระผู้พระราชทานนาม "สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า" (7 มกราคม พ.ศ. 2471)
โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ เดิมเคยเป็นโรงเรียนสตรีประจำมณฑลพายัพมาก่อน ปัจจุบันเปิดทำการเรียนการสอนแบบสหศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจำนวน 30 ห้องเรียน และในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจำนวน 33 ห้องเรียน
โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ เป็นโรงเรียนสตรีของรัฐบาลแห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ เปิดทำการสอนเมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2449 (ร.ศ. 125) โดยพระราชดำริของเจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 8 พระองค์มีพระราชประสงค์ที่จะก่อตั้งโรงเรียนสอนเด็กหญิงในนครเชียงใหม่ โดยทรงพระกรุณาโปรดให้ขุนอุปกรณ์ศิลปศาสตร์ ข้าหลวงธรรมการมณฑลพายัพ และนายพันตรีเจ้าไชยสงคราม กรมการเมืองเชียงใหม่ ติดต่อขอใช้คุ้มเจ้าเรือนคำ ถนนแม่ข่า เป็นที่ตั้งโรงเรียนและทรงรับอุปการะ โดยมีนางอบเชย เป็นครูใหญ่คนแรก วันเปิดทำการเรียนการสอนมีนักเรียนทั้งสิ้น 70 คน
พ.ศ. 2457 ขุนอุปกรณ์ศิลปสาตร์ ธรรมการมณฑลพายัพ ดำเนินการให้เปิดทำการสอน ณ บริเวณบ้านพักธรรมการจังหวัดใกล้วัดดอกเอื้อง ต่อจากนั้นหลวงอนุภาณสิศยานุสรรค์ ธรรมการมณฑลคนต่อมาดำเนินการต่อ โดยมีนางจำรัส หงสกุล เป็นครูใหญ่
พ.ศ. 2458 เมื่อโรงเรียนชายที่ตั้ง ณ คุ้มหลวง ข้างวัดดวงดีย้ายไป โรงเรียนสตรีจึงได้ย้ายไปแทนที่ตามคำสั่งมณฑลพายัพ สมัยขุนเชิดวิชาครูเป็นธรรมการ เปิดทำการสอนครั้งแรก วันที่ 1 พฤษภาคม 2459 และได้ใช้ชื่อโรงเรียนว่า โรงเรียนสตรีประจำมณฑลพายัพ "ยุพราชวิทยาลัย" มีรองอำมาตย์โท ขุนอาจวิชาสรร เป็นครูใหญ่
พ.ศ. 2460 รื้ออาคารเรียนที่วัดดวงดี ไปสร้างใหม่ในที่ดินของอำมาตย์ตรีเจ้าราชบุตร เสนาคลัง บริเวณถนนพระปกเกล้าเป็นเจ้า (ปัจจุบันคือ ถนนพระปกเกล้า) ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิทยาลัยอาชีวศึกษาในปัจจุบัน เปิดทำการสอนวันที่ 1 พฤษภาคม 2461
วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2464 หลวงวิสณฑ์ดรุณการ ธรรมการมณฑลพายัพ มีคำสั่งประกาศที่ 771 ให้แยกโรงเรียนสตรีประจำมณฑลพายัพ "ยุพราชวิทยาลัย" ที่มีครูใหญ่เพียงคนเดียว คือ รองอำมาตย์โทขุนอาจวิชาสรร โดยได้เพิ่ม นางเพิ่ม วิสณฑ์ดรุณการ รักษาการแทนครูใหญ่ และได้รับการยกฐานะเป็น โรงเรียนสตรีประจำมณฑลพายัพ รับนักเรียนสตรีตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และรับนักเรียนชายอายุไม่เกิน 12 ปีเต็ม
พ.ศ. 2471 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทศศิริวงศ์ สมุหเทศาภิบาลมณฑลพายัพได้นำความกราบบังคมทูลเพื่อขอพระราชทานนามโรงเรียนจากสมเด็จพระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า (พระราชอิสริยยศปัจจุบัน คือสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ) โดยทรงพระกรุณาโปรดกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานนามโรงเรียนจากพระนามเดิม “ สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา” ว่า “วัฒโนทัยพายัพ"(เป็นคำที่สนธิกัน ระหว่างคำว่า วัฒนา และ อุทัย )
7 มกราคม 2471 สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้า กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินทร (พระราชอิสริยยศปัจจุบันคือสมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ นรินทรเทพยกุมารี กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร) ทรงประกอบพิธีเปิดป้ายนามโรงเรียน สตรีประจำมณฑลพายัพ "วัฒโนทัยพายัพ "
พ.ศ. 2474 ธรรมการมณฑลให้รวมโรงเรียนสตรีประจำมณฑลพายัพ วัฒโนทัยพายัพและโรงเรียนสตรีประจำจังหวัด (โรงเรียนคำเที่ยงอนุสสรณ์ปัจจุบัน : ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2468) เริ่มรับ นักเรียนประจำเข้าเรียนในแผนกสามัญ
พระราชชายาเจ้าดารารัศมีเสด็จทรงเป็นประธานพิธีเปิด “ตึกคำเที่ยงนฤมิตร” แห่งโรงเรียนสตรีประจำมณฑลพายัพ “วัฒโนทัยพายัพ” วันที่ 24 พฤศจิกายน 2475 เวลา 16.30 น.
“ ...ข้าพระพุทธเจ้าขอประทานกราบทูลแสดงความปิติยินดีในพระกรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้า ฯ ข้าพระพุทธเจ้าขอประทานพระกรุณาทรงเปิดผ้าคลุมนามตึกและเสด็จทรงเหยียบ“ตึกคำเที่ยงนฤมิตร” หลังนี้เพื่อความเป็นสวัสดิมงคลแก่สถานที่และบรรดานักเรียนที่จะได้อาศัยใช้ประโยชน์ในการศึกษา สืบไป ...”
ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์โรงเรียนโปรดให้ครูช่างฟ้อนเมืองทุกแบบและฟ้อนม่านมุ้ยเชียงตาในวังมาสอนนักเรียนด้วยเพื่อเป็นการสืบทอดมรดกทางนาฏศิลป์ ที่โรงเรียนภูมิใจมากในปีนั้นได้เปิดสอนสาขาฝึกหัดครูประกาศนียบัตร (ป.) และครูประถม (ปป.) ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
พ.ศ. 2476 ทางราชการเปลี่ยนแปลงระเบียบการปกครองส่วนภูมิภาค ยกเลิกการปกครองแบบมณฑล ยุบกองธรรมการมณฑล โรงเรียนสตรีประจำมณฑลพายัพ “วัฒโนทัยพายัพ” จึงได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเติมคำว่า "พายัพ"เพื่อรักษาประวัติว่า เคยเป็นโรงเรียนสตรีประจำมณฑลพายัพมาก่อนและเติมคำว่า “สตรี" หัวนามโรงเรียน จึงหรือ โรงเรียนสตรีวัฒโนทัยพายัพ แผนกสามัญเปิดทำการสอนตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมปีที่ 8
บริเวณโรงเรียนคับแคบจึงได้ย้ายมาตั้ง ณ ที่ปัจจุบัน ซึ่งเดิมเป็นวัดร้างชื่อ “วัดสีเสียด” เริ่มก่อสร้างตึกเรียนวันที่ 6 สิงหาคม 2481
พ.ศ. 2481 โรงเรียนสาขาสตรีวัฒโนทัยพายัพที่เป็นที่ตั้ง “ตึกคำเที่ยงนฤมิตร” ได้เป็นอิสระจาก การปกครองของโรงเรียนสตรีวัฒโนทัยพายัพ และได้รับชื่อใหม่ว่า “โรงเรียนคำเที่ยงอนุสสรณ์”
21 มกราคม 2482 ประกอบพิธีเปิดโรงเรียน โดยพันโทประยูร ภมรมนตรี รัฐมนตรีสั่งราชการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานในพิธี
พ.ศ. 2484 – 2488 ระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพา โรงเรียนสตรีวัฒโนทัยพายัพเป็นสถานที่พักของทหารญี่ปุ่น โรงเรียนจึงต้องย้ายไปทำการสอนที่โรงเรียนฮั่วเอง โรงเรียนฮั่วเคี้ยว ถนนช้างคลาน และโรงเรียนวัดพระนอนหนองผึ้ง (จันทราราษฎร์ประสาท) ตำบลหนองผึ้ง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
พ.ศ. 2517 โรงเรียนได้เปิดรับนักเรียนชายในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จึงได้ทำการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนจากเดิม โรงเรียนสตรีวัฒโนทัยพายัพ เป็น โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ
18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์และหม่อมเอลิสะเบซ จักรพงษ์ เสด็จเยี่ยมโรงเรียน และทรงลงพระนามในสมุดเยี่ยม
8 มีนาคม พ.ศ. 2501 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมโรงเรียน และทรงลงพระปรมาภิไธย ในสมุดเยี่ยมโรงเรียน
7 มกราคม พ.ศ. 2522 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอาคารเรียน "อลงกรณ์ศิลป์"
7 มกราคม พ.ศ. 2528 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และทรงเปิดอาคารเรียน "ศรีสวรินทิรา" พร้อมทั้งอาคารสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ
3 สิงหาคม 2549 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑ์การศึกษาโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่
19 มกราคม 2558 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารพยาบาล "อาคาร 150 ปี ศรีสวรินทิรานุสรณีย์" แล้วทรงปลูกต้นไม้ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรห้องพยาบาล ทอดพระเนตรนิทรรศการส่งเสริมสุขภาพ โอกาสนี้ ทรงเสด็จฉายพระฉายาลักษณ์ ร่วมกับผู้บริหารและครูโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ
อาคารเรียนโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ มีรายนามอาคารที่คล้องจองกันตั้งแต่อาคารหลังที่ 1 - 6 ตามลำดับดังนี้ 1.ศิริวิทย์ 2.สิทธิธร 3.อลงกรณ์ศิลป์ 4.ศรีสวรินทิรา 5.วัฒนา 6.ร่มฟ้าเจ้าหลวง