โรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำ (อังกฤษ: rabies, hydrophobia) เป็นโรคไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบเฉียบพลันของสมองในมนุษย์และสัตว์เลือดอุ่นชนิดอื่น อาการเริ่มต้นมีไข้และอาการเป็นเหน็บ ณ ตำแหน่งสัมผัส อาการเหล่านี้ตามด้วยอาการต่อไปนี้อย่างหนึ่งหรือมากกว่า ได้แก่ การเคลื่อนไหวรุนแรง ความตื่นเต้นควบคุมไม่ได้ กลัวน้ำ ไม่สามารถขยับร่างกายบางส่วน สับสนและไม่รู้สึกตัว เมื่อเกิดอาการแล้ว จะลงเอยด้วยถึงแก่ชีวิตแทบทั้งสิ้น ช่วงเวลาระหว่างการติดต่อโรคและการเริ่มแสดงอาการนั้นปกติระหว่างหนึ่งถึงสามเดือน ทว่า ช่วงเวลานี้มีได้ตั้งแต่น้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์จนถึงกว่าหนึ่งปี เวลานี้ขึ้นอยู่กับระยะทางที่ไวรัสเข้าระบบประสาทส่วนกลาง
โรคพิษสุนัขบ้าเกิดจากลิสซาไวรัส (lyssavirus) ได้แก่ ไวรัสพิษสุนัขบ้า (rabies virus) และลิสซาไวรัสค้างคาวออสเตรเลีย (Australian bat lyssavirus) โรคพิษสุนัขบ้าแพร่เมื่อสัตว์ที่ติดเชื้อข่วนหรือกัดสัตว์อื่นหรือมนุษย์ น้ำลายจากสัตว์ที่ติดเชื้อยังสามารถส่งผ่านโรคพิษสุนัขบ้าได้หากสัมผัสกับตา ปากหรือจมูก ทั่วโลก หมาเป็นสัตว์ที่เกี่ยวข้องมากที่สุด ผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้ากว่า 99% ในประเทศที่หมามีโรคเป็นปกติเกิดจากหมากัด ในทวีปอเมริกา ค้างคาวกัดเป็นแหล่งที่พบมากที่สุดของการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในมนุษย์ และผู้ป่วยน้อยกว่า 5% มาจากหมาสัตว์ฟันแทะติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าน้อยมาก ไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าเดินทางไปสมองโดยตามประสาทส่วนปลาย โรคนี้สามารถวินิจฉัยได้หลังเริ่มแสดงอาการแล้วเท่านั้น
โครงการควบคุมสัตว์และให้วัคซีนลดความเสี่ยงของโรคพิษสุนัขบ้าจากหมาในหลายภูมิภาคของโลก มีการแนะนำให้การสร้างภูมิคุ้มกันแก่บุคคลก่อนสัมผัสสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง กลุ่มเสี่ยงสูงมีผู้ที่ทำงานกับค้างคาวหรือผู้ที่ใช้เวลานานในพื้นที่ของโลกที่มีโรคพิษสุนัขบ้าเป็นปกติ ในผู้ที่สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้า วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าและบ้างทีอิมมูโนโกลบูลินโรคพิษสุนัขบ้ามีผลป้องกันโรคหากบุคคลได้รับการรักษาก่อนเริ่มมีอาการโรคพิษสุนัขบ้า การล้างแผลถูกกัดและข่วนด้วยน้ำสบู่ โพวิโดนไอโอดีนหรือสารชะล้างเป็นเวลา 15 นาทีอาจลดจำนวนอนุภาคไวรัสและอาจมีผลบ้างในการป้องกันการแพร่เชื้อ มีเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตจากการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าหลังแสดงอาการ และได้รับการรักษาใหญ่ที่เรียก มิลวอกีโพรโทคอล (Milwaukee protocol)
โรคพิษสุนัขบ้าเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 26,000 ถึง 55,000 คนต่อปี การเสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้ากว่า 95% เกิดในทวีปแอฟริกาและเอเชีย โรคพิษสุนัขบ้าพบในกว่า 150 ประเทศและทุกทวีปยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกา กว่า 3 พันล้านคนอาศัยอยู่ในบริเวณของโลกที่พบโรคพิษสุนัขบ้า หลายประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา ญี่ปุ่น สหรัฐและยุโรปตะวันตก ไม่มีโรคพิษสุนัขบ้าในหมา หลายประเทศเกาะขนาดเล็กไม่มีโรคพิษสุนัขบ้าเลย
ช่วงระหว่างการติดเชื้อและอาการคล้ายหวัดครั้งแรกตรงแบบคือ 2 ถึง 12 สัปดาห์ในมนุษย์ มีบันทึกระยะฟักสั้นเพียงสี่วันและนานกว่าหกปี ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความรุนแรงของแผลที่มีการปนเปื้อนและปริมาณไวรัสที่เข้าสู่ร่างกาย ไม่นานอาการและอาการอาจเพิ่มเป็นอัมพาตเล็กน้อยหรือบางส่วน วิตกกังวล นอนไม่หลับ สับสน กระสับกระส่าย มีพฤติกรรมผิดปกติ โรคจิตหวาดระแวงและประสาทหลอน ดำเนินเป็นอาการเพ้อ
การเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิด 2 ถึง 10 วันหลังมีอาการแรก การรอดชีวิตพบน้อยเมื่อเกิดอาการแล้ว แม้ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและเข้มแล้วก็ตาม Jeanna Giese ซึ่งเป็นผู้ป่วยคนแรกที่ได้รับการรักษาด้วยมิลวอกีโพรโทคอลในปี 2547 เป็นบุคคลแรกเท่าที่มีบันทึกที่รอดชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าโดยไม่ได้รับการป้องกันโรคหลังสัมผัสสำเร็จ การวิเคราะห์เจตนารักษา (intention-to-treat analysis) นับแต่นั้นพบว่าโพรโทคอลนี้มีอัตรารอดชีวิตประมาณ 8%
โรคกลัวน้ำ (hydrophobia) เป็นชื่อเดิมของโรคพิษสุนัขบ้า หมายถึง กลุ่มอาการในระยะท้าย ๆ ของการติดเชื้อที่บุคคลกลืนลำบาก แสดงอาการตื่นตระหนกเมื่อเสนอของเหลวให้ดื่ม และไม่สามารถดับความกระหายของผู้นั้นได้ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดที่ติดเชื้อไวรัสนี้อาจแสดงอาการกลัวน้ำทั้งนั้น
การผลิตน้ำลายเพิ่มขึ้นมาก และความพยายามดื่ม หรือแม้แต่เจตนาหรือการแนะนำให้ดื่ม อาจทำให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อในลำคอและกล่องเสียงที่เจ็บอย่างยิ่ง อาการนี้สามารถอธิบายได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าไวรัสเพิ่มจำนวนและอยู่ในต่อมน้ำลายของสัตว์ที่ติดเชื้อโดยมีความมุ่งหมายเพื่อส่งผ่านเพิ่มผ่านการกัด ความสามารถส่งผ่านไวรัสของสัตว์ที่ติดเชื้อจะลดลงอย่างสำคัญหากสัตว์นั้นสามารถกลืนน้ำลายและน้ำได้
โรคกลัวน้ำโดยทั่วไปสัมพันธ์กับโรคพิษสุนัขบ้าดุร้าย (furious rabies) ซึ่งเกิดใน 80% ของผู้ที่ติดเชื้อ อีก 20% ที่เหลืออาจประสบโรคพิษสุนัขบ้าแบบอัมพาตซึ่งมีลักษณะกล้ามเนื้ออ่อนแรง เสียการรู้สึกและอัมพาต โรคพิษสุนัขบ้าแบบนี้ปกติไม่ทำให้เกิดความกลัวน้ำ
สัตว์เลือดอุ่นทุกชนิดรวมทั้งมนุษย์อาจสามารถติดเชื้อไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าและแสดงอาการได้ทั้งหมด มีการแพร่เชื้อโรคพิษสุนัขบ้าให้นกแบบมนุษย์ทำครั้งแรกในปี 2427 ทว่า นกที่ติดเชื้อส่วนใหญ่หรือทั้งหมดไร้อาการ และฟื้นตัว นกชนิดอื่นทราบว่าพัฒนาแอนติบอดีโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ หลังกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า
ไวรัสนี้ยังปรับตัวให้เติบโตในเซลล์สัตว์มีกระดูกสันหลังเลือดเย็นได้ สัตว์ส่วนใหญ่สามารถติดเชื้อไวรัสและสามารถแพร่เชื้อโรคสู่มนุษย์ได้ ค้างคาว ลิง แรคคูน หมาป่า สกั๊งค์ ปศุสัตว์ หมาป่า ไคโยตี หมา พังพอน (ปกติพังพอนสีเหลือง) และแมวมีความเสี่ยงต่อมนุษย์สูงสุด
โรคพิษสุนัขบ้ายังแพร่ผ่านการสัมผัสหมี สัตว์ฟาร์มเลี้ยง กราวน์ฮ็อก วีเซิลและสัตว์กินเนื้อป่าอื่น อันดับกระต่าย เช่น กระต่ายป่าและกระต่าย และสัตว์ฟันแทะ เช่น ชิปมังก์ เจอร์บิล หนูตะเภา แฮมสเตอร์ หนูหริ่ง หนูและกระรอก แทบไม่พบว่าติดเชื้อด้วยโรคพิษสุนัขบ้าและไม่ทราบว่าส่งผ่านโรคพิษสุนัขบ้าสู่มนุษย์ การกัดจากหนูหริ่ง หนูหรือกระรอกแทบไม่ต้องป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเพราะสัตว์ฟันแทะเหล่านี้ตรงแบบถูกฆ่าเมื่อเผชิญกับสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าที่ใหญ่กว่า ฉะนั้น จะไม่เป็นพาหะ โอพอสซัมเวอร์จิเนียต้านทานแต่ไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคพิษสุนัขบ้า
ปกติพบไวรัสในประสาทและน้ำลายของสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าที่แสดงอาการ เส้นทางการติดเชื้อปกติเป็นการกัด แต่ไม่เสมอไป ในสัตว์จำนวนมาก สัตว์ที่ติดเชื้อก้าวร้าวเป็นพิเศษ อาจทำร้ายโดยไม่ถูกยั่วยุ และแสดงพฤติกรรมผิดแปลก นี้เป็นตัวอย่างของไวรัสก่อโรคที่ดัดแปรพฤติกรรมของตัวถูกเบียนของมันให้เอื้อแพร่เชื้อไปตัวถูกเบียนอื่น
การแพร่เชื้อระหว่างมนุษย์ด้วยกันพบน้อยมาก มีผู้ป่วยน้อยคนมีบันทึกผ่านการปลูกถ่ายอวัยวะ หลังการติดเชื้อมนุษย์ตรงแบบโดยกัด ไวรัสเข้าระบบประสาทนอกส่วนกลาง แล้วเดินทางตามประสาทนำเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลาง ระหว่างระยะนี้ ไวรัสไม่สามารถถูกพบได้โดยง่ายในตัวถูกเบียน และวัคซีนอาจยังทำให้เกิดภูมิคุ้มกันอาศัยเซลล์เป็นสื่อ (cell-mediated immunity) เพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่แสดงอาการ เมื่อไวรัสเข้าสมอง มันทำให้เกิดสมองอักเสบอย่างเร็ว ระยะบอกเหตุโรค และเป็นจุดเริ่มต้นของอาการ เมื่อผู้ป่วยแสดงอาการแล้ว การรักษาแทบไร้ผลโดยสิ้นเชิงและอัตราตายมีกว่า 99% โรคพิษสุนัขบ้าอาจยังทำให้ไขสันหลังอักเสบ ทำให้เกิดไขสันหลังอักเสบตามขวาง (transverse myelitis)
การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่ดีที่สุดคือ ระวังอย่าให้ถูกสุนัขกัดหรือแมวกัด เพราะการติดเชื้อ ส่วนใหญ่จะมาจากน้ำลายสัตว์ที่เป็นโรคอยู่แล้ว ที่สำคัญที่สุด คือ การเสริมภูมิคุ้มกันในสุนัข ซึ่งเป็นสัตว์นำโรคหลัก รวมทั้ง การควบคุมจำนวนสุนัข
ในการเก็บตัวอย่างส่งห้องปฏิบัติการ ควรกักขังสัตว์ไว้ในที่ปลอดภัย และเฝ้าดูอาการประมาณ 15 วัน ไม่ควรทำลายสัตว์โดยไม่จำเป็น ควรปล่อยให้สัตว์ตายเอง ซึ่งจะตรวจพบเชื้อได้ง่าย และแน่นอน ในการส่งซาก หลังจากที่สัตว์ตายลง ถ้าเป็นสัตว์เล็กเช่นสุนัข แมว การส่งตัวอย่างอาจส่งเฉพาะหัว หรือส่งทั้งซากก็ได้ แต่ถ้าเป็นสัตว์ใหญ่เช่น โค กระบือ ต้องตัดหัวหรือสมองสัตว์ใส่ถุงพลาสติกแช่น้ำแข็ง นำส่งห้องปฏิบัติการ เพราะตัวอย่างที่จะใช้ตรวจโรคคือสมองของสัตว์ ซึ่งต้องทำอย่างระมัดระวัง อย่าใช้วิธีทุบที่กะโหลก เพราะอาจทำให้สมองเละ ตรวจหาสมองส่วน ฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ได้ยาก แล้วส่งให้เร็วที่สุด โดยต้องปฏิบัติอย่างระมัดระวัง โดยผู้ทำการต้องสวมถุงมือ หรือใช้ถุงพลาสติกหุ้มมือให้มิดชิด และล้างมือให้สะอาดหลังจากเก็บซาก