โบโนโบได้รับการอนุกรมวิธานโดย เฮิร์นส์ ชวาตส์ นักสัตววิทยาชาวเยอรมัน ในปี ค.ศ. 1929 หลังจากก่อนหน้านั้น คือ ในปี ค.ศ. 1927 อองรี โซเดน นักสัตววิทยาชาวเบลเยี่ยมได้ตรวจสอบหัวกะโหลกและหนังสัตว์แปลกประหลาดชนิดหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นชิมแปนซีตัวเมีย ซึ่งน่าจะเป็นตัวโตเต็มวัยที่ได้มาจากเบลเยี่ยมคองโก ซึ่งชวาตส์ได้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์ของโซเดน และได้ทำการวัดขนาดกะโหลกและตัวอย่างอีก 2 หัว ก่อนสรุปว่าเป็นชิมแปนซี หรือเอปชนิดใหม่ของโลก ซึ่งจะพบได้เฉพาะฝั่งซ้ายหรือตอนใต้ของแม่น้ำคองโกเท่านั้น
เป็นลิงไม่มีหางที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่ามีวิวัฒนาการใกล้เคียงมนุษย์มากที่สุด โดยมีบรรพบุรุษร่วมกันก่อนจะมาแยกสายวิวัฒนาการ โดยมีดีเอ็นเอเหมือนกับมนุษย์ถึงร้อยละ 90 โบโนโบมีลักษณะทั่วไปเหมือนกับชิมแปนซี ที่อยู่ในสกุลเดียวกัน แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก และมีถิ่นที่อยู่อาศัยจำกัดกว่า และมีพฤติกรรมรักสงบ ไม่ก้าวร้าวหรือล่าลิงชนิดอื่นกินเป็นอาหารเหมือนชิมแปนซี
โบโนโบ มีส่วนหัวที่เล็กกว่าชิมแปนซีเมื่อเทียบกับขนาดตัว มีรูปร่างที่เพรียวและแขนยาวกว่า อย่างไรก็ตามทั้งตัวผู้และตัวเมียเมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดพอ ๆ กับชิมแปนซีตัวเมีย ซึ่งโบโนโบได้แยกสายวิวัฒนาการมาจากชิมแปนซีเมื่อกว่า 900,000 ปี ถึง 1.5 ล้านปีก่อน จากการที่แม่น้ำคองโกได้ถือกำเนิดขึ้น ทำให้ตัดขาดความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ได้มีการศึกษาพบว่า โบโนโบเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงชนิดเดียวที่ไม่ใช่มนุษย์ ที่สามารถแสดงออกทางความรักและมีพฤติกรรมทางเพศได้เหมือนมนุษย์ เช่น การจูบ, การออรัลเซ็กส์ หรือแม้แต่การผสมพันธุ์แบบหันหน้าเข้าหากัน และยังพบว่ามีพฤติกรรมผสมพันธุ์เพื่อแลกเปลี่ยนอาหารกัน แทนที่จะต่อสู้แย่งชิงกันแบบสัตว์ชนิดอื่น หรือแม้แต่การใช้อวัยวะเพศที่ขยายใหญ่กว่าปกติเสียดสีกันไปมาของตัวเมียในช่วงวัยเจริญพันธุ์เพื่อแสดงออกถึงความผูกพันฉันพี่น้องกันด้วย
อยู่อาศัยในตอนกลางของทวีปแอฟริกา พบในเขตประเทศคองโก เพียงประเทศเดียวในโลก พบในธรรมชาติเพียง 5,000 ตัว จัดอยู่ในกลุ่มสิ่งมีชีวิตใกล้สูญพันธุ์
ปัจจุบันประเทศคองโกมีพื้นที่อนุรักษ์ซึ่งเป็นป่าดงดิบที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา คิดเป็นร้อยละ 8 และต้องการเพิ่มเป็นร้อยละ 10 และร้อยละ 15 ในที่สุด โดยรัฐบาลคองโกต้องการปกป้องการทำลายป่าในพื้นที่ลุ่มคองโกด้วย