โดมทองแห่งเยรูซาเลม (อาหรับ: ???? ??? ???????, ทับศัพท์: Masjid Qubbat As-Sakhrah, ฮีบรู: ???? ?????, ทับศัพท์: Kipat Hasela, อังกฤษ: Dome of the Rock) เป็นศาสนสถานของศาสนาอิสลามที่เป็นที่ตั้งของศิลาฤกษ์ (Foundation Stone), เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของศาสนายูดาย และเป็นสิ่งก่อสร้างที่เด่นที่สุดบนเท็มเพิลเมานท์ในกรุงเยรูซาเลม โดมทองสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 691 ซึ่งทำให้เป็นสิ่งก่อสร้างของอิสลามที่เก่าที่สุดในโลก
โดมทองตั้งเด่นอยู่บนเนินที่สร้างโดยมนุษย์ในสมัยโบราณที่เรียกว่าเท็มเพิลเมานท์ที่ชาวมุสลิมเรียกว่า “Noble Sanctuary” เนินสูงขยายใหญ่ขึ้นเป็นอันมากในรัชสมัยของพระเจ้าแฮรอดมหาราชเพื่อใช้เป็นที่สร้างวัดที่สองที่ต่อมาถูกทำลายโดยโรมันระหว่างการล้อมกรุงเยรูซาเลมในปี ค.ศ. 70 ในปี ค.ศ. 637 เยรูซาเลมก็ถูกพิชิตโดยกองทัพของจักรวรรดิราชิดันระหว่างการรุกรานของอิสลามในจักรวรรดิไบแซนไทน์
โดมทองก่อสร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 685 จนถึง ค.ศ. 691 โดยมี ยาซิด อิบุน ซาลาม จากเยรูซาเลม และ ราชา อิบุน เฮย์วาห์จากเบย์ซาน (Baysan) กาหลิบอุมัยยะห์อับด อัล-มาลิค (??? ????? ?? ?????? - Abd al-Malik) ผู้ริเริ่มโครงการหวังว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใช้เป็นสถานที่สำหรับ “พำนักของมุสลิมทั้งยามหนาวและร้อน” และเป็นสถานที่สักการะสำหรับนักแสวงบุญที่ไม่แต่จะเป็นเพียงมัสยิดสำหรับการสักการะโดยทั่วไปเท่านั้น นักประวัติศาสตร์โต้ว่าการโครงการการก่อสร้างของกาหลิบอัล-มาลิคเป็นโครงการเพื่อแข่งขันกับสิ่งก่อสร้างทางศาสนาอื่นๆ ที่มีอยู่แล้วในเยรูซาเลมในขณะนั้น นักภูมิศาสตร์ชาวอาหรับอัล-มูคัดดาซิ (???? ?? ???? ??? ????? ????????? - Al-Muqaddasi) บันทึกว่ากาหลิบอัล-มาลิค
”ตั้งใจจะสร้างสิ่งก่อสร้างสำหรับชาวมุสลิมในลักษณะของ “มัสยิด” ที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และในบริบทนี้เมื่อ[กาหลิบอัล-มาลิค]เห็นความสง่างามของวัดโฮลีเซพัลเครอ แล้วกฌไม่ต้องการที่จะให้เป็นที่ดึงดูดชาวมุสลิม จึงทำให้[กาหลิบอัล-มาลิค]ไปสร้างสิ่งก่อสร้างบนเนินที่เห็นกันในขณะนี้”
ศาสตราจารย์ชโลโม โดฟ กอยไทน์ (Shlomo Dov Goitein) แห่งมหาวิทยาลัยฮิบรูกล่าวว่าโดมทองเป็นการก่อสร้างเพื่อเป็นการแข่งขันกับศาสนสถานของศาสนาอื่นๆ ที่ตั้งเด่นอยู่ในเยรูซาเลมในขณะนั้น โดยเฉพาะการใช้โดมใหญ่ (rotunda) ที่ใช้ในการก่อสร้างโดมทอง (Qubbat as-Sakhra) ซึ่งเป็นลักษณะการก่อสร้างแบบใหม่สำหรับสถาปัตยกรรมอิสลามเป็นการสร้างเพื่อแข่งกับสิ่งก่อสร้างที่เป็นโดมของคริสต์ศาสนสถาน เอ.ซี. เครสเวลล์ตั้งข้อสังเกตในหนังสือ Origin of the plan of the Dome of the Rock (ที่มาของผังการก่อสร้างโดมทองแห่งเยรูซาเลม) ว่าผู้สร้างโดมทองใช้การวัดสัดส่วนจากพระคูหาศักดิ์สิทธิ์ (Holy Sepulcher) เส้นผ่าศูนย์กลางของโดมคือ 20 เมตร 20 เซนติเมตร และสูง 20เมตร 48 เซนติเมตร ขณะที่เส้นผ่าศูนย์กลางของโดมของพระคูหาศักดิ์สิทธิ์คือ 20 เมตร 90 เซนติเมตร และสูง 21 เมตร 5 เซนติเมตร มาร์ค ครินสันผู้เชี่ยวชาญทางสถาปัตยกรรมจักรวรรดินิยมมีความเห็นว่าโดมทองเป็น “ตัวอย่างของสิ่งก่อสร้างแบบเผยแพร่ลัทธิและแสดงอำนาจทางการเมืองที่ภายนอกตกแต่งด้วยคำจารึกของประมุขมุสลิมที่เข้ามาใหม่ที่จงใจให้เป็นที่เห็นโดยชาวคริสเตียนที่อยู่ในท้องถิ่น”
ทรงสิ่งก่อสร้างเป็นแปดเหลี่ยมที่ตอนบนเป็นโดมไม้ที่ตั้งอยู่บนเสา 16 เสา รอบโดมด้านล่างเป็นโค้งแปดเหลี่ยมที่รับโดยเสาอีก 24 เสา ระหว่างที่นักเขียนชาวอเมริกันมาร์ค เทวนท่องเที่ยวในเยรูซาเลมก็ได้เขียนบันทึกว่า:
”ทุกหนทุกแห่งรอบมัสยิดแห่งโอมาร์เต็มไปด้วยชิ้นส่วนของเสา แท่นบูชาลักษณะแปลก และซากหินอ่อนที่แกะอย่างงดงาม - สิ่งที่มีคุณค่าจากวัดโซโลมอน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถูกขุดขึ้นมาจากระดับต่างๆ ของผิวดินและเศษขยะจากโมริยะห์ และชาวมุสลิมก็เก็บรักษาไว้ด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างดี”
ด้านนอกของโดมทองทำด้วยพอร์ซีเลน และสะท้อนทรงแปดเหลี่ยมของสิ่งก่อสร้าง แต่ละช่วงมีขนาดกว้าง 18 เมตร และสูง 11 เมตร ทั้งโดมและผนังมีหน้าต่างเป็นระยะๆ