โคเบะ (ญี่ปุ่น: ??? K?be-shi ?) เป็นเมืองเอกของจังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับที่ 5 และเป็นเมืองท่าที่สำคัญของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางฝั่งใต้ของเกาะฮนชู ห่างจากเมืองโอซะกะไปทางตะวันตกประมาณ 30 กิโลเมตร มีประชากรประมาณ 1.5 ล้านคนและเป็นส่วนหนึ่งของมหานครเคฮันชิง
โคเบะปรากฏในหลักฐานลายลักษณ์อักษรเป็นครั้งแรกในพงศาวดารนิฮงโชะกิที่กล่าวถึงการก่อตั้งศาลเจ้าอิกุตะโดยพระจักรพรรดิจิงกูเมื่อ ค.ศ. 201 โคเบะไม่มีประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากนัก แม้แต่เมื่อครั้งที่ท่าเรือโคเบะอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะในสมัยเอะโดะ จนกระทั่งมีการก่อตั้งเมืองขึ้นในปี ค.ศ. 1889 ในชื่อเมือง "คันเบะ" (??) เพื่อระลึกถึงผู้บริจาคในการสร้างศาลเจ้าอิกุตะ จากนั้น ในปี ค.ศ. 1956 รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดตั้งให้โคเบะเป็นหนึ่งในเมืองของประเทศที่มีเขตการปกครองรูปแบบพิเศษ
โคเบะเป็นเมืองท่าที่สำคัญของญี่ปุ่นที่มีการค้าขายกับทางประเทศตะวันตกนับตั้งแต่การยกเลิกนโยบายปิดประเทศ ในปี ค.ศ. 1995 เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำให้เมืองโคเบะได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ก็สามารถซ่อมแซมบูรณะจนกลายมาเป็นเมืองท่าที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งได้ บริษัทหลายๆแห่งได้ตั้งสำนักงานใหญ่ที่โคเบะ และเมืองนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของเนื้อโคเบะอีกด้วย
มีการขุดพบการใช้เครื่องมือของมนุษย์ในยุคโจมงทางตะวันตกของโคเบะ ด้วยความเหมาะสมทางภูมิศาสตร์ของโคเบะทำให้มีการพัฒนาท่าเรือขึ้นที่บริเวณแห่งนี้ หลักฐานลายลักษณ์อักษรของโคเบะปรากฏครั้งแรกในพงศาวดารนิฮงโชะกิ ที่กล่าวถึงการตั้งศาลเจ้าอิกุตะโดยพระจักรพรรดิจิงกูเมื่อ ค.ศ. 201
ในยุคนะระและยุคเฮอันนั้น ท่าเรือในบริเวณนี้ก็เป็นที่รู้จักในชื่อท่าจอดเรือแห่งโอวะดะ (โอวะดะโนะโทะมะริ) เป็นจุดที่เริ่มต้นของการเดินทางเจริญสัมพันธไมตรีกับจีน เมืองโคเบะเคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นเป็นช่วงเวลาสั้นๆเมื่อปี ค.ศ. 1180 เมื่อซะมุไรไทระ โนะ คิโยะโมะริสั่งให้พระจักรพรรดิอันโทะคุย้ายไปอยู่ที่เขตฟุคุฮะระในเขตเมืองโคเบะ แต่หลังจากนั้น 5 เดือน พระจักรพรรดิก็ย้ายกลับไปเคียวโตะอีกครั้ง ในช่วงปลายของยุคเฮอัง โคเบะเป็นสมรภูมิของสงครามเก็มเป อันเป็นเป็นเส้นแบ่งระหว่างยุคเฮอังและยุคคะมะกุระ
หลังจากยุคคะมะกุระ โคเบะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าขายกับจีนและต่างประเทศ และในคริสต์ศตวรรษที่ 13 โคเบะเริ่มเป็นที่รู้จักในชื่อ ท่าเรือเฮียวโงะ (??? เฮียวโงะสึ) เป็นท่าเรือสำคัญเคียงคู่กับท่าเรือของเมืองโอซะกะ
หลังจากนั้น เมื่อเข้าสู่ยุคเอะโดะ พื้นที่ทางตะวันออกของโคเบะอยู่ภายใต้การปกครองของมณฑลอะมะงะซะกิและพื้นที่ทางตะวันออกอยู่ภายใต้การปกครองของมณฑลอะกะชิ ส่วนพื้นที่ตอนกลางของเมืองถูกปกครองโดยรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ จนกระทั่งมีการยกเลิกไปเมื่อมีการยกเลิกระบบศักดินาในปี ค.ศ. 1871 เมื่อล่วงเข้าสู่ยุคเมจิ และมีการใช้ระบบการปกครองแบบจังหวัด ดังเช่นที่ใช้กันในทุกวันนี้
รัฐบาลบะกุฟุเปิดท่าเรือโคเบะให้ค้าข่ายกับต่างประเทศได้พร้อมท่าเรือโอซะกะเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1868 ก่อนที่จะเกิดสงครามโบชิงและการปฏิรูปเมจิขึ้น จากนั้นพื้นที่ของโคเบะจึงเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น และมีชาวตะวันตกเริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณคิตะโนะ ทางตอนเหนือของโคเบะในปัจจุบัน
เมืองโคเบะ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1889 และเนื่องจากเมืองมีความเกี่ยวข้องทางประวัติศาสตร์กับศาลเจ้าอิกุตะ จึงได้ตั้งชื่อเมืองว่า "โคเบะ" ซึ่งมาจากคำว่า "คันเบะ" (??) ที่เป็นคำโบราณที่หมายถึงผู้ที่บริจาคในการสร้างศาลเจ้าแห่งนี้
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โคเบะถูกโจมตีทางอากาศอย่างหนัก และเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดคือการทิ้งระเบิด B-29 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 1945 จนเป็นเหตุให้มีพลเรือนเสียชีวิต 8,841 ราย พื้นที่เมืองโคเบะลดลงไปกว่าร้อยละ 21 เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่องสุสานหิ่งห้อยจากค่ายสตูดิโอจิบลิ
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 1975 เทศมนตรีเมืองโคเบะผ่านบัญญัติว่าด้วยการห้ามมิให้ยานพาหนะใดที่บรรทุกอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาเทียบท่าที่ท่าเรือโคเบะโดยเด็ดขาดหลังจากที่ได้รับการกดดันจากพลเรือนมาโดยตลอด
เมื่อวันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1995 เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิงวัดขนาดได้ที่แมกนิจูด 7.2 เมื่อเวลา 5:46 นาฬิกา คร่าชีวิตชาวเมืองไป 6,434 ราย และประชาชนไร้ที่อยู่อาศัย 212,443 คน ท่าเรือและหลายส่วนของเมืองได้รับความเสียหาย หลังจากได้มีการบูรณะเมืองจนเข้าสู่สภาพปกติเรียบร้อยแล้ว เมืองโคเบะได้จัดแสดงแสงสี(Luminari)เพื่อเป็นที่ระลึกถึงโศกนาฏกรรมในครั้งนั้นเป็นประจำทุกปี
ท่าเรือโคเบะเคยเป็นท่าเรือที่มีเรือเข้าออกมากที่สุดของญี่ปุ่นและติดอันดับท่าเรือชั้นนำของเอเชีย จนกระทั่งเมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิง ปัจจุบัน โคเบะเป็นท่าเรืออันดับที่ 4 ของญี่ปุ่นและเป็นท่าเรือที่มีเรือเข้าออกมากที่สุดเป็นอันดับ 49 ของโลก (จากการจัดอันดับเมื่อปี 2012)
โคเบะตั้งอยู่ระหว่างชายฝั่งและภูเขา เป็นเมืองที่ยาวและแคบ ทางตะวันออกติดกับเมืองอะชิยะ ทางตะวันตกติดกับเมืองอะคะชิ และมีเมืองอื่นๆที่สำคัญตั้งอยู่รอบๆ เช่น ทะกะระสึกะ นิชิโนะมิยะ และมิกิ
จุดสังเกตที่สำคัญของพื้นที่บริเวณท่าเรือโคเบะคือหอคอยท่าเรือ อันเป็นหอคอยเหล็กกล้าสีแดง และชิงช้าสวรรค์ยักษ์ในย่านฮาร์เบอร์แลนด์ นอกจกนี้ยังมีการถมทะเลเพื่อสร้างเป็นเกาะพอร์ทและเกาะร็อกโกเพื่อขยายพื้นที่ของเมืองอีกด้วย
สำหรับย่านไกลจากทะเลนั้น มีย่านโมะโตะมะชิ ซันโนะมิยะ และไชน่าทาวน์ เป็นย่านที่สำคัญของเมือง มีทางรถไฟหลายสายให้บริการรับส่งผู้โดยสารจากฝั่งตะวันออกไปถึงฝั่งตะวันตกของเมือง โดยมีศูนย์กลางรถไฟหลักอยู่ที่สถานีซันโนะมิยะ สถานีโคเบะ และสถานรถไฟชิงกันเซ็งชินโคเบะ
จุดชมวิวที่สำคัญของเมืองอยู่บนภูเขาร็อกโก สูงจากระดับน้ำทะเล 931 เมตร สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ทั้งเมือง และจะมีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
โคเบะ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเขตภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น (CFA ตามระบบการแบ่งภูมิอากาศของเคิปเปน) มีฤดูร้อนที่ร้อนและฤดูหนาวที่อากาศเย็น ความชื้นในช่วงฤดูร้อนจะสูงกว่าฤดูหนาว แม้ว่าเป็นค่าที่ค่อนข้างต่ำกว่าบริเวณอื่นๆในเกาะฮนชู และเป็นเมืองที่ไม่ค่อยจะมีหิมะตก
เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2007 โคเบะมีประชากร 1,530,295 คน คิดเป็น 658,876 หลังคาเรือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากปีที่แล้ว ความหนาแน่นของประชากรอยู่ที่ 2,768 คนต่อตารางกิโลเมตร มีอัตราส่วนของผู้ชาย 90.2 คนต่อผู้หญิง 100 คน มีอัตราส่วนของประชากรอายุระหว่าง 0-14 ปีอยู่ที่ร้อยละ 13 อายุระหว่าง 15-64 ปีอยู่ที่ร้อยละ 67 และอายุเกิน 65 ปีอยู่ที่ร้อยละ 20
มีชาวต่างชาติที่ลงทะเบียนอาศัยอยู่ในโคเบะประมาณ 44,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลี (22,237 คน) ชาวจีน (12,516 คน) ชาวเวียดนาม (1,301 คน) และชาวสหรัฐอเมริกา (1,280 คน)
ท่าเรือโคเบะ เป็นท่าเรือที่สำคัญและเป็นศูนย์กลางการผลิตของเขตอุตสาหกรรมฮันชิง โคเบะเป็นเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าที่มีเรือเข้าออกมากที่สุดในภูมิภาค มากกว่าท่าเรือโอซะกะ และสูงเป็นอันดับ 4 ของญี่ปุ่น
ในปี ค.ศ. 2004 โคเบะมีผลิตภัณฑ์มวลรวมอยู่ที่ 6.3 ล้านล้านเยน คิดเป็นร้อยละ 34 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัดเฮียวโงะและคิดเป็นร้อยละ 8 ของแถบคันไซ รายได้ต่อหัวของประชากรอยู่ที่ 2.7 ล้านเยนต่อปี แบ่งเป็นประเภทหนึ่ง (เกษตรกรรม ประมง และเหมืองแร่) ร้อยละ 1 ประเภทที่สอง (การผลิตและอุตสาหกรรม) ร้อยละ 21 และประเภทบริการ ร้อยละ 78
มูลค่าของสินค้าที่ผลิตได้ในปี 2004 ของโคเบะคือ 2.5 ล้านล้านเยน โดยส่วนใหญ่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก อาหาร อุปกรณ์การขนส่ง และอุปกรณ์การสื่อสาร
สถานีซันโนะมิยะ เป็นศูนย์กลางการคมนาคมของโคเบะ โดยมีรถไฟเจอาร์สายโคเบะเชื่อมต่อโคเบะกับเมืองโอซะกะและเมืองฮิเมะจิ ส่วนรถไฟฮันกีวสายโคเบะและรถไฟฮันชิงสายโคเบะก็เชื่อมต่อโคเบะกับสถานีอุเมะดะในโอซะกะ นอกจากนี้ รถไฟใต้ดินโคเบะก็เชื่อมต่อกับรถไฟซันโย ชิงกันเซ็งที่สถานีชินโคเบะ และรถไฟฟ้าซันโยก็ให้บริการรถไฟเชื่อมต่อกับฮิเมะจิด้วยรถไฟด่วนโคเบะ
นอกจากนี้ ยังมีรถไฟเชื่อมเมืองโคเบะกับส่วนอื่นๆในจังหวัดเฮียวโงะอีก เช่น รถไฟฟ้าโคเบะ รถไฟโฮะกุชินเคียวกุ และรถไฟโคเบะนิวทรานซิท
โคเบะเป็นศูนย์กลางของทางด่วน โดยเฉพาะทางด่วนเมชิน (นะโงะยะ - โคเบะ) และทางด่วนฮันชิน (โอซะกะ - โคเบะ) มีทางด่วนโคเบะ-อะวะจิ-นะรุโตะที่เชื่อมโคเบะกับนะรุโตะผ่านเกาะอะวะจิทางสะพานอะกะชิไคเกียวที่มีชื่อเสียงในฐานะสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลก
สำหรับการคมนาคมทางการอากาศ มีท่าอากาศยานนานาชาติโอซะกะและท่าอากาศยานโคเบะที่อยู่ใกล้กับเมือง ขณะที่ศูนย์กลางการคมนาคมทางอากาศของภูมิภาคคันไซจะอยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ
เมืองโคเบะมีโรงเรียนระดับประถมศึกษา 169 แห่ง มีโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น 81 แห่ง มีนักเรียนประมาณ 80,200 และ 36,000 คนตามลำดับ สำนักงานเขตโคเบะให้บริการการศึกษาระดับมัธยมปลาย 7 แห่ง และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาจังหวัดเฮียวโงะรับผิดชอบโรงเรียนมัธยมปลายอีก 18 แห่ง มีนักเรียนทั้งสิ้น 43,400 คน
โคเบะยังมีมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนตั้งอยู่มากมาย โดยมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงคือ มหาวิทยาลัยโคเบะ
ภาพวาดนิชิกิเอะ แสดงเรือกลไฟของชาวต่างชาติกำลังเทียบท่าเรือเฮียวโงะในช่วงเปิดประเทศสู่โลกตะวันตกในช่วงปลายศตวรรษที่ 19