แขวงเชียงขวาง (ลาว: ??????? สะกด เซียงขวาง อ่าน เซียงขวง; อังกฤษ: Xiangkhoang) เป็นหนึ่งในแขวงของประเทศลาว ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศ ติดกับประเทศเวียดนาม ความสูงเฉลี่ยจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,200 เมตร เมืองเอกเดิมคือเมืองคูน แต่ด้วยสภาพความเสียหายอย่างรุนแรงจากสงครามเวียดนาม จึงย้ายเมืองเอกมาเป็นเมืองโพนสวรรค์ในปัจจุบัน
ในสมัยโบราณ เมืองนี้รู้จักกันในชื่อว่าเมืองพวน ผู้ที่อยู่อาศัยอยู่ที่นั่น หรืออพยพไปอยู่ที่อื่นเรียกว่า ชาวไทพวน และบริเวณนี้ยังมีทุ่งไหหิน อีกด้วย
ในปี พ.ศ. 2513 แขวงเชียงขวางเคยเป็นสมรภูมิรบอันดุเดือดนับครั้งไม่ถ้วน ในยุคสงครามเวียดนาม หรือสงครามอินโดจีน เนื่องจากเชียงขวางคือหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศลาว ด้วยชัยภูมิที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ อยู่ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ราว 400 กิโลเมตร และหากเดินทางจากเมืองโพนสะหวันซึ่งเป็นเมืองเอกของเชียงขวางในปัจจุบัน ข้ามเทือกเขาอันสลับซับซ้อนบนทางหลวงหมายเลข 7 ไปสุดชายแดนทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ที่ด่านน้ำกลั่น จะกินระยะทางเพียง 130 กิโลเมตรเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกที่ในช่วงสงครามอินโดจีน บริเวณนี้เคยใช้เป็นเส้นทางส่งกำลังบำรุงรวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ จากประเทศเวียดนามเหนือ สู่ขบวนการปะเทดลาว ที่เป็นพันธมิตรต่อกัน โดยถูกเรียกขานว่า "เส้นทางโฮจิมินห์"
ด้วยชัยภูมิดังกล่าว ขบวนการปะเทดลาวจึงได้จัดตั้งกองบัญชาการใหญ่ขึ้นที่นี่ เป็นเหตุให้ในช่วงเวลานั้น กองทัพอากาศสหรัฐฯได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด บี 52 เข้ามาทิ้งระเบิดปูพรมเพื่อทำลายล้างขบวนการปะเทดลาว ทำให้บ้านเมืองราษฎรหลายร้อยหลัง ตลอดจนวัดวาอารามถูกทำลายแทบทั้งหมด ส่งผลให้ราษฏรและทหารฝ่ายขบวนการปะเทดลาวต้องอพยพเข้าไปอยู่ตามถ้ำและหุบเขาทั่วไปในแขวงเชียงขวางและพื้นที่ใกล้เคียง
ในปัจจุบัน สภาพของซากปรักหักพังจากพิษภัยของสงครามยังคงมีร่องรอยให้เห็นอยู่โดยทั่วไปในเมืองคูน ซึ่งเป็นเมืองเอกเดิมของแขวงเชียงขวาง โดยซากปรักหักพังบางแห่ง ทางรัฐบาลลาวได้อนุรักษ์เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็นถึงความเลวร้ายของสงครามที่เกิดขึ้นเมื่อในอดีต ทั้งร่องรอยของหลุมระเบิดขนาดใหญ่ยังคงมีให้เห็นกันอยู่ทั่วไป ปัจจุบันหลุมระเบิดบางส่วนถูกดัดแปลงให้เป็นบ่อเลี้ยงปลาในนาข้าว ส่วนเศษซากของลูกระเบิดก็ได้ถูกนำมาดัดแปลงเป็นสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ อาทิ รั้วบ้าน เสาบ้าน รางข้าวหมู ที่นั่งเล่น เป็นต้น
แม้จะผ่านภาวะสงครามอันเลวร้ายมาไม่นานนัก แต่เมืองเชียงขวางในปัจจุบันก็เริ่มฟื้นตัวเรื่อยๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป และผสมผสานสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน พร้อมๆ กับการสร้างเมืองโพนสะหวัน ทดแทนเมืองคูนที่ถูกทำลายลงด้วยพิษสงคราม
ปัจจุบันสภาพแวดล้อมในแขวงเชียงขวางได้เกิดการเปลี่ยนแปลง สืบเนื่องมาจากการตัดไม้ทำลายป่า และการทำเหมืองแร่ ทำให้ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล และหน้าร้อนก็มีอากาศร้อนกว่าปกติ แม้ทางรัฐบาลจะพยายามแก้ไขปัญหา แต่ปัญหาดังกล่าวก็มิได้ลดน้อยลงไป