แกรนทัวริสโม (อังกฤษ: Gran Turismo; หรือเรียกย่อ ๆ ว่า GT) เป็นเกมจำลองการขับรถยนต์เสมือนจริง พัฒนาโดยบริษัท Polyphony Digital และจัดจำหน่ายโดย โซนี่คอมพิวเตอร์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ โดย Gran Turismo ได้ทำลง เพลย์สเตชัน, เพลย์สเตชัน 2, เพลย์สเตชัน 3 และ เพลย์สเตชันพอร์เทเบิล ตั้งแต่เกมชุดนี้ได้วางจำหน่ายในเดือนธันวาคมปี 1997 สามารถขายได้มากกว่า 56 ล้านชุดที่จำหน่ายทั่วโลกสำหรับ เพลย์สเตชัน, เพลย์สเตชัน 2, เพลย์สเตชัน 3 และ เพลย์สเตชันพอร์เทเบิล
แกรนทัวริสโมได้รับคำชมเชยว่าเป็นเกมจำลองการขับรถที่ดีที่สุดเกมหนึ่ง ในซีรีส์เกมนี้ (ยกเว้น Gran Turismo PSP) สามารถปรับแต่งรถยนต์ได้หลากหลาย ซึ่งปัจจุบันได้ออกมาแล้วทั้งหมด 6 ภาคหลัก และภาคพิเศษอีกหลายภาค
แกรนทัวริสโม เป็นซีรีส์ภาคแรกที่ออกแบบโดย คาสึโนริ ยามาอุจิ ในเกมมีโมเดลรถ 180 คัน โดยมีเพลงเปิดเป็นของวง แมนิค สตรีท พรีชเชอร์ส เพลง "Everything Must Go" ที่นำมารีมิกซ์ โดย เดอะเคมิคอลบราเทอร์ส ในฉบับของอเมริกาเหนือ ในระบบภาพ NTSC และ PAL. และ เพลง "Moon Over The Castle" ที่ถูกแต่งขึ้นโดย มาซาฮิโระ อันโด เพลงเปิดที่ถูกใช้ในฉบับของญี่ปุ่น และ วางจำหน่ายใน ค.ศ. 1998 สำหรับเครื่อง เพลย์สเตชัน
ใน ค.ศ. 2001 ทางบริษัทผู้ผลิตได้ออกภาคที่สามของ Gran Turismo โดยใช้ชื่อว่า Gran Turismo 3 A-spec แต่ได้ทำลงบนเครื่องรุ่นใหม่ เพลย์สเตชัน 2 โดยภาคนี้ได้พัฒนาการเล่นให้สมจริงมากยิ่งขึ้น แต่ด้วยข้อจำกัดทางลิขสิทธิ์กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ทำให้ Gran Turismo ไม่สามารถแสดงความเสียหายของรถยนต์ที่ใช้ เมื่อขับชนสิ่งกีดขวางต่าง ๆ เพราะผู้ผลิตรถยนต์เกรงว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ด้านความแข็งแรงของรถยนต์มีปัญหา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์รุ่นนั้น ๆ
ช่วงเวลาระหว่างภาคที่ 3 และภาคที่ 4 นั้น ทางผู้พัฒนาได้ออกภาคพิเศษชื่อว่า Gran Turismo Concept: 2001 Tokyo โดยมีเฉพาะรถต้นแบบที่แสดงในงาน Tokyo Motor Show เท่านั้น
ค.ศ. 2004 ทางบริษัทผู้ผลิตจึงได้นำ Gran Turismo 4 Prologue ออกมา เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าภาคที่ 4 นี้ใกล้จะได้เล่นกันจริง ๆ แล้ว แต่แล้วทาง Polyphony Digital ยังได้ออกภาค Toyota Prius เพื่อเป็นการโปรโมทรถยนต์ Prius ของโตโยต้า ซึ่งเป็นรถยนต์ในระบบไฮบริด
ค.ศ. 2005 ทางบริษัทผู้ผลิตได้ออกภาคที่สี่ของ Gran Turismo โดยใช้ชื่อว่า Gran Turismo 4 โดยภาคนี้ยังคงความสมจริงเหมือนในภาคที่ 3 และได้เพิ่มระบบใหม่ ๆ ลงไปด้วย Gran Turismo 4 ครองตำแหน่งที่ 1 ของการจัดอันดับ 10 เกมขายดีในครึ่งแรกของปี 2005 ซึ่งจัดโดยเอ็นพีดี กรุ๊ป (NPD Group) โดยในภาคนี้จะยังคงไม่สามารถแสดงความเสียหายของรถยนต์เมื่อเกิดการชน
เมื่อ Sony Computer Entertainment ได้วางจำหน่ายเครื่องเล่นเกมพกพา เพลย์สเตชันพอร์เทเบิล ทาง Polyphony Digital จึงได้พัฒนาเกม Gran Turismo สำหรับ PSP ด้วย วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2552 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ PSP Go วางจำหน่ายครั้งแรกด้วย โดยที่ตัวเกมจะเหมือนกับ Gran Turismo 4 แทบทุกอย่าง แต่จะมีแค่โหมด Normal Race, Time Trial และ Drift Trial ที่มาจาก Gran Turismo 5 Prologue ในเกมนี้ไม่มีการปรับแต่งรถด้วยการซื้ออะไหล่เหมือนภาคที่ผ่าน ๆ มา แต่จะมีการปรับแต่งส่วนต่าง ๆ ของรถ ซึ่งสามารถทำได้แค่ในโหมด Drift Trial เท่านั้น นอกจากนี้ การซื้อรถนั้น ทุก ๆ 2 วันจะมียี่ห้อใหม่มาให้ผู้เล่นเลือก 4 ยี่ห้อในแต่ละวัน ซึ่งยี่ห้อเหล่านี้อาจแตกต่างกันไป ต่างจากภาคก่อน ๆ ที่ผู้เล่นสามารถซื้อรถทุกยี่ห้อเมื่อไรก็ได้ (ไม่นับรถมือสองที่จะอัปเดตรายการรถทุก ๆ 7 วัน) แต่จะเหมือนกันตรงที่ผู้เล่นต้องมีเงินในเกมพอที่จะซื้อได้
ทางผู้ผลิตได้ออกเกมส์ Gran Turismo HD Concept เมื่อเดือนธันวาคม 2549 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กำลังสร้างเกมส์แกรนทัวริสโมภาค 5 เพื่อแสดงความคมชัดสูงของภาพในเกมส์ (ใช้กับระบบโทรทัศน์ความละเอียดสูง) Polyphony Digital กำลังจะวางจำหน่ายเกมนี้แต่ต่อมาก็ถูกยกเลิกไป คาดว่าเพื่อต้อนรับการมาของ Gran Turismo 5 Prologue ที่วางจำหน่ายในปี 2551
Polyphony Digital ได้ประกาศผลิตเกมนี้ในภาคที่ 5 ลงเครื่องเล่นเกม เพลย์สเตชัน 3 โดยใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Gran Turismo 5 Prologue ซึ่งในภาคนี้สามารถแสดงความเสียหายของตัวรถได้แล้ว โดยเริ่มจัดจำหน่ายในวันที่ 13 ธันวาคม 2550 สำหรับญี่ปุ่นและเอเชีย และ 15 เมษายน 2551 สำหรับทวีปอเมริกาเหนือ ในขณะที่ Gran Turismo 5 ตัวเต็ม วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2553
วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2553 นับว่าเป็นเกม Gran Turismo ตัวเต็มภาคแรกที่ได้ลิขสิทธิ์ยี่ห้อรถยนต์อย่างเฟอร์รารี่ ลัมโบร์กีนี และบูกัตติ ทาง Polyphony Digital ยังไม่ได้ลิขสิทธิ์ของปอร์เช่ แต่ก็ได้ลิขสิทธิ์ของ RUF เช่นเคย ซึ่ง RUF เป็นผู้นำรถปอร์เช่มาแต่งแล้วนำมาขายใหม่ในชื่อรุ่นของ RUF เอง
วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2556 โดยตัวเกมภาคนี้ยังคงผลิตเป็นเวอร์ชันสำหรับเครื่องเล่นเกมเพลย์สเตชัน 3 อยู่เช่นเดิม ยังไม่ได้ผลิตเป็นเวอร์ชันสำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน 4 โดยตรงแต่อย่างใด (เครื่องเพลย์สเตชัน 4 เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 แต่ในประเทศญี่ปุ่นได้เริ่มวางจำหน่ายล่าช้าออกไปเป็นวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2557)
Polyphony Digital ได้เริ่มสร้างเกมนี้ในภาค 7 แล้ว โดยจะเป็นเกมสำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน 4 โดยตรง คาดว่าตัวเกมจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมออกวางจำหน่ายได้ในปี พ.ศ. 2559 หรือ พ.ศ. 2560