เฮฟีสเทียน (อังกฤษ: Hephaestion) หรือ แฮไพส์ตีออน (กรีกโบราณ: ?????????, H?phaist??n) เป็นแม่ทัพชาวมาซิโดเนีย ของกองทัพอเล็กซานเดอร์มหาราช เขาเป็นเพื่อนสนิทกับอเล็กซานเดอร์มาตั้งแต่เยาว์วัย จนในที่สุด ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ได้พัฒนาเหนือกว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อน จนอาจกล่าวได้ว่า เขาคือวิญญาณครึ่งหนึ่งของอเล็กซานเดอร์ และเป็นบุคคลที่อเล็กซานเดอร์ไว้ใจมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ด้วยการเสื่อมลงของวัฒนธรรมกรีกและการมีอิทธิพลขึ้นมาของศาสนาคริสต์ซึ่งต่อต้านการรักร่วมเพศ ทำให้ประวัติศาสตร์ได้บันทึกเรื่องราวของทั้งสองว่าเป็น "เพื่อนที่ดีที่สุด" แทนเพื่อให้ได้รับการยอมรับ
วันเกิดที่ชัดเจนของเฮฟีสเทียนนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด แทบไม่มีข้อมูลเรื่องประวัติที่มาของเขา แต่นักวิชาการจำนวนมากเชื่อว่า เฮฟีสเทียนซึ่งเป็นเพื่อนตั้งแต่วัยเด็กกับอเล็กซานเดอร์ มีอายุเท่ากับอเล็กซานเดอร์ ทำให้คาดเดาได้ว่า เขาน่าจะเกิดในปี พ.ศ. 187 และมีเกร็ดเล็กน้อย จากตำนาน Alexander romance ซึ่งได้บันทึกว่า "...วันหนึ่ง เมื่ออเล็กซานเดอร์อายุได้ 15 ชันษา [...] ได้แล่นเรือไปกับสหายเฮฟีสเทียนจนไปถึงปิซา แล้วจึงลงไปเดินเล่นกับเฮฟีสเทียน" ซึ่งอายุของอเล็กซานเดอร์ในบันทึกนี้เอง เป็นเบาะแสที่สำคัญศึกษาที่มาของเฮฟีสเทียน เพราะขณะอเล็กซานเดอร์อายุ 15 ชันษา เขาต้องกำลังศึกษาอยู่ที่มีเอซา ภายใต้การประสาทวิชาโดยอริสโตเติล และด้วยมิตรภาพของทั้งสองที่แน่นแฟ้น ทำให้รู้ได้ว่า เฮฟีสเทียนเป็นหนึ่งในนักเรียนที่นี่เช่นกัน
เป็นที่รู้กันว่า ความสัมพันธ์ของเฮฟีสเทียนและอเล็กซานเดอร์นั้นมีมากเกินกว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อน ดังที่ อริสโตเติล ครูของทั้งสอง ได้อธิบายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่าเปรียบดั่ง "...หนึ่งจิตวิญญาณที่ดำรงอยู่ในสองร่าง" ครั้งที่อเล็กซานเดอร์ รบชนะเปอร์เซีย เฮฟีสเทียนได้เดินนำอเล็กซานเดอร์ไปยังกระโจมที่คุมตัวสมาชิกราชวงศ์เปอร์เซียไว้ เมื่อพระพันปีแกมบิสทอดพระเนตรเห็นก็ได้ได้คุกเข้าอ้อนวอนไว้ชีวิตสมาชิกราชวงศ์เปอร์เซียต่อเฮฟีสเทียนด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าเฮฟีสเทียนคืออเล็กซานเดอร์ เนื่องจากเฮฟีสเทียนนั้นตัวสูงกว่าอเล็กซานเดอร์ ประกอบกับทั้งคู่ยังหนุ่มและสวมชุดที่เหมือนกัน ซึ่งเมื่อพระพันปีแกมบิสทรงทราบก็ทรงอับอายอย่างมาก แต่อเล็กซานเดอร์ก็รับสั่งแก่พระพันปีแกมบิสว่า "ท่านไม่ได้เข้าใจผิดไปหรอกท่านแม่ เขาคนนี้ก็คืออเล็กซานเดอร์เช่นกัน"
ในฤดูใบไม้ผลิ พ.ศ. 219 เฮฟีสเทียนพร้อมอเล็กซานเดอร์ได้เคลื่อนพลไปยังเอกแบทานา และไปถึงในฤดูใบไม้ร่วง วันหนึ่งเฮฟีสเทียนเดินทางไปยังโรงละคร และทานไก่ต้มและไวน์เย็น แล้วจึงเกิดอาการไข้ เขาป่วยอยู่เจ็ดวัน วันที่เจ็ดนั้นมีอาการหนักมาก จนอเล็กซานเดอร์ต้องรีบละทิ้งการชมการแข่งขันและมาหาเฮฟีสเทียนในทันที แต่ก็มาไม่ทัน เมื่ออเล็กซานเดอร์มาถึง เฮฟีสเทียนได้เสียชีวิตแล้ว พลูทาร์กบันทึกไว้ว่า เนื่องจากเฮฟีสเทียนคิดว่ายังอายุน้อยและแข็งแรงจึงปฏิเสธยาและคำแนะนำจากหมอมาโดยตลอด ภายหลังการเสียชีวิตของเฮฟีสเทียน อเล็กซานเดอร์ทรงเศร้าโศกเกินกว่าผู้ใดจะเยียวยาได้ อเล็กซานเดอร์นอนกอดศพของเฮฟีสเทียนอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืนและร่ำไห้ เสมือนว่าวิญญาณครึ่งหนึ่งได้ดับสูญไปแล้ว อเล็กซานเดอร์อยู่กับศพของเฮฟีสเทียนเป็นเวลาสองวันเต็มโดยที่ไม่ได้เสวยสิ่งใดเลย และไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งรอบข้าง นายทหารจำนวนมากหมดความเคารพต่ออเล็กซานเดอร์ ที่ตอนนี้เสมือนร่างไร้จิตวิญญาณ
อเล็กซานเดอร์บัญชาให้ส่งสารไปยังโหรหลวงเพื่อตรัสถาม ว่าจะสามารถสักการะเฮฟีสเทียนเยี่ยงเทพเจ้าได้หรือไม่ โหรหลวงตอบกลับมาว่ามิอาจสักการะเยี่ยงเทพได้ แต่สามารถกระทำเยี่ยงวีรบุรุษจากสวรรค์ได้ อเล็กซานเดอร์เคลื่อนพลสู่บาบิโลนเพื่อสร้างสุสานเฮฟีสเทียนอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะวีรบุรุษจากสวรรค์ อย่างไรก็ตาม ที่บาบิโลนพระองค์ได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้ว ทรงโศกเศร้า ไม่พึงพระราชกิจ เสวยสุรา หมดความพึงใจต่อโลก แม่ทัพนายกองหมดความเคารพจนเกิดกบฏขึ้นสองครั้ง พระพลานามัยและพระทัยย่ำแย่จนทรงประชวรและสวรรคตภายหลังเฮฟีสเทียนเสียชีวิตได้ไม่กี่เดือน