เรนอินบลัด (อังกฤษ: Reign in Blood) เป็นสตูดิโออัลบั้มที่สามของวง แทรชเมทัล สเลเยอร์ อัลบั้มถูกนำออกจำหน่ายในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2529 สังกัดค่ายเดฟ แจม โดยมี ริค รูบิน (Rick Rubin) ผู้ก่อตั้งค่ายเพลงเดฟ แจม มาเป็นโปรดิวเซอร์ซึ่งช่วยให้ดนตรีของวงพัฒนามากขึ้น เรนอินบลัด ได้รับการตอบรับจากกลุ่มคนฟังและนักวิจารณ์อย่างดี นิตยสารเคอร์แรง! จัดอันดับให้เป็น "อัลบั้มที่หนักที่สุดตลอดกาล" เช่นเดียวกับอัลบั้มอีก 3 วง ในเครือ "บิ๊กโฟว์" (Big 4) ได้แก่ อัลบั้ม "อะมองเดอะลิฟวิง" จาก แอนแทรกซ์, อัลบั้ม "พีชเซลส์...บัทฮูส์บายอิง?" จาก เมกาเดธ และอัลบั้ม "มาสเตอร์ออฟพัพพิทส์" จาก เมทัลลิก้า อัลบั้มนี้ยังช่วยกำหนดมาตรฐานของดนตรีแนว แทรชเมทัล ในสหรัฐอเมริกา ช่วงทศวรรษที่ 1980 และสร้างอิทธิพลแก่แนวเพลงนี้เป็นอย่างมากจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้เองด้วย
แรกเริ่มเรนอินบลัด เปิดตัวช้ากว่ากำหนดเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับหน้าปกของอัลบั้มที่สื่อถึง ลัทธิซาตาน ลัทธินาซี การเหยียดมนุษย์ เป็นต้น อัลบั้มเปิดตัวด้วยซิงเกิล "แองเจิงออฟเดท" ที่กล่าวถึง ดร.โจเซฟ แม็งเกเล่ (Josef Mengele) กับสิ่งเขาทำในค่ายกักกันเอาชวิทซ์ ทั้งการทดลองมนุษย์ ซึ่งมีเนื้อหายั่วยุให้เห็นภาพในสิ่งที่นาซีสร้างไว้กับผู้คนในค่ายกักกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามวงไม่เคยชื่นชมในหลายอย่างๆสิ่งที่นาซีทำไว้แต่อย่างใด เพียงแค่ใช้เนื้อหาเพื่อสร้างความหนักของเพลงเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เอง "เรนอินบลัด" จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดแนวเพลงเดทเมทัล ขึ้นมา
ถึงแม้อัลบั้มจะประสบความสำเร็จในเรื่องของกระแสความนิยม แต่ก็สามารถไต่ชาร์ดของบิลบอร์ด 200 ได้เพียงอันดับที่ 94 และจำหน่ายได้ในระดับแผ่นเสียงทองคำในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2535 ด้วยยอดการก็อปปีมากกว่า 500,000 ก็อปปี โดยมีซิงเกิลหลัก 2 ซิงเกิล คือ "แองเจิลออฟเดท" (เพลงเปิด) และ "เรนนิงบลัด" (เพลงปิด) ที่ได้รับความนิยมและถูกนำไปใช้เล่นเกือบทุกคอนเสิร์ต
จากกระแสตอบรับอันดีจากอัลบั้มก่อนหน้านี้ของสเลเยอร์ "เฮลอะเวทส์" ผู้จัดการวงไบรอัน สลาเกล (Brian Slagel) ก็ได้วิเคราะห์ว่าวงกำลังอยู่ในช่วงที่กำลังฮิตที่สามารถจุดกระแสในอัลบั้มต่อไปได้ สลาเกลได้ไปเจรจากับหลายค่าย หนึ่งในนั้นคือริค รูบินและรัซเซลล์ ซิมมอน จากเดฟ แจม เรเคิร์ดดิงส์ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สลาเกลไม่ค่อยเต็มใจนักกับการเซนต์สัญญากับค่ายเพลงที่ในช่วงเวลานั้นเน้นแนวฮิปฮอป มือกลองเดฟ ลอมบาร์โด ได้สร้างความสนใจกับรูบิน และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเซนต์สัญญากับโปรดิวเซอร์ แต่ถึงอย่างไรก็ดีสมาชิกสเลเยอร์ยังคงกังวลเกี่ยวกับออกจากค่ายเมทัลเบลด ซึ่งพวกเขายังอยู่ในสัญญา
ลอมบาร์โด ได้ติดต่อกับค่ายโคลัมเบียเรเคิดส์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของเดฟ แจม และได้ติดต่อตรงถึงรูบิน ร่วมกับเกลน อี. ไฟรด์แมน (Glen E. Friedman) ได้เห็นพ้องที่จะรับสมาชิกของสเลเยอร์มาร่วมในคอนเสิร์ต ซึ่งไฟร์ดแมนได้กำกับการสร้างอัลบั้มเปิดตัว "ซุยคิดัล เดนเดนซีส์" (Suicidal Tendencies) ในชื่อวงเดียวกัน โดยมีทอม อารายา เป็นสมาชิกรับเชิญในมิวสิกวิดีโอจากซิงเกิล "อินสติทูชันนัลไลซ์" (Institutionalized)
เรนอินบลัด ได้รับการบันทึกในเมืองลอสแอนเจลิส, รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีรูบินเป็นโปรดิวเซอร์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เขารับหน้าที่มาคุมเพลงแนวเฮฟวี่เมทัล เขาก็มีความคิดที่จะปรับปรุงและพัฒนาเสียงของเพลงให้มีความรุนแรง หนักหน่วง สตีฟ ฮิวอี้ (Steve Huey) แห่งออลมิวสิกเชื่อว่ารูบิน เป็นผู้ผลักดันให้เพลงมีความแรงและรวดเร็วดุดันกว่าที่ผ่านมา ส่งผลให้การบันทึกเสียงในอัลบั้มนี้มีความแตกต่างจาก 2 อันก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน ผลการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีผลอย่างมากต่อกระแสตอบรับโดยตรงต่อผู้ฟัง ด้วยจังหวะเพลงที่ใช้ความหนักหน่วงและความรวดเร็วในการเล่นตลอดทั้งอัลบั้ม ด้วยอัตราเฉลี่ยราว 220 บิตส์ต่อนาที ถือเป็นการบีบความแตกต่างระหว่างแทรชเมทัลและฮาร์ดคอร์พังค์ให้แคบลง
แฮนนีแมน ในเวลาต่อมาได้ยอมรับว่า ขณะที่ทั้งวงได้ฟังเมทัลลิกาและเมกาเดธในเวลานั้น พวกเขาได้ค้นพบการใช้จังหวะซ้ำในช่วงของการริฟฟ์ในกีตาร์ซึ่งดูน่าเบื่อ ซ้ำซาก เขาได้กล่าวว่า "ถ้าพวกเราเล่นจังหวะเช่นนั้น 2-3 ครั้งในท่อนๆท่อนนึง พวกเราจะเบื่อกับมันจริงๆ" เนื่องจากเพลงแนวแทรชเมทัลส่วนใหญ่ ในหนึ่งๆเพลงจะยาวประมาณ 5-8 นาที ซึ่งสเลเยอร์จึงได้ทำเพลงที่สั้นกว่าประมาณ 2-3 นาที ตามวัตถุประสงค์ของแฮนนีแมนที่ลดความน่าเบื่อของเพลงลง ส่งผลให้อัลบั้มมีระยะเวลาสั้น โดยรวมระยะเวลาของทุกซิงเกิลเพียงแค่ 29 นาทีกว่าๆเท่านั้น
แม้ว่าอัลบั้มไม่เคยเผยแพร่ทางการออกอากาศทางวิทยุ แต่ก็เป็นครั้งแรกที่สเลเยอร์สามารถเข้าสู่บิลบอร์ด 200 ได้สำเร็จ ด้วยการเปิดตัวที่อันดับ 127 และไต่สูงสุดที่อันดับ 94 ด้วยการอยู่บนบอร์ดนาน 6 สัปดาห์ อัลบั้มยังติดบอร์ดของ ยูเค อัลบั้มชาร์ท ในอันดับที่ 47 จนกระทั่งในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2535 ก็สามารถจำหน่ายได้ในระดับแผ่นเสียงทองคำ (500,000+ ก็อปปี้) ในสหรัฐอเมริกาที่เดียว
เรนอินบลัด ได้รับคำชื่นชมอย่างดีจากทั้งใต้ดินและบนกระแสหลัก สตีฟ ฮิวอี้ (Steve Huey) แห่งค่ายออลมิวสิก (AllMusic) ได้มอบ 5 ดาวจาก 5 ดาวให้กับอัลบั้มโดยกล่าวว่ามันเป็น "stone-cold classic" เคลย์ จาร์วิส (Clay Jarvis) แห่งนิตยสารสไตลัส (Stylus) ก็ได้ให้ A+ กล่าวว่าเป็น "ผู้อธิบายความหมายของแนว" (แนวแทรชเมทัล) เช่นเดียวกับเป็น "อัลบั้มเมทัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล" จาร์วิส ยังได้กล่าวต่อไปอีกว่าซิงเกิล "แองเจิงออฟเดธ เป็นเหมือนควันทีมีอิทธิพลเหนือวงอื่นๆ ที่เล่นเพลงเร็วและหนักในทุกวันนี้ จากเนื้อหาเพลงอันน่าสะพรึงกลัวที่ร้องออกมา ในขณะที่การบรรเลงเพลงถือเป็นรากฐานอันสำคัญในการบันทึกทั้งความเร็ว ความโอนเอียงและความป่าเถื่อน" นิตยสารเคอร์แรง! (Kerrang!) ได้จัดอันดับให้เป็น "อัลบั้มที่หนักที่สุดตลอดกาล" and listed the album at #27 among the "100 Greatest Heavy Metal Albums of All Time". และจัดอันดับที่ 27 ในหัวข้อ "100 อัลบั้มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล" นิตยสารเมทัลแฮมเมอร์ (Metal Hammer) ขนานนามเรนอินบลัดในฐานะ "อัลบั้มเมทัลที่ดีที่สุดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา" นิตยสารคิว (Q Magazine) ก็ได้จัดอันดับเรนอินบลัดเป็นหนึ่งใน การจัดอันดับหัวข้อ "50 อัลบั้มที่หนักที่สุดตลอดกาล" และนิตยสารสปิน (Spin Magazine) ก็ได้จัดอันดับที่ 67 ในหัวข้อ "100 อัลบั้มที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ตั้งแต่ปี 1985-2005" ชาด โบวา (Chad Bowar) นักวิจารณ์ดนตรีได้กล่าวว่า "เรนอินบลัดปี 1986 เป็นไปได้ที่จะเป็นอัลบั้มแทรชเมทัลที่ดีที่สุดเท่าที่เคยบันทึกมา" ในเดือนสิงหาคม 2014 นิตสารรีโวลเวอร์ (Revolver) ก็ได้จัดอันดับอัลบั้มนี้ในหัวข้อ "14 อัลบั้มแทรชเมทัลที่คุณจำเป็นต้องมีเป็นของตัวเอง"
เอเดรีย เบแกรนด์ (Adrien Begrand) จากป็อปมาสเตอรส์ (PopMatters) ได้พรรณนาว่า "มันไม่มีเพลงไหนที่ดีกว่าที่จะเตะซิงเกิลชั้นยอดอย่าง 'แองเจิงออฟเดธ' ได้ ซึ่งมันเป็นหนึ่งในซิงเกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เมทัล" ที่มือกีตาร์ เคอร์รี่ คิง และเจฟ แฮนนีแมน สร้างขึ้นด้วยการรีฟฟ์อันซับซ้อน การเล่นกลองชุดอันน่าสะพรึงกลัวและแฝงไปด้วยอานุภาพของเดฟ ลอมบาร์โด มากที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา และการบรรเลงเบส เสียงร้องจากทอม อารายา ด้วยเสียงกรีดร้องและคำราม ด้วยเนื้อหาของอาชญากรรมของนาซี นำโดย ดร.โจเซฟ แม็งเกเล่"
สเลเยอร์ได้ร่วมทัวร์คอนเสิร์ตกับวงโอเวอร์คิลในทัวร์ "เรนอินเพน" (Reign in Pain) ในสหรัฐอเมริกาและร่วมกับวงแมลลิสในยุโรป สเลเยอร์ยังได้ร่วมเป็นวงเปิดก่อนคอนเสิร์ตของวงดับเบิลยู.เอ.เอส.พี (W.A.S.P.) ในปี 1987 อีกด้วย ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 1986 มือกลองลอมบาร์โด ก็ได้ออกจากวงไปช่วงหนึ่ง โดยให้เหตุผลว่า เขาไม่ได้รับเงินใดเลย รวมถึงเพิ่งแต่งงานเสร็จ ซึ่งเขาต้องการค่าใช้จ่าย วงได้มือกลองมาร่วมทัวร์คอนเสิร์ตคือโทนี แสคกเลียน (Tony Scaglione)
รูบิน ได้เรียกร้องให้ลอมบาร์โดกลับวงทุกวัน รูบินเสนอเงินเดือน แต่เขาก็ยังลังเลใจที่จะกลับ ซึ่งในจุดๆนี้เองลอมบาร์โด ได้ออกจากวงมาแล้วหลายเดือน จนในที่สุดภรรยาของลอมบาร์โดเองก็เสนอให้เขากลับในปี 1987 รูบินได้มารับเขาที่บ้านของลอมบาร์โดด้วยรถปอร์เช่ กลับสู่วงสเลเยอร์อีกครั้ง
เรนอินบลัด ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์หลายคนให้เป็นหนึ่งในอัลบั้มแทรชเมทัลที่มีอิทธิพลและสุดขีดที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในผลโหวต "วงดนตรีเมทัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล" จากเอ็มทีวี (MTV) ยกย่องสเลเยอร์ว่าเป็น "การพลิกโฉมจังหวะ การฝังเชื้อโรคร้ายกับกีตาร์ เนื้อหาโหดเหี้ยมและหน้าปกอันน่าสยดสยอง" ซึ่งพวกเขาอธิบายว่า "เป็นมาตราฐานของวงแทรชเมทัลเกิดใหม่อีกมากมาย" ในขณะที่ "ดนตรีของสเลเยอร์ส่งผลโดยตรงต่อแนวเดธเมทัล" เอ็มทีวีกล่าวต่ออีกว่า เรนอินบลัด เป็นสิ่งจำเป็นที่จะเข้าถึงการฟังแนวเพลงนี้ และอัลบั้มได้ถูกจัดให้อยู่อันดับ 7 ในหัวข้อ "25 อัลบั้มเมทัลที่มีอิทธิพลมากที่สุด" จากไอจีเอ็น (IGN)
ในปี 2006 ดอน เคย์ (Don Kaye) แห่งเว็บไซต์แบล็บเบอร์เมาท์ (Blabbermouth) ได้เปรียบเทียบถึงอัลบั้มล่าสุดของเขาในปี 2006 "คริสต์อิลลูชัน" (Christ Illusion) กับเรนอินบลัด โดยกล่าวว่า "สเลเยอร์อาจจะไม่สามารถทำอัลบั้มที่บูมขึ้นมาดั่งเช่น เรนอินบลัดได้อีก"
เนโคร (Necro) แรปเปอร์ชาวอเมริกันก็ได้กล่าวว่าได้รับอิทธิพลจากอัลบั้มนี้ ทำให้ผลักดันเขากลับมารุ่งในช่วงทศวรรษที่ 1980 ซอลตัน ฟาร์คาส นักร้องนำแห่งเอคโตมอร์ฟ (Ektomorf) วงกรูฟเมทัลจากฮังการี ก็ได้พูดถึงอัลบั้มว่า "เรนอินบลัด เป็นหนึ่งในอิทธิพลหลักต่องานดนตรีของเขา" พอล มาซูร์ไกวิชซ์ (Paul Mazurkiewicz) มือกลองแห่งแคนนิเบิลคอปส์ วงเดธเมทัลชื่อดังจากบัฟฟาโล กล่าวว่า "การเล่นกลองของลอมบาร์โดในอัลบั้มนี้เป็นผลให้เขาพัฒนาด้วยการเล่นให้เร็วกว่าในชีวิตมือกลองของเขา" เคลลี เซเฟอร์ (Kelly Shaefer) แห่งเอธีอิสท์กล่าวว่า "เมื่อเรนอินบลัดถูกปล่อยออกมา มันเปลี่ยนทุกอย่าง! มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเป็นเอกซ์ตรีมเมทัลที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา"
แฮนนีแมน กล่าวว่าอัลบั้มเรนอินบลัดเป็นงานโปรดในชีวิตเขา ด้วยเหตุผลที่ว่า "สั้น เร็วและเข้าถึงจุดสุดยอด" อารายาได้เอ่ยถึงอัลบั้ม "คริสต์อิลลูชัน" (Christ Illusion) ในปี 2006 ว่า "เข้ามาใกล้ แต่ก็ยัง ไม่อาจเทียบเรนอินบลัดในเรื่องของความหนัก รุนแรงและมีอิทธิพลได้ ตั้งแต่ออกอัลบั้มออกมา 20 ปีแฟนเพลงเริ่มคุ้นเคยแล้วว่า อัลบั้มที่จะมาแทนที่อาจจะเป็นไปไม่ได้แล้ว"
ในซิงเกิล "เรนนิงบลัด" และ "แองเจิลออฟเดท" ได้กลายเป็นซิงเกิลที่ถูกนำมาเล่นหลายครั้ง ซึ่งพบได้จากอัลบั้มแสดงสด เกือบทุกอัลบั้ม อ้างจากแฮนนิแมนซึ่งเขาชอบที่จะเล่นซิงเกิลเหล่านี้ในแสดงสด วงได้เล่นคอนเสิร์ตเฉพาะอัลบั้ม เรนอินบลัด ในปี 2004 ภายใต้ชื่อทัวร์ "สทิลเรนนิง" (Still Reigning) และต่อมาในปีเดียวกันก็ได้ออกอัลบั้มแสดงสดผ่านดีวิดี ในชื่อเดียวกันออกจำหน่าย ซึ่งถือเป็นครั้งสุดท้ายที่วงนำเลือดปลอมมาใช้ในการแสดงสดจากซิงเกิล "เรนนิงบลัด"
ในทัวร์อัลฮอลีอัลลิแอนซ์ (Unholy Alliance Tour) ปี 2004 อัลบั้มได้ถูกนำมาเล่นเกือบทั้งหมดในช่วง 10 เพลงสุดท้ายที่สเลเยอร์เล่นก่อนจบแสดงสด เรนนิงบลัดยังได้ถูกนำมาใช้แสดงสดที่เทศกาล "ไอวิลบียัวร์มีเรอร์ลอนดอน" (I'll Be Your Mirror London festival) ณ กรุงลอนดอน ในเดือนพฤษภาคม 2012 และในเดือนพฤษภาคม 2014 ก็ได้มีการประกาศว่าสเลเยอร์จะนำอัลบั้มนี้มาแสดงสดทั้งหมดที่เทศกาล "ไรเอิทเฟสต์" (Riot Fest) ณ นครชิคาโกและเดนเวอร์
เรนอินบลัด ได้ถูกจำหน่ายผ่านทางค่ายเดฟ แจม เป็นหลัก เนื่องจากค่ายคอลัมเบีย (Columbia Records) ปฏิเสธที่จะจำหน่าย ด้วยเหตุมาจากเนื้อหาเพลงที่รุนแรงและภาพหน้าปกอัลบั้ม เรนอินบลัดยังเคยจะได้ถูกจำหน่ายผ่านทางค่ายเกฟเฟ็น (Geffen Records) แต่ด้วยเนื้อหาและประเด็นข้อโต้แย้ง จึงไม่มีการจำหน่ายมาจนถึงปัจจุบันนี้
หน้าปกได้รับการออกแบบโดย ลาร์รี คาร์โรล ผู้ซึ่งเป็นนักทำภาพเกี่ยวข้องกับการเมืองจากเดอะโปรเกรสซีฟ (The Progressive) วิลเลจวอยซ์ (Village Voice) และเดอะนิวยอร์กไทมส์ (The New York Times) หน้าปกอัลบั้มยังถูกบรรจุในหัวข้อ "สิบอันดับหน้าปกอัลบั้มเฮฟวีเมทัลตลอดกาล" จาก นิตยสารเบรนเดอร์ ประจำปี 2006 อีกด้วย
สำหรับอัลบั้ม สเลเยอร์ได้ตัดสินใจที่จะตัดเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับลัทธิซาตานในช่วงก่อนหน้านี้ลงไปมาก โดยเฉพาะจากอัลบั้มก่อนหน้านี้ในอัลบั้ม เฮลอะเวท และได้แต่งเนื้อหาเพลงใหม่ที่เพิ่มความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ฟังในระดับทั่วๆไป เนื้อหาเรนอินบลัด เกี่ยวกับกับการเข้าถึงความตาย ต่อต้านศาสนา วิกลจริตและฆาตกรรม ในขณะที่ซิงเกิลเปิดของอัลบั้ม "แองเจิลออฟเดธ" มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทดลองมนุษย์ในค่ายกักกันเอาชวิทซ์ โดย ดร.โจเซฟ แม็งเกเล่ ผู้ซึ่งถูกขนานนามจากผู้ต้องขังในค่ายกักกันว่าเป็น "เทพแห่งความตาย" (Angel of death) เนื้อหาของเพลงส่งผลให้เกิดการตำหนิและวิจารณ์ที่เอนเอียงไปเข้าทางนาซีและการรังเกลียดเชื้อชาติ ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์ของวงนับแต่นั้นเป็นต้นมา
แฮนนีแมน ถือเป็นผู้แต่งซิงเกิล แองเจิงออฟเดธ ภายหลังการอ่านหนังสือมากมายของแม็งเกเล่ ในช่วงสเลเยอร์กำลังทัวร์คอนเสิร์ต แฮนนีแมนได้ตัดพ้อว่าผู้คนมักตีความ ความหมายของเนื้อหาเพลงผิด สเลเยอร์ใช้ข้อวิจารณ์เหล่านี้เองทำให้วงมีชื่อเสียงในสาธารณะ ผสมผสานกับโลโก้ของวงที่ใช้ตราอินทรีของเยอรมัน (Reichsadler)
"เรนนิงบลัด" ได้ถูกโคเวอร์จากโทรี เอมอส จากอัลบั้ม "สเตรงลิตเติลเกิร์ลส์" (Strange Little Girls) ปี 2001 เพลงยังถูกการโคเวอร์จากศิลปินอื่นอีกเช่น มาเรโวเลนต์คลีเอชัน (Malevolent Creation), คิมายรา (Chimaira), เวเดอร์ (Vader), โดคาคา (Dokaka), เรคคีแอนด์แอนด์ฟูลล์เอฟเฟกต์ (Reggie and the Full Effect) และรวมถึงอิริค ไฮนด์ส (Erik Hinds) ผู้ซึ่งโคเวอร์เพลงของเรนอินบลัดทั้งอัลบั้มในชื่อ "H'arpeggione"
ในปี 2005 วงลูกสเลเยอร์ เดดสกินมาสก์ (Dead Skin Mask) ได้ปล่อยอัลบั้มออกมา 8 ซิงเกิล ซึ่งรวมถึง "แองเจิงออฟเดท" วงเดทเมทัลมอนสโตรซิตี (Monstrosity) ก็ได้โคเวอร์เพลงจากเรนอินบลัดในปี 1999 มีการโคเวอร์ในรูปแนวคลาสสิกของวงเครื่องสายอะพอคะลิปติคา (Apocalyptica) ในอัลบั้ม "Amplified / A Decade of Reinventing the Cello" ปี 2006 ค่ายเฮอร์ริงเมทัลเรเคิร์ดส์ (Hurling Metal Records) ได้เรียบเรียงออกอัลบั้ม "อัลเซอร์เดลอมิสโม" (Al Sur del Abismo) ซึ่งประกอบด้วย 16 ซิงเกิล รวมศิลปิน วงเมทัลจากอาร์เจนตินา ซึ่งได้แก่ เวอร์ชัน "แองเจิงออฟเดท" ของอสิเนเซีย (Asinesia) "เรนนิงบลัด" ยังเคยถูกโคเวอร์จากวงเครื่องกลองและเบสจากนิวซีแลนด์ "คองคอร์ดดาวน์" (Concord Dawn) ในอัลบั้ม "อัปไรซ์ซิง" (Uprising) ปี 2003
วงอัลเทอร์เนทีฟร็อกจากบัลแกเรีย "ฮิโพดิล" ได้โคเวอร์ท่อนนำของ "เรนนิงบลัด" ในซิงเกิล "Reigun v kruv" (Reagan in Blood) ในอัลบั้มเปิดตัว "อัลโคโฮเลนเดลิเรียม" (Alkoholen delirium) ปี 1993
*ตัวเลขยอดขายขึ้นกับการรับรองอย่างเดียว^ตัวเลขการขนส่งขึ้นกับการรับรองอย่างเดียวxตัวเลขที่ไม่ระบุขึ้นกับการรับรองอย่างเดียว