ต้นปี พ.ศ. 2550 รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเกาหลีได้จัดสนใจที่จะสร้างเขตปกครองพิเศษซึ่งจะใช้เป็นที่ตั้งของ 9 กระทรวงและหน่วยงานราชการระดับชาติ 4 แห่งซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ที่โซล ออกจากส่วนของจังหวัดชุงชองใต้และจังหวัดชุงชองเหนือ ใกล้กับเมืองแทจอน โดยเขตใหม่นี้มีชื่อว่า นครปกครองตนเองพิเศษเซจง (???????, ???????) แผนการที่จะสร้างเมืองนี้เกิดขึ้นหลังจากล้มเหลวของอดีตประธานาธิบดีโน มูฮยอนที่จะย้ายเมืองหลวงจะโซลมายังภูมิภาคแถบนี้ เมืองนี้ตั้งชื่อเป็นเกียรติแด่พระเจ้าเซจงมหาราช บิดาแห่งอักษรเกาหลี มีการวางแผนคาดการณ์ไว้ว่าในอนาคตเมืองนี้จะมีประชากร 500,000 คน
แผนการสร้างเมืองนี้ส่งผลให้เกิดการโต้เถียงกันอยากมากในสภาแห่งชาติ ในเดือนกันยายน 2552 นายกรัฐมนตรีจอง อุนจันได้แสดงความคิดเห็นว่าแผนที่จะสร้างเมืองเซจงเป็นเมืองหลวงของฝ่ายบริหารนั้น "ไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพในเชิงนโยบายจากมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์" (ในเวลาต่อมาจองได้วิจารณ์เพิ่มเติมอีกว่าแผนการสร้างเมืองเซจองถือเป็นการรวมหัวกันแสวงหาประโยชน์ระหว่างกลุ่มทุนก่อสร้างกับนักการเมือง โดยเสนอว่า "เพียงแต่ในการพิจารณาเพื่อให้รวบรวมคะแนนโหวตได้มากขึ้นเท่านั้น") สิ่งนี้นำไปสู่การเรียกร้องให้มีการปรับปรุงแผนใหม่ โดยมีผู้เรียกร้องทั้งจากนักวิชาการอวุโสหลายคน,นักการเมืองรวมไปถึงอดีตนายกรัฐมนตรีอีก 3 คน กึม ชังโฮ นักวิจัยอวุโสในทีมของสถาบัญวิจัยเกาหลีเพื่อการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้หมายเหตุว่า แผนดั้งเดิมนั้นได้รับบทวิจารณ์อย่างน่าสนใจว่าในเมืองนี้จะมีข้าราชการและลูกจ้างของรัฐบาลนับหมื่นคนที่จะได้แยกกับครองครัวของตน ซึ่งการให้หน่วยงานของรัฐยังอยู่ที่โซลจะเป็นผลดีเช่น มีสิ่งอำนวยความสะดวก และมีโอกาสทางการศึกษาที่มากกว่า ด้วยเหตุที่แยกกันอยู่กับครอบครัวนั้น เมืองเซจงจะมีประสบการณ์เป็นปรากฏการณ์เหมือนเห็ดมีพิษ,มีบาร์,ไนท์คลับ และอื่นๆ เกิดขึ้นตลอดทั้งคิน เพราะฉะนั้นรัฐบาลควรศึกษาการสร้างเมืองเซจงอย่างพอเหมาะพอควร พรรคการเมืองแห่งชาติ(พรรคเซนูรี) มีแผนที่จะช่วยบรรเทาความขัดแย้งภายในและหาแรงสนับสนุนจากภูมิภาคชุงชองสำหรับแผนของรัฐบาลใหม่ในการพัฒนาเซจงให้เป็นศูนย์กลางแห่งการศึกษา,วิทยาศาสตร์และธุรกิจ
เมืองเซจงเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 โดยมีกำหนดย้าย 36 หน่วยงานมาภายในปี พ.ศ. 2558