ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

เมอร์คาวา

เมอร์คาวา (ฮิบรู:  ????? (วิธีใช้?ข้อมูล) , รถม้าศึก) เป็นรถถังประจัญบานหลักที่ใช้โดยกองกำลังป้องกันอิสราเอล รถถังนี้เริ่มการพัฒนาขึ้นในปี พ.ศ. 2516 และเข้าประจำการในปี พ.ศ. 2522 ปัจจุบันมีรถถังนี้สี่รุ่นที่นำมาใช้งานจริง เมอร์คาวาปฏิบัติภารกิจแรกอย่างจริงจังในสงครามเลบานอน พ.ศ. 2525 คำว่า"เมอร์คาวา"ผันมาจากชื่อโครงการพัฒนาช่วงแรกของกองกำลังป้องกันอิสราเอล

เมอร์คาวาถูกออกแบบมาเพื่อการซ่อมบำรุงอย่างรวดเร็วในการรบ ความสามารถในการอยู่รอด การลงทุนที่มีประสิทธิภาพ และการปฏิบัติหน้าที่บริเวณนอกถนน รุ่นล่าสุดคือรถถังปืนใหญ่อัตตาจรที่มีส่วนของป้อมปืนย้ายไปด้านหลังมากขึ้นกว่ารถถังประจัญบานทั่วไป ด้วยการที่นำเครื่องยนต์ไว้ด้านหน้า การออกแบบดังกล่าวทำให้รถถังมีการป้องกันจากการโจมตีด้านหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะการโจมตีพลขับ นอกจากนี้แล้วยังทำให้มีพื้นที่ที่ด้านหลังของรถถังมากขึ้นเพื่อการบรรทุกสัมภาระ เช่นเดียวกับการมีทางเข้าออกที่ส่วนหลังเพื่อให้ง่ายเข้าออกรถถังในขณะถูกโจมตี สิ่งนี้ทำให้เมอร์คาวาสามารถทำหน้าที่เป็นศูนย์พยาบาล ศูนย์ควบคุมและบัญชาการแนวหน้า และยานหุ้มเกราะลำเลียงพล ทางเข้าออกด้านหลังที่เปิดปิดแบบบนล่างทำให้ป้องกันการยิงจากด้านบนได้

มีรายงานไม่นานก่อนที่สงครามเลบานอน พ.ศ. 2549 จะเริ่มต้นว่าสายการผลิตเมอร์คาวาจะหยุดทำงานภายในสี่ปี อย่างไรก็ดี ในวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 หนังสือพิมพ์ฮาเรทซ์ของอิสราเอลรายงานว่าคณะเสนาธิการของอิสราเอลได้พูดถึงเมอร์คาวา มาร์ค 4 ว่า "หากใช้งานอย่างถูกต้อง รถถังนี้จะให้การป้องกันแก่ทหารได้ดีกว่าแต่ก่อน" และได้เลื่อนการพิจารณาที่จะหยุดสายการผลิตเมอร์คาวาไป

ในปี พ.ศ. 2508 กองทัพอิสราเอลได้เริ่มทำการพัฒนาซึ่งนำไปสู่การวิจัยและสร้างรถถังที่ผลิตภายในประเทศ ซึ่งเรียกว่า รถถัง"ซาบรา"[ต้องการอ้างอิง] (ไม่ใช่รถถังซาบราของยุคใหม่) เริ่มแรกอังกฤษและอิสราเอลได้ช่วยกันดัดแปลงรถถังชิฟเทนของอังกฤษ ที่เพิ่งจะเข้าประจำการในปี พ.ศ. 2509[ต้องการอ้างอิง] อย่างไรก็ดี ในปี พ.ศ. 2512 อังกฤษตัดสินใจที่จะไม่ขายรถถังดังกล่าวให้กับอิสราเอลด้วยเฟตุผลทางการเมือง

ผู้บัญชาการกรมอิสราเอล ทาลที่เข้ามาทำหน้าที่หลังจากวิกฤตการณ์สุเอซ ได้เริ่มโครงการสร้างรถถังของอิสราเอลขึ้นอีกครั้ง โดยใช้บทเรียนจากสงครามยมคิปเปอร์เมื่อปี พ.ศ. 2516 ซึ่งอิสราเอลถูกจำนวนที่มากกว่าของข้าศึกชาติอาหรับเล่นงาน

เมื่อถึงปี พ.ศ. 2517 การออกแบบช่วงแรกก็สำเร็จสมบูรณ์และรถถังต้นแบบก็ถูกสร้างออกมา หลังจากทำการทดสอบพอประมาณก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยนโรงงานอาวุธเทล ฮาโชเมอร์ให้ผลิตรถถังเต็มอัตรา หลังจากที่โรงงานสร้างเสร็จได้มีการประกาศต่อสาธารณชนว่า เมอร์คาวาจะเป็นรถถังรุ่นต่อไปของอิสราเอล ภาพแรกอย่างเป็นทางการของเมอร์คาวาถูกตีพิมพ์ต่อสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2520 กองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ใช้เมอร์คาวาอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2521 เมอร์คาวาคันแรกถูกส่งมอบให้กับกองกำลังป้องกันอิสราเอลในเดือนเมษายน พ.ศ. 2522 เป็นเวลาเกือบเก้าปีหลังจากที่มีการตัดสินใจสร้างเมอร์คาวา มาร์ค 1

องค์กรหลังที่รวบรวมส่วนประกอบต่างๆ ของเมอร์คาวาไว้ด้วยกันคืออุตสาหกรรมทหารอิสราเอล ส่วนเหล่ายุทโธปกรณ์อิสราเอลมีหน้าที่รับผิดชอบในการประกอบเมอร์คาวา ผู้ร่วมสร้างรายอื่นๆ มีดังนี้ :

เมอร์คาวา มาร์ค 1 และ 2 นั้นมีอาวุธเป็นปืนใหญ่เอ็ม68 ขนาด 105 มม. ในมาร์ค 3 นั้นเป็นดอร์ ดาเล็ท บาซ คาสแซค (Dor Dalet BAZ kassag) และของมาร์ค 4 เป็นปืนลำกล้องเกลี้ยง ขนาด 120 มม.

เมอร์คาวาแต่ละรุ่นมีปืนกลขนาด 7.62 มม.เพื่อเป็นอาวุธต่อต้านทหารราบและปืนครกขนาด 60 มม.ที่สามารถบรรจุกระสุนและยิงจากข้างในตัวรถถังได้

เครื่องยนต์ดีเซลแบบเทอร์โบชาร์จที่ให้กำลัง 1,500 แรงม้าถูกออกแบบโดยเอ็มทียูและผลิตภายใต้ลิขสิทธิ์โดยบริษัทแอล-3 คอมมิวนิเคชั่น คอมแบท พรอพพัลชั่น ซิสเทมส์ (อดีตเป็นเจเนรัล ไดนามิกส์)

รุ่นมาร์ค 1 ได้ปฏิบัติหน้าที่มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 เป็นรุ่นดั้งเดิมที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจของผู้บัญชาการกรมอิสราเอล ทาล และได้ถูกปรับเปลี่ยนและออกแบบมาเพื่อการผลิตขนานใหญ่ มาร์ค 1 มีน้ำหนัก 63 ตันและมีเครื่องยนต์ดีเซลที่ให้กำลัง 900 แรงม้า ซึ่งมีอัตรากำลังที่ 14 แรงม้าต่อหนึ่งตัน มันมีอาวุธหลักเป็นปืนเอ็ม68 ขนาด 120 มม. (เป็นแบบลอกเลียนจากโรยัล ออร์ดแนนซ์ แอล7 ของอังกฤษโดยซื้อลิขสิทธิ์มา) มีปืนกลขนาด 7.62 มม.อีกสองกระบอก และปืนคกขนาด 60 มม.ที่ด้านนอกรถถัง ซึ่งไม่มีที่กำบังให้กับผู้ใช้เวลาใช้งาน

การออกแบบโดยทั่วไปนั้นได้ยืมเอาตีนตะขาบของรถถังเซนจูเรียนของอังกฤษ ซึ่งถูกใช้อย่างหนักในช่วงสงครมยมคิปเปอร์

เมอร์คาวาทำการรบครั้งแรกในสงครามเลบานอน พ.ศ. 2525 ซึ่งอิสราเอลได้ใช้เมอร์คาวา 180 คัน แม้ว่าพวกมันจะทำงานได้สำเร็จ แต่รถหุ้มเกราะลำเลียงพลที่ร่วมรบด้วยได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากและต้องถอนตัวออกจากการรบ เมอร์คาวาจึงได้รับหน้าที่เพิ่มให้เป็นหน่วยพยาบาลสำหรับทหารราบ โดยนำเอาส่วนเก็บกระสุนออก ทหาร 10 นายสามารถเข้าออกรถถังโดยใช้ประตูหลังของรถถังได้

หลังสิ้นสุดสงครามได้มีการติดตั้งและปรับเปลี่ยนมากมายให้กับเมอร์คาวา สิ่งสำคัญที่สุดคือการย้ายจุดติดตั้งปืนครกขนาด 60 มม.ไปไว้ในตัวรถและใช้การยิงด้วยรีโมตแทน เป็นจุดสำคัญที่อิสราเอลเรียนรู้มาจากเซนจูเรียน มาร์ค3 ที่ใช่ปืนครกขนาด 2 นิ้ว ติดตั้งตาข่ายลูกโซ่เพื่อป้องกันอาร์พีจีและอาวุธต่อต้านรถถัง

รุ่นมาร์ค 2 ถูกนำมาใช้ครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2526 และได้รับการยกระดับเล็กน้อยเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการรบในเลบานอน รถถังรุ่นใหม่นี้มีการปรับให้สามารถรบในสภาพที่เป็นเมืองได้และเหมาะกับการปะทะขนาดเล็ก ด้วยน้ำหนักและเครื่องยนต์ที่ยังเหมือนของมาร์ค 1

มาร์ค 2 ใช้ปืนใหญ่ขนาด 105 มม.และปืนกลขนาด 7.62 มม.เหมือนมาร์ค 1 แต่สำหรับปืนครกขนาด 60 มม.ได้ถูกออกแบบใหม่ให้ติดตั้งอยู่ภายในรถถังและควบคุมการยิงด้วยรีโมตเพื่อป้องกันไม่ให้ทหารถูกยิงเวลาต้องใช้ปืนครก ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติที่อิสราเอลสร้างขึ้นและถังเชื้อเพลิงที่ใหญ่ขึ้นถูกติดตั้งให้กับมาร์ค 2 ทุกคันที่ผลิตภายหลัง ตาข่ายต่อต้านจรวดถูกติดตั้งเข้าไปเพื่อเพิ่มความสามารถในการอยู่รอดเมื่อต้องเผชิญกับทหารราบติดอาวุธต่อต้านรถถัง การพัฒนาขนาดย่อมอีกมากมายถูกจัดขึ้นให้กับระบบควบคุมการยิง เซ็นเซอร์อุตุนิยม ตัวประเมินทิศทางลม และกล้องจับอุณหภูมิและเครื่องขยายความชัดของภาพ ทำให้รถถังมีความสามารถในการรับรู้สมรภูมิที่ดีขึ้น

รุ่นที่มีการพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไปของมาร์ค 2 นั้นจะมีชื่อต่างกันไป และหลายคันยังคงประจำการอยู่ในปัจจุบัน:

เมอร์คาวา มาร์ค 3 นั้นเริ่มเข้าทำหน้าที่ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2532 มีการยกระดับส่วนส่งกำลัง อาวุธ และระบบอิเลคทรอนิก สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือปืนไอเอ็มไอ ขนาด 120 มม. ด้วยปืนนี้และเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ขึ้นด้วยกำลัง 1,200 แรงม้า ทำให้รถถังมีน้ำหนักเป็น 65 ตัน แต่เครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่าทำให้มีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ป้อมปืนได้รับการปรับเปลี่ยนให้เคลื่อนที่ได้อิสระจากตัวรถถัง ทำให้มันสามารถติดตามเป้าหมายไม่ว่ารถถังจะหันไปทางไหนก็ตาม การพัฒนาอื่นๆ มีดังนี้

เป็นรุ่นสุดท้ายของมาร์ค 3 มีชื่อว่ามาร์ค 3 ดี ดอร์-ดาเล็ท (Dor-Dalet เป็นภาษาฮิบรูที่แปลว่า รุ่นที่สี่) ซึ่งมีการพัฒนาเพื่อเป็นการปูทางให้กับมาร์ค 4

เมอร์คาวา มาร์ค 4 เป็นรุ่นพัฒนาล่าสุดของเมอร์คาวาและได้พัฒนามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 การพัฒนาดังกล่าวเปิดตัวในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 อย่างไรก็ตาม เมอร์คาวา มาร์ค 3 ยังคงผลิตต่อไปจนถึงปี พ.ศ. 2546 เมอร์คาวา มาร์ค 4 คันแรกๆ ถูกผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2547

มาร์ค 4 มีระบบควบคุมการยิงแบบใหม่ของบริษัทเอล-ออพ เรียกว่า ไนท์ มาร์ค 4 (Knight Mark 4) มีเกราะแยกส่วนที่ถอดได้แบบมาร์ค 3ดี โดยนำมาติดตั้งรอบตัวรถ รวมทั้งด้านบนและรูปทรงวีที่ใต้ท้องรถ ระบบเกราะนี้ถูกออกแบบเพื่อให้รถถังได้รับการซ่อมแซมที่รวดเร็วและกลับเข้ารบให้เร็วที่สุด

กระสุนถูกเก็บไว้ในที่เก็บกันไฟ ซึ่งลดโอกาสที่กระสุนจะระเบิดเมื่อถูกความร้อนเมื่อเกิดไฟไไหม้ในรถถัง ในป้อมปืนนั้นจะไม่มีกระสุนอยู่เลย

ปรับรูปร่างของรถถัง สีไม่สะท้อน และเกราะสำหรับไอเสียรถที่จะผสมกับอากาศทำให้เกิดภาพความร้อนที่ข้าศึกสับสน โดยเป็นโครงการที่นำมาจากกองทัพอากาศอิสราเอลเพื่อให้รถถังตกเป็นเป้าได้ยากขึ้นในจอเรดาร์และตัวจับความร้อนของศัตรู

มาร์ค 4 มีปืนขนาด 120 มม.ที่ใหญ่กว่าของรุ่นอื่นๆ แต่สามารถยิงกระสุนได้หลากหลายกว่า อย่างกระสุนระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถังและกระสุนแซ็บบ็อตอย่างกระสุนเจาะเกราะด้วยพลังงานจลน์ โดยใช้แม็กกาซีนแบบหมุนกึ่งไฟฟ้าที่บรรจุกระสุน 10 นัด นอกจากนี้ยังมีปืนกลขนาด 12.7 มม.ที่มีขนาดใหญ่กว่าเพื่อจัดการเป้าหมายที่เป็นยานพาหนะ

ระบบควบคุมการยิงแบบใหม่ทำให้เมอร์คาวาสามารถยิงเฮลิคอปเตอร์สัญชาติรัสเซียอย่างมิล เอ็มไอ-24 และฝรั่งเศสอย่างกาเซล์ได้

มาร์ค 4 มีระบบตีนตะขาบที่เรียกว่า ทีซอว์ส (Tracks, Springs, and Wheels System)" ระบบดังกล่าวถูกออกแบบมาให้ทดทานต่อพื้นหินบะซอลต์ในเลบานอนและที่ราบสูงโกลัน T

มาร์ค 4 มีระบบจัดการสนามรบด้วยดิจิตอลของบริษัทเอลบิท เป็นระบบที่ใช้ข้อมูลจากเป้าหมายและยูเอวีในสนามรบ มาแสดงข้อมูลบนจอสีและส่งต่อรหัสข้อมูลไปยังหน่วยรบอื่นๆ ที่มีระบบจัดการสนามรบดังกล่าว

เมอร์คาวา มาร์ค 4 ถูกออกแบบมาสำหรับการซ่อมบำรุงที่รวดเร็วและสามารถเปลี่ยนเกราะใหม่เพื่อทดแทนเกราะที่เสียหายได้ไวขึ้น ด้วยการใช้เกราะแยกส่วนทำให้สามารถทำการถอดและติดตั้งได้อย่างสะดวก นอกจากนี้แล้วมันยังถูกออกแบบมาให้ประหยัดงบประมาณทั้งในขั้นตอนการผลิตและการซ่อมบำรุง ทำให้เมอร์คาวมามีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่ารถถังหลายแบบของประเทศยุโรป

เมอร์คาวามีบทบาทอย่างมากในช่วงสงครามเลบานอน พ.ศ. 2525 มันสามารถจัดการรถถังของซีเรียได้อย่างเฉียบขาดและพิสูจน์ให้เห็นว่ามันสามารถทนทานต่ออาวุธต่อต้านรถถังในยุคนั้นได้ (เช่น เอที-3 แซคเกอร์และอาร์พีจี-7 ) ถือว่าเมอร์คาวาเป็นรถถังที่พัฒนาขึ้นอย่างมากจากรถถังประจัญบานรุ่นก่อนหน้าของอิสราเอล นั่นคือรถถังเซนจูเรียน

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 เมอร์คาวา มาร์ค 3 คันหนึ่งถูกทำลายด้วยระเบิดข้างถนนใกล้กับกาซา รถถังตันดังกล่าวถูกล่อให้ไปติดกับโดยไปแล่นทับกับระเบิดขนาดหนักเข้า ทหารทั้งสี่นายถูกสังหาร มันเป็นเมอร์คาวาคันแรกที่ถูกทำลายในอินทิฟาด้าครั้งที่สอง รถถังอีกคัน ซึ่งไม่ได้ระบุว่าเป็นเมอร์คาวา 2 หรือ 3 ถูกทำลายในอีกเดือนต่อมาในพื้นที่เดียวกันและทำให้ทหารอีกสามนายเสียชีวิต เมอร์คาวาคันที่สามถูกทำลายและมีทหารเสียชีวิตหนึ่งนาย บาดเจ็บอีกสองนาย

ฝ่ายอิสราเอลสูญเสียลูกเรือประจำเมอร์คาวาและทหารที่ลำเลียงไปในรถถังเป็นจำนวนมากในสงครามเลบานอน พ.ศ. 2549 มีเมอร์คาวา มาร์ค 4 เพียงไม่กี่คันเท่านั้นที่ร่วมรบ เพราะว่าพวกมันเพิ่งเข้าประจำการในจำนวนที่จำกัด กลุ่มฮิซบุลลอฮ์ได้ยิงขีปนาวุธต่อต้านรถถังกว่า 1,000 นัดในการต่อสู้เข้าใส่รถถังและทหารราบ ประมาณร้อยละ 45 ของรถถังและยานเกราะทั้งหมดที่ถูกยิงด้วยขีปนาวุธต่อต้านรถถังนั้นได้รับความเสียหายเพราะเกราะถูกทำลาย รวมแล้วมีทหารเสียชีวิตจากอาวุธเจาะเกราะทั้งหมด 15 นาย การเจาะทะลวงเกิดจากขีปนาวุธหัวรบเรียง เชื่อกันว่าอาวุธของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ประกอบด้วยอาร์พีจี-29 แวทไพร์ เอที-5 คอนเคอร์ส เอที-13 เมทิส-เอ็ม และเอที-14 คอร์เน็ทของรัสเซีย กองกำลังป้องกันอิสราเอลได้รายงานว่าพวกเขาพบการใช้ขีปนาวุธคอร์เน็ทของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ในหมู่บ้านกานดอริเยฮ์ หลายเดือนหลังจากการหยุดยิง หลายรายงานได้ให้ข้อมูลทางภาพถ่ายเป็นหลักฐานวาขีปนาวุธคอร์เน็ทนั้นถูกใช้โดยกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ในบริเวณดังกล่าว ทหารประจำเมอร์คาวา 4 หนึ่งนายถูกสังหารเมื่อรถถังแล่นเหยียบระเบิดแสวงเครื่อง รถถังคันดังกล่าวได้ติดตั้งเกราะเสริมที่ใต้ท้อง ทำให้มีทหารเพียงหนึ่งนายจากทั้งหมดเจ็ดนาย (ลูกเรือสี่นายและทหารราบสามนาย) เสียชีวิต สรุปมีเมอร์คาวา 5 คันถูกทำลาย เป็นมาร์ค 2 สองคัน มาร์ค 3 หนึ่งคัน และมาร์ค 4 สองคัน ในจำนวนมาร์ค 4 ทั้งสองคัน หนึ่งคันถูกระเบิดแสวงเครื่องทำลายและอีกคันถูกทำลายโดยขีปนาวุธคอร์เน็ทของรัสเซีย กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า การทำงานของเมอร์คาวา มาร์ค 4 นั้นน่าพอใจมากและมองว่าปัญหามาจากการซ้อมรบที่น้อยเกินไป ในจำนวนทั้งหมดมีเมอร์คาวา 50 คันได้รับความเสียหาย (มาร์ค 2 และ 3) มีแปดคันที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อในสนามรบได้ มี 21 คันถูกอาวุธเจาะเกราะทำลาย (15 คันเป็นขีปนาวุธและอีก 6 คันเป็นระเบิดไออีดีและทุ่นระเบิดต่อต้านรถถัง)

หลังจากสงครามในปีพ.ศ. 2549 รวมทั้งหลังจากที่กองกำลังป้องกันอิสราเอลเผชิญกับสงครามกองโจร บางการประเมินชี้ว่าเมอร์คาวามีจุดอ่อนมากเกินไปต่อขีปนาวุธต่อต้านรถถัง ซึ่งข้าศึกสามารถนำมาใช้ในสนามรบเชิงกองโจรได้ง่าย การประเมินอื่น รวมทั้งของเดวิด เอสเชล ไม่เห็นด้วยเช่นนั้น เขาโต้ว่ารายงานความสูญเสียของเมอร์คาวานั้นเกินจริงและสรุปการทำงานของเมอร์คาวา โดยเฉพาะมาร์ค 4 นั้น จากคำบอกเล่าของทหารส่วนใหญ่ ว่าหากไม่นับข้อบกพร่องทางยุทธวิธีและการสูญเสียแล้ว เมอร์คาวามีความสามารถในสถานการณ์ดุเดือดได้ดี ในจดหมายจากเหล่ายานเกราะได้มีการเปรียบเทียบที่แสดงให้เห็นว่า จำนวนเฉลี่ยของลูกเรือที่เสียชีวิตต่อรถถังหนึ่งคันนั้นลดลงจาก 2 นายในสงครามยมคิปเปอร์เหลือ 1.5 นายในสงครามเลบานอน พ.ศ. 2525 และเหลือ 1 นายในสงครามเลบานอน พ.ศ. 2549 เป็นการพิสูจน์ว่าเมอร์คาวา มาร์ค 4 ให้การป้องกันแก่ลูกเรือได้ดีกว่ารุ่นอื่นๆ แม้ต้องเผชิญกับอาวุธต่อต้านรถถังที่พัฒนาขึ้นก็ตาม กองกำลังป้องกันอิสราเอลต้องการเพ่มรายการสั่งซื้อเมอร์คาวา มาร์ค 4 และวางแผนที่จะติดตั้งระบบป้องกันโทรฟี่ให้กับพวกมัน รวมทั้งจัดการฝึกฝนระหว่างลูกเรือรถถังและทหารต่อต้านรถถังของอิสราเอล

เมอร์คาวา 4 เข้าร่วมรบอย่างดุดเดือดในสงครามกาซาเนื่องจากมีจำนวนเข้าประจำการมากขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2549 เพื่อแทนที่มาร์ค 2 และ 3 เมอร์คาวาเพียงหนึ่งกรมสามารถแย่งฉนวนกาซาออกเป็นสองเขตได้ภายในห้าชั่วโมงโดยไม่มีการสูญเสียเลย ผู้บัญชากรมกล่าวว่ายุทธวิธีของพวกเขาได้เปลี่ยนไปมากตั้งแต่ปีพ.ศ. 2549 ยุทธวิธีใหม่ออกแบบมาเพื่อตอบโต้สงครามกองโจรโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มขีดความสามารถเดิมที่เน้นทำสงครามรูปแบบปกติ ในเดือนคุลาคม พ.ศ. 2553 กองกำลังป้องกันอิสราเอลได้เริ่มติดตั้งระบบป้องกันโทรฟีให้กับเมอร์คาวา 4 เพื่อเพิ่มการป้องกันจากขีปนาวุธต่อต้านรถถังที่ใช้หัวรบระเบิดแรงสูง ระบบดังกล่าวประกอบด้วยระบบเลเซอร์เตือนภัยเอลบิทและระเบิดควันของไอเอ็มไอ

ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553 กลุ่มฮามาสในกาซาได้ยิงขีปนาวุธต่อต้านรถถังเอที-14 คอร์เน็ทใส่เมอร์คาวา มาร์ค 3 คันหนึ่งที่ประจำการอยู่ตรงชายแดนอิสราเอลกาซา ก่อนหน้านี้เชื่อกันว่ากลุ่มฮามาสไม่ได้ครอบครองอาวุธที่มีความซ้ำซ้อนแบบดังกล่าว ขีปนาวุธลูกดังกล่าวเจาะทะลุรถถัง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์นี้อิสราเอลจึงเริ่มใช้เมอร์คาวา 4 ตลอดแนวชายแดนพร้อมกับติดตั้งระบบป้องกันโทรฟีให้กับพวกมัน

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554 เมอร์คาวา มาร์ค 4 คันหนึ่งที่ประจำการใกล้ชายแดนกาซา ถูกยิงด้วยขีปนาวุธแต่สามารถป้องกันได้ด้วยระบบป้องกันโทรฟี นับเป็นการแสดงผลให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบดังกล่าวเป็นครั้งแรก

ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2554 ตุรกีได้ระงับแผน 5 พันล้านดอลลาร์ ที่จะจัดซื้อรถถัง เมอร์คาวา มาร์ค 3 จำนวน 1,000 คัน.[ไม่แน่ใจ – พูดคุย]

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555 อิสราเอลได้ยื่นข้อเสนอที่จะจัดหาเมอร์คาวา มาร์ค 4 ให้กับโคลัมเบีย การขายจะประกอบด้วยรถถังจำนวน 25-40 คันและยานเกราะลำเลียงพลนาเมอร์ด้วยเช่นกัน โคลัมเบียกำลังถูกคุกคามโดยกองทัพเวเนซูเอล่าที่กลำขยายตัว ทำให้ต้องหารถถังที่สามารถต่อกรกับที-72 ของข้าศึกได้

ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2557 อิสราเอลมีการเซ็นสัญญา a landmark contract with a foreign government for the sale of its locally- produced flagship Merkava IV main battle tank, local media reported on Sunday.


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301