เนสซี หรือ สัตว์ประหลาดล็อกเนสส์ (อังกฤษ: Nessie, Loch Ness Monster) คือสิ่งมีชีวิตลึกลับขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งที่เชื่อว่าอาศัยอยู่ในทะเลสาบเนสส์ (ล็อกเนสส์) ในสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร
โดยชื่อ "เนสซี" (เกลิก: Niseag) เป็นชื่อเรียกเล่น ๆ ของสิ่งมีชีวิตลึกลับนี้ โดยเป็นชื่อที่ดัดแปลงมาจากคำว่าล็อกเนสส์ ในช่วงทศวรรษที่ 1940 สมาสกับชื่อที่เป็นที่นิยมของหญิงสาวในท้องถิ่น คือ "แอ็กเนส" (Agnes) ในวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1932 ข่าวในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายงานเรื่องการแต่งงานของน.ส.เนสซี คลาร์ก
เชื่อว่าเนสซีมีรูปร่างคล้ายเพลสิโอซอรัส หรือ อีลาสโมซอรัส สัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยในทะเลยุคเดียวกับไดโนเสาร์ มีผู้อ้างว่าเคยพบเห็นถึงปัจจุบันกว่านับไม่ถ้วน และมีรูปถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพยนตร์มากมาย โดยหลักฐานแรกสุดที่มีบันทึกถึงเนสซี คือ บันทึกของอดัมแนน ระบุว่า ในวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 565 นักบุญโคลัมบา ขณะเดินทางมาสู่ที่ราบสูงสกอตแลนด์เพื่อดึงพวกนอกรีตเข้าสู่ศาสนา ท่านได้ทำพิธีไล่ปีศาจแม่น้ำที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำเนสส์ที่เรียกว่า "พิกติส" ซึ่งได้ฆ่าคนไปแล้วหนึ่งคน โดยส่งตัวแทนลงไปว่ายในน้ำเพื่อล่อปีศาจ แต่ทว่าไม่ได้มีการบรรยายถึงลักษณะของปีศาจตนนี้ มีแต่เพียงบันทึกไว้ว่าน้ำปั่นป่วนเท่านั้นเอง ขณะที่ความเชื่อเรื่องปีศาจหรือสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ในน้ำ ของซีกโลกทางเหนือแบบนี้ก็มีในพื้นที่อื่น เช่น สแกนดิเนเวีย หรือไวกิ้ง
ใน ค.ศ. 1933 มีการตัดถนนผ่านทะเลสาบเนสส์ จึงมีผู้พบเห็นเนสซีมากขึ้น คู่สามีภรรยาตระกูลแมคเคย์ขณะขับรถผ่านทะเลสาบ คุณนายแมคเคย์ก็เห็นอะไรบางอย่างขนาดใหญ่ในน้ำ จึงบอกให้สามีหยุดรถ และทั้งคู่ก็ลงไปดู แต่ก็ปรากฏว่าสิ่งนั้นหายไปแล้ว เรื่องราวนี้ได้ปรากฏลงในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น และเริ่มใช้คำว่า "สัตว์ประหลาด" ขึ้นมาครั้งแรก ในปีเดียวกัน อาเทอร์ แกรนด์ อ้างว่าขณะที่ตนขับขี่มอเตอร์ไซค์นั้น เห็นเนสซีขึ้นมาบนบก ไฟจากหน้ารถที่ส่องไปถูกตัวทำให้เห็นว่าเนสซีมีรูปร่างคล้ายเพลซิโอซอรัส ต่อมาก็ได้มีผู้ถ่ายรูปไว้ได้มากมายทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงเงาตะคุ่ม ๆ หรือคลื่นน้ำที่เคลื่อนไหวบนผิวน้ำเท่านั้น ในวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1987 ทางมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมได้ทำการค้นคว้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยใช้เรือติดสัญญาณโซนาร์หลายลำแล่นไปบนพื้นผิวน้ำ เรียกว่า "ปฏิบัติการดีปสแกน" (Operation Deepscan) ปรากฏว่า โซนาร์ได้สะท้อนถึงเงาของวัตถุบางอย่างขนาดใหญ่ที่กำลังเคลื่อนตัวใต้น้ำ แต่บางคนคิดว่าอาจเป็นเพียงฝูงปลาธรรมดา ๆ
เรื่องราวเกี่ยวกับเนสซีมีทั้งผู้ที่เชื่อและผู้ที่ไม่เชื่อ โดยผู้ที่เชื่อนั้นเชื่อว่า เนสซีอาจเป็นไดโนเสาร์ที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยสภาพทางภูมิศาสตร์ของทะเลสาบเนสส์ในยุคโบราณนั้นเคยเป็นทะเลมาก่อน ไดโนเสาร์ในสมัยนั้นอาจเข้ามาอยู่อาศัยจนสภาพของพื้นที่เปลี่ยนไป กลายเป็นพื้นที่ปิดและปราศจากสิ่งรบกวน สัตว์ที่อาศัยอยู่ในนี้จึงยังหลงเหลืออยู่และมีสภาพไม่เปลี่ยนแปลงจากครั้งแรกที่เข้ามาอาศัย ไม่เพียงเท่านั้น แหล่งน้ำหรือทะเลสาบที่อื่น ๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับทะเลสาบเนสส์ และบริเวณใกล้เคียงกันก็มีรายงานของสิ่งประหลาดที่คล้ายกับเนสซีด้วย ขณะที่ฝ่ายที่ไม่เชื่อนั้นเชื่อว่า รูปถ่ายหรือภาพเคลื่อนไหวที่ได้นั้น อาจไม่ใช่เป็นสิ่งที่เกี่ยวกับเนสซีเลย และทั้งหมดทำขึ้นก็เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ทะเลสาบแห่งนี้โด่งดังขึ้น โดยบางรูปเชื่อว่าเป็นเพียงหางของตัวนากที่กำลังดำน้ำหรือเป็นขอนไม้หรือวัสดุต่าง ๆ ที่กำลังลอยน้ำอยู่
ทุกวันนี้ เรื่องราวของเนสซีก็ยังเป็นเรื่องลึกลับที่เป็นที่สนใจของคนทั้งโลก มีผู้ไปสำรวจและศึกษามากมาย แต่ก็ยังไม่เคยมีผู้ใดได้หลักฐานของเนสซีที่หนักแน่นสักราย อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเนสซีก็สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาลสกอตแลนด์และชุมนุมใกล้เคียงเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
ปัจจุบันทางบริษัทวิลเลียมฮิลล์ บริษัทพนันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้ประกาศออกมาว่าจะให้เงินรางวัลจำนวน 1 ล้านปอนด์หรือประมาณ 70 ล้านบาทแก่ผู้ที่สามารถหาหลักฐานได้ว่าเนสซีมีอยู่จริง ในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2007 กอร์ดอน โฮลมส์ เจ้าหน้าที่เทคนิคห้องแล็บได้อ้างว่า สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวของสิ่งที่เชื่อว่าเป็นเนสซีได้ด้วยความยาวถึง 2 นาทีครึ่งขณะนั่งชมทิวทัศน์อยู่ริมทะเลสาบเนสส์ ซึ่งภาพของโฮลมส์ครั้งนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นของเนสซีที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เอเดียน ไชน์ นักชีววิทยาสัตว์น้ำ ได้ตรวจสอบภาพของโฮล์มสแล้วมีความเห็นว่า เป็นการยากที่จะเป็นการตกแต่งหรือทำปลอมขึ้น เพราะภาพไม่ได้จับเฉพาะแต่สัตว์ประหลาด แต่ยังถ่ายไปถึงภูเขารอบทะเลสาบด้วย จึงสามารถเปรียบเทียบความเร็วและขนาดของสิ่งที่เคลื่อนไหวในน้ำได้ด้วย โดยเชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มีความยาวประมาณ 15 เมตร เคลื่อนที่ด้วยการว่ายน้ำด้วยความเร็วถึง 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และภาพบางส่วนยังจับให้เห็นสิ่งที่คล้ายครีบด้วย ซึ่งวิดีโอภาพชุดนี้เป็นที่ฮือฮาและกล่าวขานอย่างมากในสหราชอาณาจักร เมื่อได้ถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะโดยสำนักข่าวบีบีซีในอีก 3 วันถัดมา มีผู้คนมากมายที่ทั้งเชื่อและไม่เชื่อ และต่อมาไม่นานได้มีการเปิดเผยว่ารัฐบาลสหราชอาณาจักรเพิ่งจะเปิดเผยข้อมูลลับว่า ทางรัฐบาลเชื่อว่า เนสซีมีอยู่จริง ตั้งแต่สมัย นางมาร์กาเรต แทตเชอร์ เป็นนายกรัฐมนตรี และอยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองและอนุรักษ์สัตว์ป่าของอังกฤษที่ครอบคลุมทั้งสัตว์ที่รู้จักและไม่รู้จักหลายชนิด
ในปี ค.ศ. 2009 มีข่าวปรากฏว่า ดาวเทียมกูเกิลเอิร์ธสามารถจับภาพของสิ่งที่เชื่อว่าเป็นเนสซีได้ที่ทะเลสาบเนสส์ที่พิกัดละติจูดที่ 57 องศา 12.52 ลิปดา 13 พิลิปดาเหนือ และลองติจูดที่ 4 องศา 34.14 ลิปดา 16 พิลิปดาตะวันตก57?12?52.13?N 4?34?14.16?W? / ?57.2144806?N 4.5706000?W? / 57.2144806; -4.5706000 แต่ปรากฏว่าเป็นเพียงเรือที่กำลังแล่นอยู่
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2014 มีรายงานว่าหญิงสาวชาวอังกฤษวัย 24 ปี สามารถถ่ายรูปของเนสซีขณะลอยคอเหนือผิวน้ำไว้ได้ โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ที่ทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ ทางตอนเหนือของอังกฤษ ที่อยู่ห่างจากทะเลสาบเนสส์ 241 กิโลเมตร โดยเจ้าตัวในตอนแรกคิดว่าเป็นหงส์หรือห่านด้วยซ้ำ
ในต้นปี ค.ศ. 2016 มีชาวประมงท้องถิ่นอ้างว่าสามารถใช้อุปกรณ์โซนาร์ตรวจจับสภาพของทะเลสาบเนสส์พบว่ามีร่องลึกยาวประมาณ 9 ไมล์ ในระดับความลึก 813–900 ฟุต ซึ่งทำให้พบว่าทะเลสาบเนสส์เป็นทะเลสาบที่มีความลึกเป็นอันดับ 2 ของสหราชอาณาจักรรองจากทะเลสาบโมราร์ที่ลึกถึง 1,017 ฟุต และอาจเป็นแหล่งซ่อนตัวของเนสซี แต่ในกลางปีเดียวกัน มีการศึกษาโดยใช้โดรนถ่ายใต้น้ำ ซึ่งสามารถถ่ายภาพใต้น้ำได้ในระดับความลึกกว่าทะเลสาบเนสส์มาก โดย ดิก เรย์นอร์ นักวิทยาศาสตร์ที่สนใจศึกษาเรื่องนี้ และพบว่าไม่มีอะไรรวมถึงไม่มีร่องลึกดังที่กล่าวอ้างด้วย และเขาเชื่อว่าไม่มีสัตว์ประหลาดในทะเลสาบแห่งนี้
นอกจากนี้แล้วยังมีผู้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้แก่เนสซีด้วย โดยให้ชื่อว่า Nessiteras rhombopteryx ซึ่งเป็นภาษากรีกแปลได้ว่า "สัตว์ประหลาดเนสส์กับครีบรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด"