เจ้าหญิงโซฟีแห่งบาวาเรีย (ภาษาอังกฤษ: Princess Sophie of Bavaria, ภาษาเยอรมัน: Prinzessin Sophie von Bayern) (พระนามเต็ม: โซฟี ฟรีเดริเก้ โดโรธี วิลเฮล์มมีน, Sophie Friederike Dorothee Wilhelmine von Habsburg-Lorraine (ราชสกุลเดิม von Wittelsbach)) ทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งบาวาเรีย และเป็นพระชายาในอาร์ชดยุกฟรันซ์ คาร์ลแห่งออสเตรียด้วย
เจ้าหญิงโซฟี ประสูติเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2348 เป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระราชาธิบดีแม็กซีมีเลียนที่ 1 โจเซฟแห่งบาวาเรีย และพระมเหสีองค์ที่ 2 ของพระองค์ เจ้าหญิงแคโรไลน์แห่งบาเดน พระองค์มีพระขนิษฐาฝาแฝด 1 พระองค์คือ เจ้าหญิงมาเรีย แอนนา ซึ่งทรงไปอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระราชาธิบดีฟรีดริช ออกัสตัสที่ 2 แห่งแซ็กโซนี เมื่อทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงได้รับการศึกษาตั้งแต่เมื่อมีพระชันษาเพียง 3 ชันษา โดยทรงได้รับการศึกษาพร้อมกับพระขนิษฐาฝาแฝดของพระองค์
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2367 ซึ่งขณะนั้น มีพระชันษาเพียง 19 ชันษา พระองค์ทรงอภิเษกสมรสกับอาร์ชดยุกฟรันซ์ คาร์ลแห่งออสเตรีย พระราชโอรสในสมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และพระมเหสีองค์ที่ 2 เจ้าหญิงมาเรีย เทเรซ่าแห่งทู ซิชิลีส์ โดยภายหลังอภิเษกสมรส พระองค์ทรงได้รับการสถาปนาเป็น อาร์ชดัชเชสแห่งออสเตรีย (Her Imperial and Royal Highness Archduchess Sophie of Austria) ทั้ง 2 พระองค์มีพระโอรส 3 พระองค์ และพระธิดาเพียง 1 พระองค์ ดังนี้...
หลังจากทรงอภิเษกสมรสแล้ว พระองค์ทรงมีความทะเยอทะยานขึ้น โดยทรงคิดที่จะให้พระโอรสองค์โตของพระองค์ อาร์ชดยุกฟรานซ์ โจเซฟได้ขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งออสเตรีย เป็นเหตุให้นำไปสู่ปัญหาการเมืองในออสเตรียเลยทีเดียว โดยในระหว่างที่มีการก่อปฏิวัติเมื่อปีพ.ศ. 2391 พระองค์ทรงทูลเกลี้ยกล่อมให้พระสวามีทรงไปเกลี้ยกล่อมให้สมเด็จพระจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ พระเชษฐาสละราชสมบัติให้กับพระองค์ โดยพระองค์ก็จะทรงมอบราชสมบัติอีกต่อให้กับพระโอรสองค์โตของพระองค์ ทำให้พระโอรสของพระองค์ทรงขึ้นเถลิงวัลย์ครองราชย์สมบัติเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งออสเตรียในเวลาต่อมา
ภายหลังที่พระโอรสองค์โตทรงขึ้นครองราชย์แล้ว พระองค์จึงทรงมีอำนาจอยู่เบื้องหลังราชบัลลังก์ โดยพระองค์ทรงจัดหาเจ้าสาวที่จะทรงมาเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งออสเตรีย โดยพระองค์ทรงให้ดัชเชสเฮเลนแห่งบาวาเรีย ซึ่งเป็นพระธิดาในเจ้าหญิงลูโดวิกา พระขนิษฐาแท้ ๆ ของพระองค์ แต่สมเด็จพระจักรพรรดิทรงปฏิเสธที่จะอภิเษกสมรสกับดัชเชสลูโดวิกา โดยพระองค์จะทรงอภิเษกสมรสกับดัชเชสเอลิซาเบธ พระขนิษฐาในดัชเชสเฮเลน และพระธิดาองค์เล็กในเจ้าหญิงลูโดวิกา ทำให้อาร์ชดัชเชสโซฟีทรงกริ้วเป็นอย่างมาก แต่ก็ทรงยอมให้มีการจัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟกับดัชเชสเอลิซาเบธ พอหลังอภิเษกสมรส ดัชเชสเอลิซาเบธทรงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
อาร์ชดัชเชสโซฟีทรงไม่ชอบสมเด็จพระจักรพรรดินีเอลิซาเบธเป็นอย่างยิ่ง เพราะทรงเห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นจักรพรรดินีมเหสี แทนที่จะทรงเป็นดัชเชสเฮเลน พระเชษฐภคินี โดยทรงดูถูกและทรงกล่าวว่าร้ายสมเด็จพระจักรพรรดินีเอลิซาเบธตลอดเวลา และจะทรงกีดกันพระองค์ทุกวิถีทาง เพื่อลดความสำคัญของพระสุณิสาของพระองค์
ในช่วงสุดท้ายของพระชนม์ชีพ พระองค์ทรงประทับอยู่แต่ในพระตำหนัก ไม่ทรงออกงานปฏิบัติพระกรณียกิจอันใดเลย เหตุผลเนื่องจากการสิ้นพระชนม์ของพระโอรสองค์รองของพระองค์ สมเด็จพระจักรพรรดิแม็กซีมีเลียนแห่งเม็กซิโก พระองค์จึงทรงอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ตลอดมาจนกระทั่งสิ้นพระชนม์
อาร์ชดัชเชสโซฟีสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2415 ด้วยเนื้องอกในสมอง พระศพถูกฝังไว้ที่วิหารฮับส์บูร์ก กรุงเวียนนา โดยถูกฝังเคียงข้างพระสวามี
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/เจ้าหญิงโซฟีแห่งบาวาเรีย