สมเด็จพระศรีสุลาไลย[note 1] พระนามเดิมก่อนสถาปนาคือ เจ้าจอมมารดาเรียม (28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2313 — 18 ตุลาคม พ.ศ. 2380) พระราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และเป็นพระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
สมเด็จพระศรีสุลาไลย มีพระนามเดิมว่า เรียม ประสูติเมื่อวันจันทร์ เดือน 3 ขึ้น 13 ค่ำ ปีขาลโทศก ศักราช 1132 ตรงกับวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2313 เป็นธิดาเพียงคนเดียวของพระยานนทบุรีศรีมหาอุทยาน (บุญจัน) กับคุณหญิงเพ็ง นนทบุรีศรีมหาอุทยาน มีนิวาสถานเดิมอยู่ที่เมืองนนทบุรีด้วยพระชนกเป็นผู้ว่าราชการเมืองดังกล่าว พระองค์มีพระอนุชาต่างมารดาชื่อ นาค สมรสกับน้องสาวคนหนึ่งของพระอักษรสมบัติ (หม่อมทับ) บิดาเจ้าจอมมารดาทรัพย์ ในรัชกาลที่ 3 พระอนุชานาคนี้เป็นต้นสกุลของพระยารัตนอาภรณ์ (แตง)
บุรพชนฝ่ายพระบิดานั้นไม่ใคร่ปรากฏหลักฐานนัก ทราบแต่เพียงว่าเป็นชาวไทยมาจากย่านบางเชือกหนัง ส่วนฝ่ายพระมารดาคือคุณหญิงเพ็งนั้นมีบิดาเป็นมุสลิมสุหนี่ชื่อพระยาราชวังสัน (หวัง) ที่สืบเชื้อสายมาจากสุลต่านสุลัยมานแห่งสงขลา กับมารดาชื่อท่านชู สตรีชาวไทยย่านสวนวัดหนัง คลองบางขุนเทียน ฝั่งธนบุรี คุณหญิงเพ็งมีน้องอีกสองคน ได้แก่
เพ็งสมรสกับพระยานนทบุรีศรีมหาอุทยาน (บุญจัน) ที่ต่อมาได้รับราชการไปเป็นผู้ว่าราชการเมืองนนทบุรีแล้วย้ายไปตั้งบ้านเรือนที่นั่น และมีธิดาด้วยกันเพียงเดียวคือเรียม ภายหลังพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้มีการสร้างพระอารามถวายแด่พระบรมราชชนนีในนิวาสถานเดิมซึ่งปัจจุบันคือ วัดเฉลิมพระเกียรติ ลุมาถึงในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าจ้างช่างไปเขียนฝาผนังอุโบสถ ให้เขียนเป็นลายรดน้ำมีปราสาทตราแผ่นดิน และเขียนเป็นรูปดวงจันทร์เต็มบริบูรณ์ ทรงออกพระนามว่า "เพ็งองค์ ๑ จันทร์องค์ ๑" คือพระชนกพระชนนีของสมเด็จพระศรีสุลาไลยนั่นเอง
คุณเรียมเริ่มรับราชการในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตั้งแต่ครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ด้วยทอดพระเนตรเห็นคุณเรียมขณะลงเล่นน้ำที่ท่าหน้าบ้านแล้วต้องพระทัย และตามเสด็จไปประทับ ณ พระราชวังเดิม ถือเป็นหม่อมห้ามคนที่สองในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (ส่วนหม่อมท่านแรก คือ เจ้าจอมมารดาสี ธิดาเจ้าพระยาศรีธรรมาธิราช)
เจ้าจอมมารดาเรียมได้ประสูติพระราชโอรสพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ณ พระราชวังเดิม จำนวน 3 พระองค์ ได้แก่
หลังจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสวยราชสมบัติ เจ้าจอมมารดาเรียมก็ได้ตามเสด็จไปประทับ ณ พระบรมมหาราชวัง ดำรงตำแหน่งพระสนมเอกดูแลห้องเครื่องต้นทั้งปวงจนชาววังออกนามว่า เจ้าคุณ ถือเป็นสตรีที่มีบทบาทโดดเด่นในราชสำนัก เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเมื่อปีวอก พ.ศ. 2369 พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระราชชนนีขึ้นเป็นเจ้า เฉลิมพระนามาภิไธยว่า กรมสมเด็จพระศรีสุลาไลย
เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคตอย่างกะทันหันหลังจากการผนวชของเจ้าฟ้ามงกุฏเพียงไม่นาน ทำให้สมเด็จพระศรีสุลาไลยถูกครหาว่าเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์ยิ่งจากการสวรรคตในครั้งนี้ เนื่องจากกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์พระราชโอรสได้สืบราชสมบัติ กรณีดังกล่าวปรามินทร์ เครือทอง ได้เขียนบทความ "ฆาตกรรมวังหลวง : คดีลอบปลงพระชนม์รัชกาลที่ ๒ จริงหรือข่าวลือ?" จึงตั้งข้อสังเกตโดยอาศัยเอกสาร เช่น
หนังสือราชสำนักสยามฯ ที่เขียนโดยนายแพทย์มัลคอล์ม สมิธ แพทย์หลวงประจำรัชกาลที่ 5 ได้กล่าวถึงสิ่งที่เขาได้ฟังมาว่า "หลังจากที่ทรงผนวชได้เพียง 2 สัปดาห์ พระราชบิดาของพระองค์ [รัชกาลที่ 2] ก็เสด็จสวรรคตลงอย่างปัจจุบันทันด่วน พระนั่งเกล้าฯ พระเชษฐาซึ่งมีตำแหน่งสำคัญในราชอาณาจักรและยังทรงได้รับการสนับสนุนจากพระมารดาซึ่งแม้จะมีฐานะเป็นเพียงเจ้าจอมแต่ก็เป็นหญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยม ทำให้พระองค์ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดราชสมบัติ" ซึ่งก่อนหน้านั้นสมัยรัชกาลที่ 4 แอนนา ลีโอโนเวนส์ ครูสอนภาษาอังกฤษในราชสำนักสยามก็เคยได้ยินคำเล่าลือทำนองนี้มาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์เอกชัย โควาวิสารัช ได้เขียนบทความ "ประวัติศาสตร์วิเคราะห์ กรณีสวรรคตพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยฯ" เพื่อโต้แย้งบทความของนายปรามินทร์ เครือทอง เนื่องจากเห็นว่าเป็นบทความที่มีความไม่ถูกต้องและไม่ได้ให้ความเป็นธรรมแก่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวและได้กล่าวหาสมเด็จพระศรีสุลาไลยโดยปราศจากหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้เลยแม้แต่น้อย นอกจากประวัติศาสตร์ที่เป็นลักษณะบัตรสนเท่ห์หาสาระอะไรไม่ได้เลยเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมแก่พระองค์
นายแพทย์เอกชัย โควาวิสารัช ได้วิเคราะห์ถึงสาเหตุการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยว่า มีพระอาการที่เหมือนกันกับโรคสมองอักเสบที่มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสค่อนข้างมาก ตั้งแต่ปวดพระเศียร ปวดเมื่อย มึนพระองค์ มีพระไข้ ซึมลง ตรัสไม่ได้ และเสวยพระโอสถไม่ได้ นอกจากนี้ พระอาการยังมีความคล้ายกับโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบเช่นกัน แต่พระอาการพระศอแข็งไม่สามารถระบุได้ชัดเจน เนื่องจากไม่มีบันทึกโดยแพทย์หลวงหรือปรากฏในเอกสารชิ้นใดเลย แต่พระอาการของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยกลับไม่เหมือนกับโรคเลือดออกในสมองหรือโรคเนื้องอกของสมอง ดังนั้น นายแพทย์เอกชัย โควาวิสารัชจึงมีความเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยน่าจะทรงพระประชวรและสวรรคตด้วยพระโรคติดเชื้อของสมอง ซึ่งอาจเป็นโรคสมองอักเสบที่มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสหรือโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบมากที่สุด
พระองค์ทรงพระประชวรไข้พิษและเสด็จสวรรคตเมื่อวันอังคารเดือน 11 แรม 3 ค่ำ ตรงกับวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2380 สิริรวมพระชนมายุ 68 พรรษา โดยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระศพขึ้นประดิษฐาน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มีการจัดพระเมรุมาศ และถวายเพลิงพระศพ ก่อนที่จะนำพระบรมอัฐิอัญเชิญสู่พระบรมมหาราชวัง