เมืองตรัง ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าค้าขายกับต่างประเทศ เป็นเมืองแรกที่มีต้นยางพารา โดยพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ได้นำพันธุ์มาจากมาเลเซียมาปลูกเป็นแห่งแรกของภาคใต้ เมื่อปี พ.ศ. 2442 และถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธคิดเป็นร้อยละ 93 นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 5 และอื่น ๆ ร้อยละ 2
ประวัติของเมืองตรังมีมาตั้งแต่สมัยก่อนยุคอาณาจักรโบราณ โดยมีประวัติการตั้งรกรากตามริมฝั่งแม่น้ำตรัง และมีบันทึกเมื่อคราวท้าวศรีธรรมาโศกราชครองเมืองนครศรีธรรมราชนั้น ได้ตั้งเมืองตรังเป็นหัวเมืองบริวาร ให้ปีมะเมียเป็นสัญลักษณ์นักษัตรประจำเมือง ราวปี พ.ศ. 2367 มีการตั้งชุมชนริมฝั่งแม่น้ำตรังโดยชาวจีนที่มาจากปีนัง ล่องเรือเข้ามาทางปากแม่น้ำตรัง และได้อาศัยแม่น้ำเป็นเส้นทางทำการค้า จึงได้ชื่อว่า "ชุมชนท่าจีน" และเรียกแม่น้ำที่ไหลผ่านช่วงนี้ว่า คลองท่าจีน
ที่ตั้งของตัวเมืองตรังนั้นมีการเปลี่ยนแปลงมาหลายครั้ง ตามหลักฐานตั้งแต่ยุคอาณาจักรโบราณ ลัดเลาะตามริมฝั่งแม่น้ำตรัง จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 6 พระยารัษฎานุประดิษฐ์ (สินธุ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ได้ทูลขอย้ายเมืองมาตั้งอยู่ ณ ตำบลทับเที่ยง โดยให้ชื่อว่า อำเภอบางรัก และต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอทับเที่ยง ในปี พ.ศ. 2459
ต่อมาเมื่อพระยาตรังคภูมาภิบาล (เจิม ปันยารชุน) มารับตำแหน่งเจ้าเมืองตรัง ได้ดำเนินการก่อสร้างศาลากลางเมือง จนเปิดทำการได้ใน พ.ศ. 2463 และเมื่อพระยาสุรินทรราชา (นกยูง วิเศษกุล) ดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต (มีอาณาเขตครอบคลุมเมืองตรัง) ได้เอาใจใส่พัฒนาเมืองตรังหลายด้าน จึงปรากฏชื่อของท่านเป็นอนุสรณ์ไว้ในอำเภอเมืองตรัง เช่น กระพังสุรินทร์ ถนนวิเศษกุล วัดควนวิเศษ เป็นต้น
พ.ศ. 2483 จอมพล ป.พิบูลสงคราม ตรวจราชการเมืองตรัง ดำริให้สร้างอนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) จังหวัดตรังจึงดำเนินการจนเสร็จเรียบร้อย ทำพิธีประดิษฐานไว้ ณ ตำบลทับเที่ยง ในวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2493 และทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการพร้อมกับเฉลิมฉลองในวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2494
ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง เริ่มการปกครองสุขาภิบาล เมื่อ พ.ศ. 2474 ต่อมาหลังจากที่ประกาศใช้พระราชบัญญัติจัดระเบียบเทศบาล พ.ศ. 2476 สุขาภิบาลเมืองตรังจึงได้ยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองตรัง เมื่อ พ.ศ. 2478 และได้ยกฐานะเป็นเทศบาลนครตรังเมื่อปี พ.ศ. 2542
อำเภอเมืองตรังมีสภาพเป็นเนินสูงต่ำสลับกับที่ราบ มีแม่น้ำสำคัญไหลผ่าน คือแม่น้ำตรัง มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ สร้างโดยดำริของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะ เดิมเป็นที่ตั้งพระตำหนักผ่อนกายซึ่งจัดรับเสด็จฯพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบันตกแต่งเป็นสวนสาธารณะ
สระกระพังสุรินทร์เป็นสระน้ำธรรมชาติ มีพื้นที่กว้างประมาณ 50 ไร่ เป็นผลงานของธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะเขาหินปูนของน้ำใต้ดิน ทำให้เกิดเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ขึ้น ในอดีตเคยจัดเป็นสวนสัตว์ขนาดย่อม แต่ปัจจุบันได้แปรสภาพเป็นสวนสาธารณะ เหมาะสำหรับการออกกำลังกายยามเย็น
สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นสวนสาธารณะเดิมเรียกว่าเขาแปะช้อยเพราะเดิมบริเวณนี้เป็นที่ดินของนายช้อยและต่อมานายช้อยได้เสียชีวิตลงจึงยกให้รัฐบาลปัจจุบันมีพรรณไม้สวยงามน่าชมและมีสระน้ำขนาดใหญ่มีสะพานแขวนเหมาะแก่การผักผ่อน
เอกลักษณ์อย่างหนึ่งในการเดินทางมาจังหวัดตรัง คือ รถสามล้อเครื่อง หรือตุ๊กตุ๊กหัวกบ ปัจจุบันการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้สนับสนุนให้มีการจัดการท่องเที่ยวที่เดินทางโดยรถตุ๊กตุ๊กหัวกบ
หอนาฬิกาประจำจังหวัดตรังเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของจังหวัด ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด ปัจจุบันทางเทศบาลนครตรังได้ปรับปรุงทิวทัศน์บริเวณถนนโดยรอบหอนาฬิกา เพื่อเป็นสถานที่สำหรับนักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมความสวยงามของเมืองตรังในยามเย็นได้อีกด้วย
ตั้งอยู่ที่เลขที่ 183 ถนนวิเศษกุล เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ซึ่งเป็นที่พำนักของนางถ้วน หลีกภัย มารดาของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย เดิมบรรดาบุคคลที่ชื่นชมผลงานของนายชวน หลีกภัย เมื่อไปจังหวัดตรังแล้ว จึงเข้าไปเยี่ยมคารวะมารดาของท่านด้วย ต่อมาจึงได้เปิดบ้านพักของแม่ถ้วน เป็นสถานที่ให้นักท่องเที่ยวทั่วไปได้เข้าชม และมีโอกาสทักทายกับคนในบ้านอีกด้วย มีจุดเด่นคือ ร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด และนกต่าง ๆ ที่เลี้ยงไว้ในกรง