ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

อาสนวิหาร

อาสนวิหาร หรือ มหาวิหาร(อังกฤษ: Cathedral; ฝรั่งเศส: Cath?drale; เยอรมัน: Kathedrale/Dom; อิตาลี: Cattedrale/Duomo) คือคริสต์ศาสนสถานที่เป็นทีตั้งของ “คาเทดรา” เป็นที่ที่คริสต์ศาสนิกชนใช้ทำการนมัสการพระเจ้า (โดยเฉพาะในคริสตจักรที่มีการจัดระเบียบองค์การแบบอิปิสโคปัล เช่น โรมันคาทอลิก อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ แองกลิคัน และลูเทอแรน มหาวิหารจะเป็นโบสถ์ประจำตำแหน่งของบิชอป ที่ใช้เป็นศูนย์กลางของมุขมณฑลซึ่งเป็นเขตปกครองของบิชอป

คำว่ามหาวิหารใช้ได้หลายความหมาย บางมหาวิหารของคริสตจักรปฏิรูปที่สกอตแลนด์ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรแห่งสกอตแลนด์ยังใช้คำว่าเรียกตัวเองว่ามหาวิหารอยู่ทั้งที่โบสถ์นั้นไม่มีตำแหน่งมุขนายกประจำ ฉะนั้นในบางกรณีคำว่ามหาวิหารจึงใช้เรียกโบสถ์ที่ไม่ได้เป็นที่ตั้งอาสนะของบิชอปแต่มีลักษณะใหญ่โตน่าประทับใจ

นิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์จะไม่ใช้คำว่ามหาวิหารแต่จะใช้คำว่าโบสถ์ใหญ่ (the great church) แต่เมื่อแปลเป็นภาษาอังกฤษก็จะใช้คำว่า “cathedral” เมื่อพูดถึงโบสถ์ใหญ่

นิกายออเรียนทัลออร์ทอดอกซ์จะไม่มีมหาวิหารอย่างที่ว่าแต่จะมีโบสถ์หลักเช่นโบสถ์เซนต์มาร์กที่ไคโรซึ่งก็เรียกกันว่า “cathedral” เช่นกัน

มหาวิหารหลายแห่งในทวีปยุโรปไม่เรียกตัวเองว่ามหาวิหารแต่จะเรียกตัวเองว่า Minster หรือ M?nster เช่น ที่เมืองยอร์ก หรือ ลิงคอล์น ในประเทศอังกฤษ แต่คนทั่วไปก็ยังเรียกทั้งสองแห่งนี้ว่า “มหาวิหาร” ในประเทศเยอรมนี ทั้งสองคำนี้มีรากมาจากคำว่า monasterium ใน ภาษาละติน เพราะแต่เดิมมหาวิหารเหล่านี้เคยอยู่ภายใต้การปกครองของแคนัน (canon) ที่อยู่ในชุมชนนั้นหรืออาจจะเคยเป็นแอบบีย์มาก่อนการปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์

คำว่า "cathedral" มาจากคำนามภาษาละติน "cathedra" (นั่ง หรือ เก้าอี้) ที่หมายถึงสถานที่ที่มี ที่นั่ง หรือ บัลลังก์ของมุขนายกหรืออัครมุขนายก ในสมัยโบราณเก้าอี้เป็นสัญลักษณ์ของผู้สอน ฉะนั้นบิชอปในฐานะที่เป็นผู้สอนศาสนาและมีหน้าที่การปกครองจึงมีบัลลังก์

คำว่า "cathedral" ถึงแม้ว่าจะใช้เป็นคำนามในปัจจุบัน แต่เดิมเป็นคำคุณศัพท์ขยายคำว่าโบสถ์ เช่น "cathedral church" จากภาษาละตินว่า "ecclesia cathedralis" ที่นั่งของบิชอปในมหาวิหารจะตั้งเด่นอยู่ภายในโบสถ์เพราะเป็นสัญลักษณ์สำคัญของอำนาจการปกครองของบิชอปเอง บัลลังก์บิชอปบางหลังจะสลักเสลาอย่างสวยงาม เช่นที่ มหาวิหารเอ็กซีเตอร์ ประเทศอังกฤษ เป็นงานฉลุไม้ที่สูงใหญ่สามารถถอดเป็นชิ้นๆได้ เป็นบัลลังก์อยู่ใต้ซุ้ม

ตามกฎหมายศาสนจักรของนิกายโรมันคาทอลิก ความสัมพันธ์ระหว่างบิชอปกับมหาวิหารเปรียบได้กับความสัมพันธ์ระหว่างศิษยาภิบาลกับโบสถ์ประจำเขตแพริช ทั้งสองต่างก็มีอำนาจเหนือเขตที่กำหนดไว้ บิชอปมีอำนาจควบคุมมุขมณฑล ศิษยาภิบาลมีหน้าที่ควบคุมเขตแพริช ทั้งสองต่างก็มีความรับผิดชอบต่อสิ่งก่อสร้าง บิชอปมีความรับผิดชอบต่อมหาวิหาร ศิษยาภิบาลมีความรับผิดชอบต่อโบสถ์ เมื่อใช้กฎการเปรียบเทียบที่ว่านี้เพื่อจะเปรียบเทียบว่ามหาวิหารก็คือโบสถ์หนึ่งในเขตการปกครองหนึ่งซึ่งโบสถ์อื่นๆ ในเขตนั้นก็จะมามีส่วนเกี่ยวข้องกันด้วย

บางครั้งตำแหน่งของมุขนายกมหานครที่มีความสำคัญและความรับผิดชอบสูงและปริมุขนายกอื่นอยู่ในความรับผิดชอบก็จะเรียกว่า "Primate" เช่น บิชอปของมหาวิหารแคนเทอร์เบอรีและมหาวิหารยอร์กที่ประเทศอังกฤษ และมหาวิหารรูอ็องที่ประเทศฝรั่งเศส แต่มหาวิหารของ "Primate" ก็ยังคงเป็นมหาวิหาร "Metropolitical Cathedral" มิได้เป็น "Primatial Cathedral" อย่างที่ตำแหน่งระบุไว้

มหาวิหารที่อยู่ในระดับ Primatial Cathedral จริงๆ ก็ได้แก่ มหาวิหารลียง ที่ประเทศฝรั่งเศส ที่รู้จักกันในนามของ "La Primatiale" และ มหาวิหารลุนด์ (Lund) ที่ ประเทศสวีเดน มหาวิหารลิอองนอกจากจะปกครองมุขมณฑลของตนเองแล้วก็ยังมีความรับผิดชอบต่อบิชอปประจำมุขมณฑลเซ็นส์ (Sens) และอัครมุขมณฑลปารีสด้วย มาจนถึงการปฏิวัติฝรั่งเศส ขณะที่มหาวิหารลุนด์มี มหาวิหารอุปป์ซาลา (Uppsala Cathedral) อยู่ในความรับผิดชอบนอกจากมุขมณฑลของตนเอง

นอกจากตำแหน่ง "Primate" แล้ว ก็ยังมีตำแหน่งอัครบิดร ซึ่งเป็นตำแหน่งของบิชอปประจำเขตอัครบิดรเวนิส ประเทศอิตาลี และเขตอัครบิดรลิสบอน ประเทศโปรตุเกส มหาวิหารที่เป็นแต่อัครบิดรแต่ชื่อโดยไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งอัครบิดรก็มี มหาวิหารนักบุญยอห์น ลาเตรัน ที่กรุงโรม เพราะที่นั่นถือว่าที่กรุงโรมมีพระสันตะปาปาเป็นอัครบิดรอยู่แล้ว แต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2006 สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงยกเลิกตำแหน่ง "อัครบิดรตะวันตก" ของท่านเอง

บางโบสถ์ที่ถูกยกเลิกการเป็นมหาวิหารแล้วควรจะเรียกว่า "โปรโตคาธีดราล" แต่ก็ยังเรียกกันอยู่ว่า "มหาวิหาร" ก็มี เพราะเรียกกันมาจนติด เช่นมหาวิหารอันท์เวิร์พ(Antwerp) ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ตำแหน่งบิชอปถูกยกเลิกไปตั้งแต่การปฏิวัติฝรั่งเศส

ในสมัยกลางบิชอปและเคลอจีผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับมหาวิหาร จะอยู่ด้วยกันกันอย่างชุมชนซึ่งไม่เชิงเป็นอารามตามความหมายดั้งเดิมของคำนี้ แต่กระนั้นก็ยังเรียกตัวเองว่า “monasterium” การใช้คำนี้บางครั้งทำให้เกิดความสับสน อย่างเช่น มหาวิหารยอร์กในประเทศอังกฤษที่ไม่มีบาทหลวงและเคลอจีประจำอยู่ แต่เรียกตัวเองว่า “โบสถ์ประจำเมือง” หรืออาราม ในสมัยนั้นเคลอจีมักจะมีที่อยู่เป็นของตนเองนอกบริเวณโบสถ์และบางครั้งอาจจะมีภรรยาด้วย

เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 8 Chrodegang (ค.ศ. 743 - ค.ศ. 766) บิชอปแห่งเมืองเม็ทซ (Metz) ประเทศฝรั่งเศส รวบรวมวินัยของเคลอจีของมหาวิหาร ซึ่งเป็นที่เป็นที่ยอมรับเป็นข้อปฏิบัติกันทั่วไปที่ประเทศเยอรมนีและบริเวณอื่นของทวีปยุโรป แต่กฎนี้ไม่เป็นที่นิยมใช้กันในประเทศอังกฤษ ตามกฎของ Chrodegang เคลอจีของมหาวิหารควรจะอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันและต้องอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าหน้าที่พิเศษที่แต่งตั้งขึ้น กฎของ Chrodegang ปรับปรุงมาจาก “วินัยของนักบุญเบเนดิกต์” (Rule of St Benedict) เมื่อ จีซา (Gisa) ชาวลอแรน (แขวงหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส) มาดำรงตำแหน่งบิชอปแห่งเว็ลส์ (Wells) ในประเทศอังกฤษ ระหว่างปีค.ศ. 1061 - ค.ศ. 1088 ท่านก็พยายามเอากฎ Chrodegang เข้ามาใช้ปฏิบัติที่มหาวิหารเว็ลส์ประเทศอังกฤษแต่ก็ไม่สำเร็จ

ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 10 ถึง 11 เคลอจีประจำมหาวิหารแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกใช้ชีวิตอยู่กันในอารามเป็นคณะนักพรต เช่น คณะเบเนดิกติน มหาวิหารแบบนี้เรียกว่ามหาวิหารแบบอาราม (Monastic) อีกกลุ่มหนึ่งเป็นคณะเคลอจีที่ไม่ได้ถือคำปฏิญาณใดๆ นอกจากการปฏิบัติตามกฎหมายศาสนจักรโดยทั่วไป ฉะนั้นเคลอจีประจำมหาวิหารประเภทหลังจึงเรียกกันว่า “แคนัน” (Canon) มหาวิหารแบบหลังนี้รู้จักกันว่ามหาวิหารแบบเซคิวลาร์ (secular)

เมื่อปลายยุคกลางมหาวิหารในประเทศเยอรมนีและอังกฤษมักจะเป็นแบบอาราม ในประเทศเดนมาร์กเริ่มแรกก็มหาวิหารทั้งหมดก็เป็นแบบอารามสังกัดคณะเบเนดิกติน ยกเว้นมหาวิหาร B?rglum ซึ่งขึ้นอยู่กับคณะ Praemonstratensian ซึ่งเป็นคณะย่อยของคณะออกัสติเนียน หลังจากการปฏิรูปศาสนามหาวิหารเหล่านี้ก็เปลี่ยนเป็นมหาวิหารแบบเซคิวลาร์ เช่นเดียวกับเดนมาร์ก ที่ประเทศสวีเดนมหาวิหารอุบสลาแต่เดิมขึ้นอยู่กับคณะเบเนดิกติน มาเปลี่ยนเป็นเซคิวลาร์ ประมาณปีค.ศ. 1250 จากนั้นประเทศสวีเดนก็มีคำสั่งให้มหาวิหารทุกแห่งในประเทศนั้นเลิกขึ้นกับอารามและเปลี่ยนมาเป็นเซคิวลาร์ และให้ตั้งสภาเคลอจี (Chapter) ที่มีแคนันอย่างน้อยสิบห้าคนต่อ

ในยุคกลางที่ประเทศฝรั่งเศสมหาวิหารมักจะเป็นแบบอาราม แต่ก็มาเปลี่ยนเป็นมหาวิหารแบบเซคิวลาร์ กันเกือบหมดเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 17 มหาวิหารสุดท้ายที่เปลี่ยนคือมหาวิหารซีส์ (Seez) ซึ่งแต่เดิมขึ้นอยู่กับคณะออกัสติเนียน มาจนถึงปีค.ศ. 1547 เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 3 ทรงอนุญาตให้เปลี่ยนมหาวิหารที่เหลือก็มาเปลี่ยนเป็นแบบเซคิวลาร์กันหมดระหว่างการปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์

ในกรณีของมหาวิหารแบบอาราม การปกครองจะขึ้นกับคณะนักบวชที่อารามนั้นสังกัด และสมาชิกทุกคนของอารามจะต้องอาสัยอยู่แต่ภายในอารามเท่านั้น ส่วนการปกครองของมหาวิหารแบบเซคิวลาร์จะมาจากสภาเคลอจี เช่น Dean, Precentor, Chancellor และ Tresurer

ยกเว้นเกาะอังกฤษประมุขของมหาวิหารแบบเซคิวลาร์จะมีดำรงตำแหน่ง “Provost” (หรือ praepositus, Probst, อื่นๆ) Provost นอกจะมีหน้าที่รักษากฎภายในโบสถ์แล้วก็ยังมีหน้าที่ดูแลเจ้าหน้าที่อื่นๆ ในสภาเคลอจีของมหาวิหาร หน้าที่เกี่ยวกับศาสนพิธี และที่ดินที่เป็นของโบสถ์ หน้าที่หลังนี้ทำให้ Provost บางคนละเลยหน้าที่ ทำให้เกิดมีการตั้งตำแหน่งใหม่ขึ้นที่เรียกว่า Dean ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องหลังนี้ บางกรณีทางโบสถ์ก็จะยุบตำแหน่ง Provost แต่มหาวิหารที่ยังมี Provost เป็นประมุข บางทีก็ดำรงตำแหน่ง Archdeacon ด้วยและเป็นหัวหน้าของสภาเคลอจี

ตำแหน่ง Provost นี้ใช้กันแพร่หลายในประเทศเยอรมัน แต่ไม่ใช้กันในประเทศอังกฤษบิชอป จีซา (Gisa) พยายามเอาตำแหน่งนี้มาใช้ที่มหาวิหารเวลส์ในฐานะหัวหน้าของสภาเคลอจี แต่ต่อมาตำแหน่ง Provost นี้ก็ไปขึ้นกับเคลอจีอื่น ตำแหน่ง Provost ที่มหาวิหารเบเวอร์ลี (Beverley Minster) เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของตำแหน่งนี้ แต่ Provost ที่เบเวอร์ลีเป็นเจ้าหน้าที่ภายนอกที่มีอำนาจปกครองโบสถ์แต่ไม่มีที่นั่งในบริเวณที่สวดมนต์ภายใน (choir) และไม่มีสิทธิออกเสืยง

ในประเทศเยอรมนีและสแกนดิเนเวียและบางโบสถ์ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ตำแหน่ง Provost เป็นตำแหน่งสำหรับหัวหน้าของสภาเคลอจี ระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส ฝรั่งเศสมีมหาวิหาร 136 มหาวิหาร แต่เพียง 38 แห่งที่อยู่ใกล้เยอรมนีหรือทางใต้ที่สุดเท่านั้นที่มีตำแหน่ง Provost เป็นหัวหน้ากลุ่มเจ้าหน้าที่ปกครองโบสถ์ ที่มหาวิหารอื่นตำแหน่ง Provost เป็นตำแหน่งย่อยขึ้นอยู่กับตำแหน่งอื่น มหาวิหารโอเทิง มหาวิหารลียง มหาวิหารชาทร์ ต่างก็มี Provost สองคนที่ขึ้นอยู่กับตำแหน่งอื่น

ประวัติของมหาวิหารในประเทศอังกฤษแตกต่างกันเป็นบางอย่างจากประวัติของมหาวิหารในประเทศอื่นๆในทวีปยุโรป อังกฤษมีมหาวิหารน้อยกว่าประเทศอื่นๆในยุโรปเช่นฝรั่งเศสหรืออิตาลี แต่ตัววิหารจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เมื่อสมัยการปฏิวัติฝรั่งเศส ฝรั่งเศสมีมหาวิหาร 136 มหาวิหารในขณะที่อังกฤษมีเพียง 27

ประเทศอังกฤษตามกฎแล้วจะห้ามสร้างมหาวิหารในหมู่บ้าน ฉะนั้นสถานที่มีมหาวิหารจึงได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นเมืองไม่ว่าจะเป็นสถานที่ขนาดไหน บางครั้งเราจึงพบว่ามหาวิหารบางมหาวิหารจะตั้งอยู่ในเมืองที่ค่อนข้างเล็กแต่จะเรียกตัวเองว่า "นครอาสนวิหาร" ("cathedral city") เช่น "เมืองมหาวิหารเว็ลส์" ที่เป็นที่ตั้งของมหาวิหารเว็ลส์ ตัวเมืองเวลส์จะไม่ใหญ่ไปกว่าเมืองเล็กๆ หรือเมืองอีลี ที่ตั้งมหาวิหารอีลีซึ่งเป็นมหาวิหารขนาดใหญ่ที่สร้างแบบศิลปะยุคกลาง

การที่เกาะอังกฤษ (British Isles) เป็นเกาะที่มีเนื้อที่น้อย แทนที่จะแบ่งมุขมณฑลอย่างชัดเจนเช่นประเทศอื่นในทวีปยุโรป อังกฤษใช้ระบบ "มุขมณฑลเคลื่อนที่" โดยจะแบ่งมุขมณฑลตามที่ตั้งของกลุ่มชน เช่น บิชอปของชาวแซกซันใต้ หรือชาวแซกซันตะวันตก "คาเทดรา" จะเป็นแบบที่ย้ายไปไหนมาไหนได้ตามการเคลื่อนย้ายของชุมชน

ตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงมุขมณฑลจะเห็นได้จากการการประชุมบิชอปที่ลอนดอน เมื่อปี ค.ศ. 1075 ที่อาร์ชบิชอปลองฟรอง (Lanfranc) เป็นประธาน ผลจากการประชุมทำให้มีการย้ายหรือเปลี่ยนแปลงมุขมณฑลในบางเขต เช่น มีคำสั่งให้บิชอปของกลุ่มชนแซ็กซอนใต้ย้ายจากมุขมณฑลเซลซี (Selsey) ไปอยู่ที่ชิคเชสเตอร์ ให้บิชอปแห่งวิลท์เชอร์และดอร์เซ็ทย้ายคาเทดรา" จากแชร์บอร์น (Sherborne) ไปโอลด์เซรัม (Old Sarum) (ใกล้เมืองซอลส์บรี (Salisbury)) และให้บิชอปแห่งเมอร์เซีย (Mercia) ย้ายมหาวิหารจากลิคฟิลด์ (Lichfield) ไปเชสเตอร์ (Chester) การย้ายบิชอปเหล่านี้ทำให้เราเห็นร่องรอยการย้ายถิ่นฐานของชนกลุ่มต่างๆ เช่น การแบ่งมุขมณฑลที่ไอร์แลนด์ของมีธ (Meath) ซึ่งมีผลทำให้เขตมีธไม่มีมหาวิหาร และออสซอรี (Ossory) ที่มหาวิหารอยู่ที่คิลเค็นนี (Kilkenny) มุขมณฑลสกอตแลนด์ก็เช่นเดียวกันเป็นมุขมรฑลแบบเคลื่อนที่

ระหว่างปลาย คริสต์ศตวรรษที่ 11 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 อังกฤษมีมหาวิหารแบบอารามปกครองโดยนักพรตพอ ๆ กับมหาวิหารแบบเซคิวลาร์ที่ปกครองโดยสภาเคลอจีที่ประกอบด้วย แคนัน นำโดยดีน มหาวิหารบาธ (Bath) มีมุขมณฑลร่วมกับเวลส์ และมหาวิหารโคเว็นทรี (Coventry) มีมุขมณฑลร่วมกับ ลิคฟิลด์เป็นต้น

ระบบการปกครองมหาวิหารมีผลกระทบกระเทือนมากที่สุดเมื่อมีการปฏิรูปศาสนาในอังกฤษ (English Reformation) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ประเทศอังกฤษแยกตัวมาจากการปกครองของนิกายโรมันคาทอลิก โบสถ์ที่เคยขึ้นตรงต่อคริสตจักรคาทอลิกก็ย้ายมาขึ้นกับคริสตจักรแห่งอังกฤษ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์ของอังกฤษ ที่มีผลกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงต่อสถานภาพของมหาวิหารทั่วทั้งเกาะอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นด้านวัตถุหรือรูปการปกครองของมหาวิหาร

หลังจากอังกฤษแยกตัวออกมาเป็นนิกายอิสระจากคาทอลิก พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ ก็มีพระราชโองการสั่งให้ยุบอารามและยึดทรัพย์อารามทั้งหมดในประเทศอังกฤษตามการยุบอาราม ยกเว้นมหาวิหารบาธและมหาวิหารโคเว็นทรีซึ่งได้รับการสถาปนาใหม่ให้เป็นมหาวิหารแบบเซคิวลาร์ โดยมี Dean เป็นผู้ปกครองและมีแคนันระหว่าง 12 คน อย่างเช่นที่ มหาวิหารแคนเทอร์เบอรี และมหาวิหารเดอร์แรม จนลงไปถึง 4 คนที่ มหาวิหารคาร์ไลส์ (Carlisle Cathedral) ตำแหน่ง “Precentor” ที่เคยเป็นตำแหน่งสำคัญของ “ระบบเก่า” (Old Foundation) ก็ถูกลดความสำคัญลงมา

นอกจากยุบมหาวิหารเดิมแล้วพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ทรงสร้างมหาวิหารขึ้นใหม่ 6 แห่งจากอารามเดิม แต่ละแห่งปกครองโดยแคนันประจำมุขมณฑล (secular canon) ทั้ง 6 แห่งมี เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ เท่านั้นที่มิได้รักษาฐานะมหาวิหารเอาไว้

โบสถ์ใหญ่ ๆ ที่ต่อมาได้รับเลื่อนฐานะเป็นมหาวิหารหลังจากการปฏิรูปศาสนาก็มี มหาวิหารเซาท์เวลล์ (Southwell cathedral) มหาวิหารซัทเธิร์ค (Southwark cathedral) มหาวิหารริพอน (Ripon cathedral) มหาวิหารเซนต์อัลบัน

ตามปกติแล้วสภาเคลอจีของมหาวิหารแบบเซคิวลาร์ จะมีตำแหน่งสำคัญสี่ตำแหน่งหรือมากกว่านอกเหนือไปจากแคนัน สี่ตำแหน่งดังกล่าวนี้คือ Dean, Precentor, Chancellor และ Treasurer ผู้ถือตำแหน่งทั้งสี่นี้เรียกรวมกันว่า quatuor majores personae จะมีที่นั่งประจำตำแหน่งเฉพาะในบริเวณที่พิธีภายในโบสถ์

นอกจากตำแหน่งดังกล่าวแล้วบางมหาวิหารก็อาจจะมีตำแหน่งอื่นเช่น Praelector, รอง dean, รอง chancellor, Succentor-canonicorum และอื่นๆ นอกจากตำแหน่งต่างๆเหล่านี้ก็มีแคนันที่ไม่มีตำแหน่งอะไร แคนันส่วนใหญ่แล้วจะมีที่อยู่นอกโบสถ์ฉะนั้นทำให้มีความแตกต่างระหว่างแคนันในโบสถ์ และแคนันที่ไม่อยู่ในโบสถ์ แคนันที่อยู่นอกโบสถ์รู้จักกันว่า prebendaries ถึงแม้จะไม่อยู่ในโบสถ์แต่ แคนันก็ยังมีตำแหน่งเป็นแคนันและยังสามารถออกเสียงในการประชุมได้

ระบบการอยู่นอกโบสถ์เช่นนี้ทำให้เกิดระบบที่เรียกว่า Vicars choral แคนันแต่ละคนจะมี Vicar ที่ทำหน้าแทน จะนั่งประจำที่ของแคนนอนในที่ทำพิธีในกรณีที่แคนันไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และจะนั่งที่นั่งต่ำกว่าถ้าแคนนอนปฏิบัติหน้าที่ได้ Vicar ไม่มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมและเป็นตำแหน่งที่ปลดไม่ได้ ความสำคัญของ Vicar คือเป็นผู้ทำหน้าที่แทนแคนันเมื่อแคนนอนไม่อยู่ Vicar บางที่ก็จะจัดเป็น สภาเคลอจีของตนเอง ภายใต้การปกครองของ Dean และ สภาเคลอจีของมหาวิหาร

ความสัมพันธ์ระหว่างมุขนายกและสภาเคลอจีของมหาวิหารแบบ“เซ็คคิวลาร์” ก็ไม่ต่างกับ ความสัมพันธ์ระหว่างมุขนายกและมุขมณฑลของมหาวิหารแบบอาราม ทั้งสองกรณีเคลอจีจะทำหน้าที่เป็นปรึกษาของมุขนายกฉะนั้นโยบายทุกอย่างของมุขนายกก่อนที่จะนำมาปฏิบัติได้จะต้องได้รับการอนุมัติจากนักบวชก่อน

ในปัจจุบันเมื่อเรานีกถึงมหาวิหารเราจะนึกถึงสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โตโอฬารโดยเฉพาะมหาวิหารที่สร้างในยุคกลางหรือยุคเรอเนซองส์ แต่ขนาดหรือความใหญ่โตมิได้เป็นสิ่งที่กำหนดไว้ในการสร้างมหาวิหารโดยเฉพาะในปัจจุบันซึ่งถือว่าความสำคัญเหนือสุดคือความมีประโยชน์ในการใช้สอยเช่น มหาวิหารของชนเคลต์ และชนแซ็กซอน ซึ่งมักจะค่อนข้างเล็ก เช่นเดียวกับ มหาวิหารแบบไบแซนไทน์ที่เอเธนส์ ที่บางทีเรียกกันว่า Little Metropole Cathedral of Athens

แผนผังของมหาวิหารส่วนใหญ่ถ้ามองจากด้านบนจะเป็นรูปกางเขน (Latin cross) หรือ กากบาท (Greek cross) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของหน้าที่ของมหาวิหารที่เป็นสถานที่คริสต์ชนใช้เป็นที่สักการบูชา นอกจากนั้นสิ่งก่อสร้างจะประกอบด้วยที่สำหรับบุคลากร ที่ทำคริสต์ศาสนพิธี ชาเปล ออร์แกน และสึ่งอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับประเพณีทางศาสนาและการบริหารมหาวิหาร

มหาวิหารก็เช่นเดียวกับโบสถ์คริสต์อื่นๆ จะประกอบด้วย แท่นบูชา หรือแท่นที่ใช้ในการประกอบพิธีศีลมหาสนีท, “แท่นอ่านคัมภีร์ไบเบิล” (Lectern) และ แท่นเทศน์ บางแห่งก็ยังมีอ่างศีลจุ่ม สำหรับทำพิธีล้างบาปเพี่อเป็นเครื่องหมายการยอมรับผู้ที่ถูกจุ่มหรือเจิมด้วยน้ำมนต์เข้าสู่คริสตจักร ซึ่งมักจะทำกับเด็ก การทำพิธีศึลจุ่มในบางประเทศอาจจทำในสิ่งก่อสร้างนอกตัววัดที่สร้างขึ้นเฉพาะสำหรับพิธีนี้ เช่นที่ หอล้างบาป เมืองปิซาในประเทศอิตาลี ถ้าอ่างสำหรับพิธีศีลจุ่มอยู่ในวัดก็มักจะอยู่ทางด้านตะวันตกใกล้ประตูทางเข้าวัด และจะมีที่นั่งสำหรับพระราชาคณะและที่ทำพิธีสวด

มหาวิหารแบบอารามและมหาวิหารแบบ “เซ็คคิวลาร์” บางทีจะมีระเบียงคดยื่นออกมาทางด้านข้างของวัด กันผู้ใช้จากลมและฝน เช่นที่ มหาวิหารกลอสเตอร์ เดิมบริเวณนี้ใช้เป็นที่ทำวัตร เช่น ลอกหนังสือ หรือใช้เป็นที่เดินวิปัสนา นอกจากนั้นบางมหาวิหารก็ยังมีหอประชุมนักบวช สำหรับเคลอจี ห้องประชุมที่ยังพบกันอยู่ที่ประเทศอังกฤษมักจะเป็นรูปแปดเหลี่ยม เช่นที่มหาวิหารเวลส์ บางครั้งด้านหน้ามหาวิหารจะเป็นจัตุรัสสำคัญของเมืองที่ตั้งอยุ่เช่นที่เมืองฟลอเรนซ์ หรืออาจจะตั้งอยู่ในบริเวณของมหาวิหารเองที่มีกำแพงล้อมรอบ เช่นที่มหาวิหารแคนเทอร์เบอรี หรือ มหาวิหารซอลสบรี ที่ยังเห็นกำแพงบางส่วน นอกจากตัวมหาวิหารแล้วก็อาจจะมีสิ่งก่อสร้างอื่นที่เป็นของมหาวิหารอยู่ในบริเวณเดียวกันด้วย เช่นโรงเรียน

มหาวิหารหลายแห่งมีความสวยงามทางสถาปัตยกรรมและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์จนทำให้ได้รับเลือกจากองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก มาจนกระทั่งศตวรรษที่ 20 มหาวิหารจะเป็นสัญลักษณ์ของเมือง เพราะความใหญ่โตและส่วนใหญ่จะมีหอสูงทำให้มองเห็นได้แต่ไกล แต่ในปัจจุบันมหาวิหารส่วนใหญ่จะถูกล้อมรอบไปด้วยสิ่งก่อสร้างหรือถูกบังโดยตึกระฟ้า นอกจากมหาวิหารบางแห่งที่ชุมชนต่อต้านทางกฎหมาย โดยห้ามสิ่งก่อสร้างสูงใกล้มหาวิหารอย่างมหาวิหารโคโลญ ที่ประเทศเยอรมนี

นอกเหนือจากการเป็นสถานที่สำหรับการสักการบูชาแล้วมหาวิหารยังเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและความสำคัญทางศิลปะและสถาปัตยกรรมเป็นอย่างมากเพราะมหาวิหารหลายแห่งใช้เวลาหลายร้อยปีจึงสร้างเสร็จ ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงการวิวัฒนาการของศิลปะ เช่นเราจะเห็นการพัฒนาของสถาปัตยกรรมกอธิคได้อย่างชัดเจนที่มหาวิหารกลอสเตอร์ นอกจากสิ่งก่อสร้างแล้วมหาวิหารก็ยังเป็นที่สะสมวัตถุที่มีค่าเช่นหน้าต่างประดับกระจกสี ประติมากรรมไม้และหิน อนุสาวรีย์สำหรับสำหรับผู้เสียชีวิตที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลัก และเรลิก ต่างๆ ซึ่งมีความสำคัญทั้งทางศาสนาและศิลปะ เช่นที่มหาวิหารอาเคิน ที่เป็นที่เก็บเสื้อที่เชื่อกันว่าเป็นเสื้อที่นักบุญจอห์นแบ็พทิสต์ ใส่วันที่ท่านถูกตัดหัว นอกจากนั้นมหาวิหารยังเป็นที่ที่มีความสำคัญต่อชุมชนที่มหาวิหารตั้งอยู่เพราะมหาวิหารเป็นที่รวบรวมสิ่งของเช่น ป้าย ข้อเขียน กระจกสี หรือภาพเขียนที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของเมืองนั้น

ความสวยงามและความสำคัญดังกล่าวนี้ทำให้มหาวิหารเป็นสิ่งดึงดูดนั่งท่องเที่ยวมาเป็นเวลาหลายร้อยปี บางมหาวิหารที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจะมีระบบเก็บค่าผ่านประตูสำหรับผู้ที่เข้าชมมหาวิหารที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับศาสนพิธี บางทีก็จะมีบริการมัคคุเทศก์ ร้านขายหนังสือ หรือร้านกาแฟเล็กๆ เช่นที่ มหาวิหารแห่งชาติที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301