อาณาจักรน่านเจ้า หรือเจ้าทางใต้ (จีน: ??) หรือจีนเรียกว่า สานสานโกวะ ตั้งขึ้นประมาณ พ.ศ. 1192 โดยพระเจ้าสีนุโล แห่งเหม่งแซ ต่อมาพระเจ้าพีล่อโก๊ะได้รวบรวมเมืองต่างๆ ที่แยกกันตั้งอยู่เป็นอิสระ 6 แคว้นคือ เหม่งแซ (Mengshe;??) ม่งซุย (Mengsui;??) ลางเซียง (Langqiong;??) เต็งตัน (Dengtan;??) ซีล่าง (Shilang;??) และ ยู่ซี (Yuexi;??) เข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเหม่งแซได้สำเร็จ ตั้งเป็นอาณาจักรใหม่ขึ้น เรียกว่า อาณาจักรน่านเจ้า ในยุคแรกๆนั้น น่านเจ้าก็มีสัมพันธ์กับรัฐรอบๆ ทั้งราชวงศ์ฝ่ายใต้ของจีน และแคว้นเล็กๆในสุวรรณภูมิ
ในรัชกาลของจักรพรรดิถังเสวียนจง [พ.ศ. 1255-1299] ราชสำนักถังพยายามขยายอำนาจลงใต้ และมีการส่งกองทัพมาพิชิตอาณาจักรน่านเจ้า 2 ครั้งใหญ่ๆ แต่กองทัพถังก็พ่ายแพ้ยับเยินกลับไป
พ.ศ. 1291 พระเจ้าโก๊ะล่อฝง ก็ทรงส่งกองทัพไปโจมตีราชวงศ์ถังบ้าง เพื่อขยายอำนาจ กองทัพน่านเจ้าประสบชัยชนะใหญ่ๆหลายครั้ง เพราะราชสำนักถังเริ่มอ่อนแอลง จวบจนเมื่อเกิดกบฏอันลู่ซานในช่วงปลายรัชสมัยของจักรพรรดิถังเสวียนจง กองทัพถังก็ต้องเจรจาและยอมรับอำนาจของพระเจ้าโก๊ะล่อฝงในแดนใต้
พ.ศ. 1372 กองทัพน่านเจ้าสามารถบุกลึกเข้าไปถึงใจกลางมณฑลเสฉวน และยึดเอาเฉิงตูเมืองเอกของมณฑลมาได้ สร้างความพรั่นพรึงให้ราชสำนักถังมาก ภายหลังจากรัชสมัยของพระเจ้าโก๊ะล่อฝง น่านเจ้าก็ค่อยๆอ่อนแอลง แต่ก็ยังมีกษัตริย์ปกครองสืบต่อกันมาอีกหลายพระองค์ ทว่ากษัตริย์พระองค์ต่อๆมามักตกอยู่ในวังวนของการชิงอำนาจระหว่างชนเผ่าต่างๆในอาณาจักร รวมถึงการแย่งชิงอำนาจของตระกูลขุนนาง จวบจนถึงปี พ.ศ. 1445 อาณาจักรน่านเจ้าก็ล่มสลายลง จากการก่อกบฏของชนเผ่าต่างๆในอาณาจักร ดินแดนยูนนานจึงกลายเป็นสุญญากาศทางอำนาจไปอีกหลายปี ก่อนที่ ต้วนซีผิง จะนำชาวเผ่าไป๋และเผ่าพันธมิตรลุกขึ้นรวบรวมดินแดนในยูนนานเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง และก่อตั้งอาณาจักรใหม่ที่ชื่อว่า อาณาจักรต้าหลี่ ขึ้นมาแทนในปี พ.ศ. 1480
ในยุครุ่งเรืองนั้นอาณาจักรน่านเจ้า มีอาณาเขตกว้างขวาง คือเขตมณฑลยูนนานทั้งหมด รวมแคว้นสิบสองปันนาด้วย กล่าวคือ ทิศเหนือจดมณฑลเสฉวน ทิศใต้ จดพม่า ญวน ทิศตะวันออกจดดินแดนไกวเจา กวางสี ตังเกี๋ย ทิศตะวันตก จดพม่า ทิเบต มีกษัตริย์ปกครองอย่างเป็นอิสระไม่ขึ้นกับแคว้นใดได้ยาวนานหลายร้อยปี
นักวิชาการทางประวัติศาสตร์ ภาษาศาสตร์ และมานุษยวิทยาในอดีต เคยมีแนวความคิดว่า คนในอาณาจักรน่านเจ้านั้นน่าจะเป็นคนไทยหรือบรรพบุรุษของคนไทยในยุคปัจจุบัน ทั้งนี้เนื่องจากอ้างอิงมาจากหลักฐานทางโบราณคดีของจีน อาทิ วิลเลียม เจ.เกดนีย์ นักวิชาการชาวอเมริกัน, ดร.บรรจบ พันธุเมธา และ ศ.ดร.ประเสริฐ ณ นคร นักวิชาการชาวไทย ได้ข้อสรุปว่าเป็นถิ่นที่คนไทอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาได้มีการผสมผสานระหว่างชาติพันธุ์อื่น และอพยพลงมาสู่ดินแดนสุวรรณภูมิอย่างในปัจจุบัน ซึ่งแนวความคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจาก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อคราวไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี พ.ศ. 2518
แต่ก็มีข้อแย้งเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน อาทิ ศ.เฟดเดอริก โมต หรือ ชาร์ลส์ แบกคัส รวมทั้งนักวิชาการชาวไทย ดร.วินัย พงษ์ศรีเพียร มีความเห็นว่าไม่น่าจะใช่เป็นคนไทย โดยอ้างว่าภาษาที่ใช้ในอาณาจักรน่านเจ้าที่ปรากฏในหนังสือหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เขียนขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 15 มีลักษณะคล้ายภาษาในตระกูลทิเบต-พม่า มากกว่า และมีส่วนที่คล้ายภาษาไทยซึ่งจัดอยู่ในตระกูลภาษาไทกะไดน้อยมาก และวัฒนธรรมการเอาพยางค์สุดท้ายของพ่อมาตั้งเป็นชื่อพยางค์แรกของลูก เช่น พีล่อโก๊ะ เป็น โก๊ะล่อฝง ก็เป็นวัฒนธรรมร่วมกับวัฒนธรรมชาติพันธุ์ที่พูดภาษาตระกูลทิเบต-พม่า ด้วยเช่นกัน
แต่ในประเด็นนี้ ศ.ดร.ประเสริฐ ณ นคร ยังเห็นแย้งว่า ข้อพิสูจน์นี้ยังไม่หนักแน่นพอ เพราะระยะเวลาที่ผ่านไปหลายร้อยปี ธรรมเนียมบางอย่างอาจแปรเปลี่ยนไป โดย ศ.ดร.ประเสริฐ ยังไม่ยอมรับทั้งหมดว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรน่านเจ้ามิใช่คนไทย