อากาศยานไร้คนขับ หรือ ยูเอวี (อังกฤษ: Unmanned Aerial Vehicle, UAV) หมายถึงอากาศยานที่ไม่มีคนขับ ต่างจากขีปนาวุธตรงที่นำมาใช้ใหม่ได้ เป็นพาหนะไร้คนขับที่สามารถควบคุม ได้รับความเสียหาย บินต่างระดับ และใช้เครื่องยนต์ไอพ่นหรือเครื่องยนต์ลูกสูบ กระนั้นขีปนาวุธก็ไม่ถูกจัดว่าเป็นยูเอวีเพราะว่ามันเหมือนกับขีปนาวุธนำวิถีมากกว่า ซึ่งเป็นอาวุธที่ไม่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ แม้ว่ามันจะไร้คนขับและถูกควบคุมจากระยะไกลก็ตาม
ยูเอวีนั้นมีรูปร่าง ขนาด รูปแบบ และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป ตามหลักแล้วยูเอวีคือโดรน (Drone) (เป็นอากาศยานที่ควบคุมจากระยะไกล) แต่การควบคุมอัตโนมัติที่เหมือนกับยูเอวีมากกว่า ยูเอววีมีสองแบบ บ้างควบคุมจากระยะไกล และบ้างก็บินได้ด้วยตนเองโดยอาศัยการโปรแกรมที่เป็นระบบซึ่งซับซ้อนกว่า
ปัจจุบันยูเอวีของทหารนั้นทำหน้าที่สอดแนมและภารกิจโจมตี ในขณะที่โดรนโจมตีมากมายที่ประสบความสำเร็จถูกรายงานว่าพวกมันได้รับความเสียหายได้ง่ายและมักมีข้อผิดพลาด ยูเอวียังถูกใช้ในจำนวนที่น้อยในทางพลเรือน อย่างการดับเพลิง ยูเอวีนั้นมักจะทำหน้าที่ในภารกิจที่ยากและอันตรายเกินกว่าที่จะใช้เครื่องบินที่มีคนขับทำ
ยูเอวีรุ่นแรก ๆ คือ"แอเรียล ทาร์เก็ท"เมื่อปีพ.ศ. 2459 หลังจากนั้นเครื่องบินที่ควบคุมด้วยรีโมตมากมายก็ตามมา รวมทั้งเครื่องบินอัตโนมัติฮีวิตต์-สเปอร์รี่ในสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมทั้งพาหนะควบคุมจากระยะไกลหรืออาร์พีวี (Remote Piloted Vehicle, RPV) ที่พัฒนาโดยเรจินัลด์ เดนนี่ในปีพ.ศ. 2478 มีอีกมายที่สร้างเพราะความเร่งรีบทางเทคโนโลยีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกมันถูกใช้เพื่อเป็นเป้าฝึกให้กับพลปืนต่อต้านอากาศยานและภารกิจโจมตี เครื่องยนต์ไอพ่นถูกนำมาใช้หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่าง ไฟร์บี 1 ในขณะที่บริษัทอย่างบีคราฟท์ก็สร้างโมเดล 1001 ขึ้นมาให้กับกองทัพเรือสหรัฐในปีพ.ศ. 2498 กระนั้นพวกมันก็ไม่ต่างจากเครื่องบินควบคุมด้วยรีโมตจนกระทั่งถึงยุคสงครามเวียดนาม
ด้วยเทคโนโลยีที่กำลังก้าวหน้าและเริ่มมีขนาดเล็กลงของทศวรรษที่ 2523 และ 2533 ทำความสนใจในยูเอวีของกองทัพมีมากขึ้น ยูเอวีนั้นดูเหมือนจะถูกกว่า เป็นเครื่องจักรที่สามารถต่อสู้ได้ซึ่งสามารถถูกใช้เพื่อลดความเสี่ยงของลูกเรือ ในรุ่นแรกๆ นั้นมันเป็นเหมือนอากาศยานตรวจตรามากกว่า แต่มีบ้างที่ติดอาวุธ (อย่างเอ็มคิว-1 พรีเดเตอร์) ซึ่งใช้ขีปนาวุธอากาศสู่พื้นเอจีเอ็ม-114 เฮลไฟร์) ยูเอวีที่ติดอาวุธจะถูกเรียกว่าอากาศยานต่อสู้ไร้คนขับหรือยูซีเอวี (unmanned combat air vehicle, UCAV)
ในอนาคตอันใกล้นั้นจะมีการใช้อากาศยานไร้คนในด้านการรุกสำหรับการทิ้งระเบิดและการโจมตีภาคพื้นดิน ในฐานะเครื่องมือสำหรับการค้นหาและช่วยเหลือ ยูเอวีจึงสามารถช่วยคนหามนุษย์ที่หลงป่า ติดอยู่ในซากปรักหักพัง หรือติดอยู่กลางทะเล
ในขณะที่การต่อสู้ทางอากาศยังตกเป็นของนักบินที่เป็นมนุษย์ แต่เมื่อเครื่องบินขับไล่ไร้คนขับมาทำหน้าที่แทน พวกมันจะได้เปรียบมากกว่าเพราะว่ามันจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากแรงจี
ยูเอวีนั้นมีรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นระบบรีโมต นั่นก็เพื่อการสอดแนมที่เป็นหน้าที่ของยูเอวีส่วนใหญ่ ยูเอวีส่วนน้อยที่ทำหน้าที่ขนส่ง
การทำงานแบบนี้จะมีทั้งเซ็นเซอร์แม่เหล็กไฟฟ้า เซ็นเซอร์ชีวภาพ และเซ็นเซอร์เคมี แบบที่เป็นเซอร์แม่เหล็กไฟฟ้าจะใช้ทั้งกล้องสเปคตรัมภาพ อินฟราเรด หรือสิ่งที่คล้ายอินฟราเรดเช่นเดียวกับเรดาร์ ตัวตรวจจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างเซ็นเซอร์ไมโครเวฟและอัลตร้าไวโอเล็ตนั้นก็กใช้เช่นกัน แต่ไม่มากนัก เซ็นเซอร์ชีวภาพนั้นสามารถตรวจจับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กหรือองค์ประกอบทางชีวิภาพที่ลอยมากทางอากาศได้ เซ็นเซอร์เคมีนั้นจะใช้เลเซอร์เพื่อประเมินส่วนประกอบต่างๆ ที่อยู่ในอากาศ
ยูเอวีสามารถขนส่งวัสดุได้หลายอย่างโดยขึ้นอยู่กับตัวยูเอวีเอง โดยส่วนใหญ่นั้นก็จะเป็นการเก็บวัสดุไว้ภายในโครงสร้าง ในแบบที่เป็นเฮลิคอปเตอร์นั้นจะบรรจุวัสดุไว้ด้านนอกหรือข้างใต้ได้ ในแบบที่เป็นอากาศยานปีกนิ่งจะติดตั้งไว้กับโครงสร้าง แค่อากาศพลศาสตร์ของยูเอวีนั้นอาจด้อยลงไป สำหรับกรณีนั้นวัสดุจะต้องบรรจุในหีบห่อเมื่อต้องทำการขนส่ง
ยูเอวีมีความสามารถที่ไม่เหมือนใครในการเจาะทะลุพื้นที่ซึ่งอาจอันตรายเกินไปสำหรับนักบิน มันเคยถูกใช้ในการตามหาเฮอร์ริเคนในปีพ.ศ. 2549 ในออสเตรเลียมีการออกแบบและผลิตระบบน้ำหนัก 35 ปอนด์ ซึ่งสามารถบินเข้าไปในพายุเฮอร์ริเคนและให้การสื่อสารเกือบเท่าเวลาจริงกับศูนย์เฮอร์ริเคนในฟลอริดาได้ นอกจากมันจะให้ข้อมูลแรงดันบารอเมตริกแบบมาตรฐานกับข้อมูลอุณหภูมิแล้ว มันยังเข้าใกล้พื้นน้ำได้มากกว่าเคยอีกด้วย การใช้งานในอนาคตสำหรับยูเอวีจะมากขึ้นเมื่อมีการพัฒนาการอำนวยความสะดวกภายในน่านฟ้าสากล
เอ็มคิว-1 พรีเดเตอร์เป็นยูเอวีติดอาวุธด้วยขีปนาวุธเฮลไฟร์ที่ปัจจุบันถูกใช้เพื่อจัดการเป้าหมายบนพื้นดินในพื้นที่อันตราย พรีเดเตอร์ที่ติดอาวุธถูกใช้ครั้งแรกในปลายปีพ.ศ. 2544 จากฐานในปากีสถานและอุซเบกิสถาน ส่วนมากใช้เพื่อทำการลอบสังหารในอัฟกานิสถาน ตั้งแต่นั้นมาก็มีการรายงานจำนวนมากถึงการลอบสังหารที่เกิดขึ้นในปากีสถาน ข้อได้เปรียบจากการใช้ยูเอวีคือเพื่อหลีกเลี่ยงการทูตที่ว่าเครื่องบินควรถูกยิงตกและนักบินถูกจับ ตั้งแต่มีการทิ้งระเบิดในประเทศเพื่อนบ้านโดยที่ไม่มีการขออนุญาตจากประเทศนั้นๆ
พรีเดเตอร์ที่ตั้งฐานในประเทศเพื่อนบ้านอาหรับ ถูกใช้เพื่อสังหารกลุ่มอัลกออิดะฮ์ในเยเมนเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 นี้เป็นครั้งแรกที่ใช้พรีเดเตอร์เป็นอากาศยานโจมตีนอกเขตสงครามอย่างอัฟกานิสถาน
มีคำถามเกิดขึ้นเกี่ยวกับความแม่นยำของยูเอวี ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 "เดอะ การ์ดเดียน"ได้รายงานว่ายูเอวีติดอาวุธของอิสราเอลได้สังหารชาวปากีสถานไป 48 รายในฉนวนกาซา รวมทั้งเด็กอีกสองคนในสนามและผู้หญิงกับเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งบนถนน ในเดือนมิถุนายน กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้สืบสวนการโจมตีหกครั้งของยูเอวีซึ่งทำให้พลเรือนเสียชีวิต และพบว่ากองกำลังอิสราเอลไม่สามารถระบุได้ว่าเป้าหมายดังกล่าวคือทหารหรือพลเรือน ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 มีรายงานว่าการโจมตีของโดรนในปากีสถานโดยสหรัฐ ได้สังหารพลเรือนไป 10 รายต่อทหารทุกหนึ่งนาย เอส. อัซเหม็ด ฮัสซัน อดีตทูตปากีสถาน ได้กล่าวในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 ว่ายูเอวีของอเมริกาที่ทำการโจมตีทำให้ปากีสถานกลายเป็นศัตรูของสหรัฐ และการโจมตี 35-40 ครั้งฆ่าทหารอัลกออิดะฮ์ไปเพียง 8-9 นายเท่านั้น
ยูเอวีดูเหมือนจะมีบทบาทมากขึ้นในการค้นหาและช่วยเหลือในสหรัฐ นั่นแสดงให้เห็นชัดเจนเมื่อยูเอวีทำหน้าที่ของมันในเหตุการณ์หลังเฮอริเคนเมื่อปีพ.ศ. 2551 ในการค้นหาผู้คนในหลุยส์เซียน่าและเท็กซัส
ตัวอย่างเช่น พรีเดเตอร์ที่ทำการบินระหว่าง 18,000-29,000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล จะทำหน้าที่ค้าหาและช่วยเหลือและประเมินความเสียหาย โดยมันจะติดตั้งเซ็นเซอร์มองและเรดาร์ เรดาร์ของพรีเดเตอร์สามารถทำงานได้ในทุกสภาพอากาศ มันจะให้ภาพที่คมชัดผ่านกลุ่มเมฆ ฝน หรือหมอก และได้ทั้งกลางวันและกลางคืน