องค์การบริหารชั่วคราวแห่งสหประชาชาติในกัมพูชา (อังกฤษ: United Nations Transitional Authority in Cambodia; เขมร: ???????????????????????????????????? อาชฺญาธรอนฺตรกาลสหบฺรชาชาติเนากมฺพุชา) หรือ อันแทก (อังกฤษ: UNTAC; เขมร: ?.?.?.?.?. อ.อ.ส.บ.ก.) เป็นปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในกัมพูชาระหว่าง พ.ศ. 2535–2536 และเป็นครั้งแรกที่สหประชาชาติเข้ามาจัดการการปกครองของรัฐที่เป็นเอกราชเพื่อจัดการเลือกตั้ง มีสถานีวิทยุและคุกเป็นของตนเองและสามารถรับผิดชอบและสนับสนุนสิทธิมนุษยชนในระดับนานาชาติ
ประเทศที่เข้าร่วมในอันแทกได้แก่ แอลจีเรีย อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย ออสเตรีย บังกลาเทศ เบลเยียม บรูไน บัลแกเรีย แคเมอรูน แคนาดา สาธารณรัฐประชาชนจีน ชิลี ฝรั่งเศส เยอรมัน กานา อินเดีย อินโดนีเซีย ไอร์แลนด์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ โปแลนด์ สหพันธรัฐรัสเซีย เซเนกัล ไทย ตูนีเซีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และอุรุกวัย ทั้งนี้ สหประชาชาติส่งคณะผู้ปฏิบัติการล่วงหน้าในกัมพูชาเพื่อเข้าไปสำรวจและเตรียมการณ์ก่อนที่อันแทกจะเข้าไปจัดการเลือกตั้งเมื่อ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2535
อันแทกจัดตั้งขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 โดยมติสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 745 โดยเป็นข้อตกลงระหว่างรัฐกัมพูชา ซึ่งเป็นรัฐบาลโดยพฤตินัยของประเทศในเวลานั้น เพื่อให้เป็นไปตามสนธิสัญญาสันติภาพปารีสที่ลงนามเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2534. ผู้นำของอันแทกคือยาสุชิ เอกาชิ โดยมีนายพลจอห์น แซนเดอร์สัน เป็นผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหาร อันแทกมีกำลังทหารทั้งสิ้น 15,900 นาย ตำรวจ 3,600 คน เจ้าหน้าที่พลเรือน 2,000 คน อาสาสมัครจากสหประชาชาติ 450 คน ปฏิบัติการของอันแทกใช้ทุนปฏิบัติการ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เป้าหมายของอันแทกคือ ฟื้นฟูสันติภาพและรัฐบาลพลเรือนในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองและสงครามเย็นมากว่าทศวรรษ จัดการเลือกตั้งที่เป็นอิสระและเป็นธรรม เพื่อสร้างรัฐธรรมนูญใหม่ และเป็นจุดเริ่มต้นในการสถาปนาประเทศขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มีหน้าที่ในการดูแลและควบคุมกิจการที่สำคัญของรัฐบาล ทั้งการต่างประเทศ การป้องกันประเทศ การคลัง ความปลอดภัยสาธารณะ และสารสนเทศ รวมทั้งตรวจสอบการถอนกองกำลังต่างชาติออกไป ป้องกันการย้อนกลับเข้ามาอีก ปลดอาวุธและลดการเคลื่อนไหวของกองกำลังติดอาวุธภายในประเทศ ส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชน รักษากฎหมายและดูแลการตั้งถิ่นฐานใหม่ของผู้อพยพ ฟื้นฟูโครงสร้างที่จำเป็นพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ
อันแทกประสบความล้มเหลวในการปลดอาวุธกลุ่มเขมรแดง ในขณะที่ประสบความสำเร็จในการปลดอาวุธของทหารฝ่ายรัฐกัมพูชา ทำให้เขมรแดงยังคงโจมตีและก่อความรุนแรงทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง จนในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2537 รัฐบาลผสมของกัมพูชาประกาศให้เขมรแดงเป็นกลุ่มนอกกฎหมาย และประกาศให้การสังหารหมู่ในสมัยกัมพูชาประชาธิปไตยเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ชาวกัมพูชากว่า 4 ล้านคนเข้าร่วมในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2536 แม้ว่าเขมรแดงหรือพรรคกัมพูชาประชาธิปไตย ซึ่งกองกำลังไม่ได้ถูกปลดอาวุธและถูกควบคุมได้ห้ามประชาชนในเขตของตนไม่ให้เข้าร่วม พรรคฟุนซินเปกของพระนโรดม รณฤทธิ์ได้คะแนนสูงสุด 45.5% ตามด้วยพรรคประชาชนกัมพูชาของฮุน เซน และพรรคประชาธิปไตยเสรีนิยมชาวพุทธ พรรคฟุนซินเปกเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาชนกัมพูชา สมาชิกสภาที่ได้รับการเลือกตั้งได้เข้าไปร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งประกาศใช้เมื่อ 24 กันยายน พ.ศ. 2536 ซึ่งเป็นระบอบรัฐสภามีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พระนโรดม สีหนุกลับมาเป็นกษัตริย์ พระนโรดม รณฤทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งและฮุน เซนเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่สอง
พระนโรดม สีหนุมองว่าการมีอยู่ของกองกำลังต่างชาติภายใต้การควบคุมของอันแทก ทำให้เกิดการล่วงประเวณีแก่หญิงชาวกัมพูชา เกิดปัญหาโสเภณี และนำโรคเอดส์เข้ามาสู่กัมพูชา จำนวนโสเภณีในกัมพูชาสมัยรัฐกัมพูชามี 6,000 คน เพิ่มขึ้นเป็น 20,000 คน ในช่วงที่อันแทกเข้ามาดูแล ใน พ.ศ. 2538 มีผู้ติดเชื้อเอดส์ในกัมพูชา 50,000 - 90,000 คนในกัมพูชา.
ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2547 สภาแห่งชาติกัมพูชาได้ทำข้อตกลงกับสหประชาชาติในการพิจารณาคดีอดีตผู้นำเขมรแดง มีการบริจาคเงินถึง 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการพิจารณาคดีเป็นเวลา 3 ปี โดยรัฐบาลกัมพูชาออกค่าใช้จ่าย 13.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่การดำเนินการเกิดขึ้นช้ามาก กว่าจะเริ่มดำเนินคดีใน พ.ศ. 2550 ซึ่งมีผู้นำเขมรแดงจำนวนมากเสียชีวิตไปแล้วหรือมีปัญหาทางสุขภาพ.
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/องค์กรบริหารชั่วคราวแห่งสหประชาชาติในกัมพูชา