หางโจว (จีน: ??; Hangzhou) เป็นเมืองหลวงของมณฑลเจ้อเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมืองหางโจว ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ 1 ใน 6 ของประเทศจีน ปัจจุบันหางโจว ถือเป็นเมืองที่อยู่ในเขตภาคตะวันออกที่ได้รับการพัฒนาอย่างสูงสุดแล้ว ดังนั้นหางโจวจึงเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีว่า มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ มีวัฒนธรรมที่ยาวนาน และมีทัศนียภาพที่สวยสดงดงามเมืองหนึ่งของประเทศจีน รวมทั้งมั่งคั่งไปด้วยเภสัชอุตสาหกรรม และสถาบันศิลปะมากมาย เมืองหางโจวถือว่าเมืองดิจิตอลไร้สายได้ครอบคลุมถึงทางหลวงและตรอกเล็กซอยน้อยต่างๆในเมือง
ประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 2,100 ปี สมัยราชวงศ์สุย (ค.ศ. 581-618) จากคำสั่งขุด คลองต้ายุ่นเหอ (Grand Canal) ขององค์ฮ่องเต้สุยหยางตี้ รัชกาลที่ 2 ของราชวงศ์สุย เพื่อเชื่อมดินแดนทางเหนือกับทางใต้ จากปักกิ่งมายังหางโจว ได้ผลักดันให้เมืองหางโจวเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ในหน้าประวัติศาสตร์จีน หางโจว เจริญถึงขีดสุดเมื่อ ราชวงศ์ซ่งได้ตัดสินใจย้ายเมืองหลวงจากเมืองไคเฟิง ที่อยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำเหลือง ลงมายัง หางโจว ที่อยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง เพื่อความปลอดภัยจากการกรุกรานของชนเผ่าจิน และได้ตั้งราชวงศ์ซ่งใต้ (ค.ศ. 1127-1279) ขึ้น การย้ายเมืองหลวงดังกล่าวได้ผลักดันให้ชื่อของ 'หางโจว' ติดอยู่ในทำเนียบ 1 ใน 7 เมืองหลวงเก่าของจีน ร่วมกับ อันหยาง, ซีอาน, ลั่วหยาง, ไคเฟิง, หนานจิง และ ปักกิ่ง
และยังถูกกล่าวไว้ใน บทกวีหลายบทที่แต่งขึ้น สมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) โดยได้รับแรงบัลดาลใจจากความงามอันหลากสีสันของเมืองหางโจว แต่จากเหตุการณ์ "กบฏไท่ผิง" (ช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19) ทำให้ เมืองที่สวยงามนี้ถูกทำลายแทบจะไม่เหลือร่องรอยของเมืองที่เคยมีนามก้องโลกให้หลงเหลืออยู่เลย
แม้ว่าในเวลาต่อมา ชนเผ่ามองโกลจะเข้ามาปกครองแผ่นดินจีนในนามของราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1206-1368) โดยยึดเอา ต้าตู (ปักกิ่ง) ที่อยู่ทางภาคเหนือเป็นเมืองหลวง เป็นศูนย์กลางทางการเมือง-การปกครอง แต่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทางใต้ หางโจวก็ยังคงความเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจอยู่
ไม่น่าสงสัยเลยว่า Kinsai (เป็นชื่อที่ มาร์โค โปโล ใช้เรียกหางโจว) เป็นเมืองที่ยอดเยี่ยม และงดงามที่สุดในโลก เมือง (หางโจว) มีความเส้นรอบวงประมาณ 100 ไมล์ และเกือบทุกส่วนของเมืองสามารถไปถึงได้ด้วยทางบก หรือ คลอง" กล่าวกันว่า มีสะพานอยู่ 12,000 แห่ง โดยสะพานที่ทอดผ่านลำคลองสายสำคัญนั้นจะถูกสร้างไว้สูงตระหง่าน และออกแบบอย่างดีให้เรือลำใหญ่ที่ปลดเสาเรือลงแล้ว สามารถลอดผ่านได้ ขณะที่ด้านบนสะพานก็มีเกวียนและม้าสัญจรผ่านไปมา ...
หางโจวตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน บนที่ราบน้ำท่วมถึงริมฝั่งแม่น้ำแยงซี พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขา มีทะเลสาบซีหู เป็นสัญลักษณ์ของเมืองตั้งอยู่ใจกลางเมือง ในสมัยราชวงศ์ฉิน หางโจวถือเป็นศูนย์กลางการค้า มีการขุดคลองเชื่อมระหว่างปักกิ่งและหางโจวสำเร็จ ต่อมาได้เป็นเมืองหลวงในสมัยราชวงศ์ซ่ง ปี ค.ศ. 1230 มาร์โค โปโล ได้เดินทางมาถึงเมืองหางโจว และได้ขนานนามเมืองนี้ว่าเป็นเมืองที่งดงามที่สุดในโลก สมัยราชวงศ์หมิงหางโจวยังคงเป็นศูนย์กลางการค้ามีการติดต่อกับต่างชาติ โดยมีผ้าไหมเป็นสินค้าหลัก จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์กบฏไท่ผิงในช่วง ค.ศ. 1860-1862 ทำให้ความสวยงามลดลงไป ปัจจุบันหางโจวเป็นเมืองอุตสาหกรรมสมัยใหม่ มีใบชาและผ้าไหมเป็นสินค้าส่งออกหลักที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
นอกจากนั้นหางโจวยังมีทะเลสาบใหญ่อันสวยงาม และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองชื่อว่า ทะเลสาบซีหู (West Lake) ดังบทกวีอันมีชื่อเสียงของจีนที่ว่า "หากฟากฟ้ามีสรวงสวรรค์ บนผืนปฐพีก็มี ซู หัง (ซู คือ ซูโจว หัง คือ หางโจว) ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเยือนหางโจวในแต่ละปี มักไม่พลาดที่จะไปเยือนทะเสาบแห่งนี้ ตั้งอยู่ห่างจากนครเซี่ยงไฮ้ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 180 กิโลเมตร เมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2546 จำนวนประชากรที่บันทึกได้อยู่ 6.4 ล้านคน โดยที่ในเขตเมืองมีผู้อยู่อาศัยประมาณ 3.9 ล้านคน เมืองหางโจวเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีธรรมชาติงดงามราวกับจิตรกรฝีมือดีบรรจงวิจิตรขึ้น ตัวอาคารบ้านเรือน ไม่สูงมากนัก ตึกใหญ่จะสูงแค่ 7-8 ชั้น เนื่องจากเกรงว่าจะไปบดบังทิวทัศน์ที่สวยงามโดยรอบ หางโจวเป็นเมืองเก่าแก่โบราณติด 1 ใน 7 ของจีน ที่ประกอบไปด้วย ซีอาน ลั่วหยาง เจ้อโจว ปักกิ่ง นานกิง หางโจว เสฉวน
ในเมืองหางโจวมีทะเลซีหู (Xihu) เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยว ให้ความสนใจมากที่สุด โดยทะเลสาบซีหู เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ของชาวเมืองทั่วไปรวมไปถึง นักท่องเที่ยวที่มักจะไม่พลาดโปรกแกรมล่องเรือชมทะเลสาบ โดยเรือที่พานักท่องเที่ยว ล่องทะเลสาบนั้นถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ราวกับย้อนอดีตไปสมัยที่ยังใช้กำลังภายในกันอยู่ เข้ากับบรรยากาศโดยรอบ แตกต่างกับภายในตัวเมืองหางโจว ซึ่งมีความทันสมัยไม่น้อย เพราะมีทั้งสนามบินนานาชาติ ทางด่วน ห้างสรรพสินค้า แหล่งชอปปิ้ง อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงที่โด่งดังของประเทศจีน อีกด้วย
มีภูมิอากาศที่ดี อากาศจะเย็นสบายและฝนตกบ่อย ช่วงอุณหภูมิที่ดีที่สุด คือ ราวเดือนเมษายนจนถึง เดือนพฤษภาคม เนื่องจากเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิในช่วงกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง