สแตนดาร์ดเกจ หรือ รางมาตรฐาน (อังกฤษ: standard gauge)เป็นขนาดความกว้างรางรถไฟที่มีการใช้กันมากที่สุด โดยคิดเป็นประมาณ 60% ของรางรถไฟทั่วโลก ระยะห่างภายในของรางรถไฟมีขนาด 1.435 เมตร (4 ฟุต 8 1/2 นิ้ว) สแตนดาร์ดเกจยังมีชื่อเรียกว่า สตีเฟนซันเกจ (Stephenson gauge ตั้งชื่อตาม จอร์จ สตีเฟนซัน)
ในเมืองไทยมีการพิจารณาจะปรับปรุงรางรถไฟเดิมให้มีขนาดเป็นสแตนดาร์ดเกจ ซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษาของกระทรวงคมนาคม
ในอดีตสหรัฐอเมริกาและแคนาดาได้มีการใช้รางรถไฟหลากหลายขนาด 4 ฟุต ถึง 6 ฟุต โดยเฉพาะในตอนใต้ของอเมริกาจะนิยมใช้ขนาด 5 ฟุต ที่เหมาะสมสำหรับขนส่งฝ้ายซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักทางตอนใต้ ขนาดของเกจที่ไม่เท่ากันส่งผลให้เกิดปัญหาในการต้องถ่ายรถจากขบวนหนึ่งไปอีกขบวนหนึ่งในบริเวณเชื่อมต่อรถไฟที่มีขนาดรางไม่เท่ากัน ซึ่งเกิดจากปัญหา break-of-gauge ทำให้เสียค่าใช้จ่าย และเวลาที่ไม่จำเป็นเกิดขึ้น ทำให้ทางรถไฟในแคนาดาได้เปลี่ยนมาใช้สแตนดาร์ดเกจทั้งหมดในปี ค.ศ. 1880 และบริษัทรถไฟอิลลินอยส์เซนทรัลได้เปลี่ยนมาใช้สแตนดาร์ดเกจสำหรับเส้นทางสายใต้วิ่งไปนิวออร์ลีนส์ในปี ค.ศ. 1881 ทำให้เกิดแรงกดดันต่อผู้ให้บริการรถไฟในตอนใต้
บริษัทรถไฟอีรีเรลโรด (Erie Railroad) แต่เดิมใช้เกจขนาด 6 ฟุต โดยได้มีการเชื่อมตัวกับโอไฮโอเกจที่มีขนาด 4 ฟุต 10 นิ้ว และทางบริษัทอีรีไม่ต้องการเปลี่ยนมาใช้ขนาดมาตรฐาน ซึ่งเกรงว่าจะทำให้ไม่มีการพักรถในบริเวณจุดเชื่อมตัว ส่งผลให้ธุรกิจขาดรายได้
ในวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1886 บริษัทรถไฟทางตอนใต้ได้มีข้อตกลงว่าจะเปลี่ยนขนาดเกจทั้งหมดจากขนาดเดิม 5 ฟุต เป็น 4 ฟุต 9 นิ้ว โดยในช่วงเวลา 36 ชั่วโมงจากวันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม คนงานกว่าหลายหมื่นคนได้ขยับรางรถไฟให้แคบลง 3 นิ้ว ซึ่งทำให้มีขนาดใกล้เคียงกับสแตนดาร์ดเกจ และรถสามารถวิ่งได้โดยไม่มีปัญหา โดยในเดือนมิถุนายน ในปีเดียวกัน ทางรถไฟสายหลักทั้งหมดในอเมริกาเหนือได้ใช้ขนาดเกจเดียวกันทั้งหมด โดยปัจจุบันขนาดเกจทั้งหมดในอเมริกาได้ปรับขนาดมาเป็นสแตนดาร์ดเกจที่ 4 ฟุต 8 1/2 นิ้ว ในระหว่างที่มีการซ่อมแซมบำรุงรักษารางนั้นๆ
ในสมัยรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีการสร้างทางรถไฟสายแรก ประเทศไทยเลือกใช้ความกว้างทางรถไฟขนาดสแตนดาร์ดเกจทั้งหมด เนื่องจากอาณานิคมเพื่อนบ้านทั้งบริติชเบอร์มาและเฟรนชอินโดไชน่าต่างสร้างระบบรางความกว้างเมตรเดียว โดยความแตกต่างในขนาดความกว้างของรางรถไฟจะทำให้การบุกประเทศไทยจากอาณานิคมรอบข้างลำบากมากขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อไทยสร้างเส้นทางรถไฟลงภาคใต้ ไทยเลือกใช้เส้นทางรถไฟขนาดเมตรเดียวเพื่อเชื่อมต่อกับอาณานิคมบริติชมลายู(มาเลเซียในปัจจุบัน) ทำให้ทางรถไฟไทยมีสองขนาดความกว้างในเวลานั้น คือสแตนดาร์ดเกจตั้งแต่ฝั่งพระนคร ถึงภาคเหนือและภาคอีสาน และขนาดความกว้างเมตรเดียวจากฝั่งธนถึงภาคใต้ ในปี พ.ศ. 2462 เมื่อยุคล่าอาณานิคมสิ้นสุดลงและเศรษฐกิจโลกซบเซา ไทยจึงเปลี่ยนเส้นทางรถไฟสแตนดาร์ดเกจเป็นขนาดความกว้างเมตรเดียว และเชื่อมเส้นทางรถไฟฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนครเข้าด้วยกัน
ในปัจจุบัน ประเทศไทยใช้สแตนดาร์ดเกจในการขนส่งระบบรางอยู่สามระบบ ได้แก่ รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดินและรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ นอกจากนี้ยังใช้ในระบบรถไฟความเร็วสูงที่อยู่ในแผนปรับปรุงระบบขนส่งทางรางของไทยด้วย