ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

สุลต่านสุลัยมาน

สุลต่าน ตวนกู สุลัยมาน ชาห์ หรือ สุลต่านสุลัยมาน(ชาห์) พระราชาธิบดีแห่งเมืองสงขลาองค์ที่ 2 (เกิด พ.ศ.? เมืองสาเลห์ เกาะชวา ได้รับแต่งตั้งจากราชสำนักอยุธยาเป็นข้าหลวงผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา พ.ศ. 2163 สถาปนตนเองเป็นสุลต่านสงขลา หลังเจ้าพระยากลาโหมทำการปราบดาภิเษกในกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2173 สิ้นชีพ พ.ศ. 2211 ศพของท่านอยังคงฝังอยู่ที่สุสานที่เขาแดง อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา มาจนถึงปัจจุบันนี้)

สุลต่านสุลัยมาน(ชาห์) ป็นบุตรชายคนโตของท่านโมกอล ซึ่งอพยพครอบครัวจากเมืองสาเลห์(ชวาภาคกลาง) โดยทางเรือมาตั้งหมู่บ้านที่ตำบลหัวเขาแดง ริมทะเลปากอ่าวสงขลา ในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ ในประมาณปีพ.ศ. 2145 สมเด็จพระเอกาทศรถโปรดเกล้าฯให้เป็นข้าหลวงผู้สำเร็จราชการนครสงขลา และดำรงตำแหน่งนี้จนถึงปี พ.ศ. 2163 จึงถึงแก่อสัญกรรม ท่านสุลัยมานจึงขึ้นครองนครสงขลาแทนบิดาในปี พ.ศ. 2163 ในฐานะผู้สำเร็จราชการนครสงขลา ในสมัยพระเจ้าทรงธรรม ต่อมาในปีพ.ศ. 2173 เจ้าพระยากลาโหมศรีสุริยวงศ์ ปราบดาภิเษกเป็นปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ปราสาททอง ทรงพระนามว่า "สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง" (ครองราชย์ พ.ศ. 2173-2199) ท่านสุลัยมานเห็นว่ามิใช่เป็นการสืบราชสันตติวงศ์ตามกฎมนเฑียรบาล จึงประกาศแข็งเมืองไม่ยอมขึ้นกับกรุงศรีอยุธยา และได้ประกาศเป็นรัฐอิสระตั้งแต่ปี พ.ศ. 2173

ครั้นต่อมาในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช(ครองราชย์ พ.ศ. 2199-2231) ในปี พ.ศ. 2223โปรดเกล้าฯให้พระยารามเดโช(ชู)เป็นแม่ทัพยกทัพหลวงไปร่วมกับทัพหัวเมืองภาคใต้ มีกองอาสาสมัครโปรตุเกสและดัชท์ร่วมด้วย ยกไปปราบนครสงขลาจนได้รับชัยชนะ (ขณะนั้นท่านมุสตอฟาบุตรชายคนโตของสุลต่านสุลัยมานเป็นสุลต่านเมืองสงขลาอยู่ เนื่องจากท่านสุลัยมานเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2211) ในครั้งนั้น สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดให้สลายเมืองสงขลาเสียแล้วให้ท่านมุสตอฟาย้ายไปอยู่ที่เมืองไชยา อันเป็นหัวเมืองตรีอยู่ทางเหนือของนครศรีธรรมราช ส่วนท่านฮะซันและฮูเซ็นให้อพยพเข้ามาที่กรุงศรีอยุธยา

ท่านฮะซันนั้นได้เข้ามารับราชการอยู่ในกรุงศรีอยุธยาตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในภายหลังต่อมาในรัชสมัยสมเด็จพระเพทราชา พระยารามเดโช(ชู)เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชเป็นกบฏ พระยาราชวังสัน(มะหมุด)ซึ่งเป็นบุตรชายคงจะอยู่ไม่ได้หรืออาจเกิดเหตุการณ์ใดกับท่าน สมเด็จพระเพทราชาจึงโปรดเกล้าฯให้ท่านฮะซันดำรงตำแหน่งพระยาราชวังสันแทน พระยาราชวังสัน(ฮะซัน)มีบุตรชื่อ ขุนลักษมณา(บุญยัง) ซึ่งต่อมาเป็นบิดาของเจ้าพระยาจักรี(หมุด)

ตำแหน่งจางวางอาสาจามเดิมตั้งแต่มีปรากฏในพงศาวดารตั้งแต่สมัยต้นกรุงศรีอยุธยานั้น ผู้ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นพระราชวังสันหรือพระยาราชวังสันล้วนแล้วแต่เป็นมุสลิมชนชาติจาม จนกระทั่งในสมัยสมเด็จพระเพทราชาเมื่อพระยารามเดโช(ชู)เชื้อสายจามแข็งเมือง และบุตรชายคือพระยาราชวังสัน(มะหมุด)ซึ่งเป็นจางวางอาสาจามขณะนั้นคงจะอยู่รับราชการไม่ได้ ตำแหน่งจางวางอาสาจามจึงว่างลง สมเด็จพระเพทราชาจึงทรงแต่งตั้งท่านฮะซัน(บุตรสุลต่านสุลัยมานชาห์)เป็นพระยาราชวังสันแทน คงเนื่องจากเห็นว่ามีความชำนาญเรื่องการเดินเรือและเป็นมุสลิมเช่นเดียวกับทหารในกองอาสาจาม

สายสกุลของสุลต่านสุลัยมานชาห์จึงได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยาราชวังสันจางวางอาสาจามตั้งแต่นั้นมา และแม้ว่าพระยาราชวังสัน(ฮะซัน)จะต้องโทษถูกประหารชีวิตในครั้งศึกนครศรีธรรมราชก็ตาม แต่ต่อมาในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ (ครองราชย์ 2251 - 2275) ท่านตะตาซึ่งเป็นบุตรของพระยาแก้วโกรพพิชัยพระยาแก้วโกรพพิชัยท่านนี้คือท่านฮูเซน บุตรสุลต่านสุลัยมานชาห์และเป็นพี่ชายของท่านฮะซัน ก็ได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นพระยาราชวังสัน และต่อมาเมื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้พระยาราชวังสัน(ตะตา)เป็น พระยาแก้วโกรพพิชัยแทนบิดา ก็โปรดแต่งตั้งให้น้องชายของท่านตะตาเป็นพระยาราชวังสันแทน ตำแหน่งพระยาราชวังสันได้รับการสืบทอดในสายสกุลสุลต่านสุลัยมานจนสิ้นกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในสมัยกรุงธนบุรี ไม่มีปรากฏว่ามีตำแหน่งพระยาราชวังสัน แต่หากมีการใช้ทัพเรือเป็นทัพหลวงเมื่อใดสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดแต่งตั้งให้เจ้าพระยาจักรี(หมุด)เป็นแม่ทัพเรือทุกครั้งจนกระทั่งเจ้าพระยาจักรี(หมุด)ถึงอสัญกรรม เมื่อสิ้นกรุงธนบุรี จึงเริ่มปรากฏตำแหน่งพระยาราชวังสันอีกครั้ง โดยในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีพระยาราชวังสัน(หวัง) และต่อมา พระยาราชวังสัน(แม้น) พระยาราชวังสัน(ฉิม) พระยาราชวังสัน(นก)และพระยาราชวังสัน(บัว)ซึ่งเป็นพระยาราชวังสันท่านสุดท้ายที่ดำรงตำแหน่งจางวางอาสาจาม ซึ่งทุกท่านล้วนแล้วแต่สืบเชื้อสายมาจากสุลต่านสุลัยมานชาห์ทั้งสิ้น

บรรดาบุตรของ สุลต่าน สุลัยมาน ชาห์ คือ มุสตอฟา ฮะซัน และฮุเซน ถูกจับขึ้นไปยังกรุงศรีอยุธยา ต่อมาพวกเขาได้รับพระกรุณาธิคุณจนได้รับศักดินาสูงส่ง มุสตอฟา ได้เป็นพระยาไชยา ฮะซันได้เป็นพระยาราชวังสัน และฮุเซนได้เป็นพระยาพัทลุงคนที่ 3

พระราชพงศาวดารเมืองพัทลุงกล่าวถึงประวติสุลต่านสุลัยมานไว้ว่า พระยาพัทลุง (ขุน) กับพระยาสมุทรบุรานุรักษ์ (หวัง) ได้เล่ามาแล้วว่า ทั้งสองท่านนี้ สืบสายสกุลลงมาจากสุลต่านสุลัยมานซึ่งอพยพเข้ามายึดชัยภูมิตั้งบ้านเมืองที่ตำบลหัวเขาแดงตั้งแต่รัชสมัย สมเด็จพระเอกาทศรฐ พ.ศ. 2148 โน้น

จริงๆ แล้วผู้นำที่นำพวกพ้องชาวชวาเมืองสาเลห์ หรือสเลมานอพยพลงเรือมาอยู่ที่หัวเขาแดงนั้น คือบิดาของสุลต่านสุลัยมาน ชื่อ “ดะโต๊ะ โมกอล” ส่วนสุลต่านสุลัยมานเองขณะนั้นยังเด็กอายุประมาณ 10 ขวบ สาเหตุที่ต้องอพยพมาก็เพื่อหนีจากนักล่าอาณานิคมชาวฮอลันดา ซึ่งกำลังเพิ่งจะเริ่มขยายอำนาจเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชุมชนของท่านสุลต่านได้พยายามต่อต้านอำนาจของชาวฮอลันดาที่รุกรานเข้ามาครอบครองแล้วพ่ายแพ้

สมัยนั้นเมืองพัทลุงมีแล้ว แต่เมืองขณะนั้นตั้งอยู่ที่เมืองสทิงพระ (สมัยโบราณเป็นเมืองเก่าเรียกว่าสตรึงเพรียะ ตั้งแต่อาณาจักรศรีวิชัยโน่น ชื่อเสียงจึงฟังเป็นเขมรๆ)

ก่อนดะโต๊ะ โกมอล นำครอบครัวพวกพ้องบริวารมาขึ้นที่ชายหาดหัวเขาแดง เป็นเวลาที่กำลังมีพวกโจรสลัดเข้าปล้นเมืองพัทลุง โดยที่เจ้าเมืองไม่อาจต่อสู้ได้ พวกโจรสลัดกระทำย่ำยีโหดเหี้ยม เจ้าเมืองเกรงพระราชอาญาจึงชิงฆ่าตัวตาย ส่วนกรมการเมืองทั้งหมดลงพระราชอาญาจำตรวนคุมตัวเข้ากรุงศรีอยุธยาหมด

อีก 4-5 ปีต่อมา เมืองพัทลุงก็โดนโจรสลัดปล้นอีก คราวนี้เป็นพวกโจรสลัดปลายแหลมมะลายู เจ้าเมืองพัทลุงอ่อนแออีกปล่อยให้พวกโจรสลัดกระทำย่ำยีชาวบ้านชาวเมือง จนพวกราษฎรพากันหวาดกลัวไปทั่ว

เมื่อพวก ดะโต๊ะ โมกอล บิดา ของสุลัยมานยกกองเรืออพยพเข้ามาอยู่หัวเขาแดงเป็นการใหญ่ พวกชาวบ้านชาวเมืองจึงกลัวกันมาก ทว่า เมื่อเห็นว่าพวกนี้เข้ามาสร้างเพิงสร้างที่พักอยู่กันอย่างสงบจึงค่อยหายกลัวและกลายเป็นมิตรกัน แม้จะนับถือกันคนละศาสนา

เรื่องนี้ มีผู้ที่ไม่ทราบจริง เข้าใจว่า ดะโต๊ะ โมกอล ตลอดจนสุลต่านสุลัยมานผู้ลูกชายเป็นโจรสลัดเข้ามาปล้นและครองเมืองพัทลุงในที่สุด ซึ่งไม่เป็นความจริง ความจริงเป็นดังที่เล่าโดยนำมาจากประวัติเมืองพัทลุง และประวัติของสุลต่านสุลัยมานอันเป็นเอกสารเก่าๆ บ้าง ตำนานบ้างประกอบกันหลายเล่มหลายเรื่อง

ทีนี้เล่าต่อไปว่า เพราะเหตุใดสุลัยมานจึงเป็น ‘สุลต่าน’ ( ‘สุลต่าน’ หมายถึงเจ้าหรือกษัตริย์ครองบ้านเมืองแว่นแคว้น ส่วน ‘กาหลิบ’ มีฐานะสูงส่งกว่า เป็นตำแหน่งศักดิ์สิทธิ์เป็นใหญ่ที่สุดของศาสนาด้วยเป็นกษัตริย์ด้วย)

คือต่อมาเมื่อทางกรุงศรีอยุธยา เห็นว่า บรรดาพวกชวาที่อพยพมานั้น รักสงบ และเข้มแข็ง สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (พระราชโอรสในสมเด็จพระเอกาทศรฐ) จึงทรงตั้งให้ ดะโต๊ะ โมกอล เป็นข้าหลวงใหญ่ผู้สำเร็จราชการเมืองพัทลุง หรือเจ้าเมืองพัทลุงนั่นเอง แต่เรียกกันตามแบบแผนการปกครองในสมัยนั้น ทว่าบทความนี้มิใช่วิชาการจึงขอผ่านไป

เมื่อ ดะโต๊ะ โมกอล ถึงแก่อสัญกรรม (พ.ศ. 2163) ในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม กรุงศรีอยุธยาจึงให้ สุลัยมานบุตรชายคนโตของดะโต๊ะฯ เป็นข้าหลวงใหญ่ พัทลุงสืบต่อสุลัยมานได้ให้ฟารีซี น้องชายคนรองเป็นปลัดเมือง

สุลัยมานเป็นข้าหลวงใหญ่ เมืองพัทลุงได้ประมาณสิบปี ระหว่างนี้ก็ได้พัฒนาเมืองหัวเขาแดงให้เจริญเป็นเมืองท่าสำคัญ

สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมครองกรุงศรีอยุธยาอยู่ 10 ปี ก็สวรรคต ระหว่างนี้กรุงศรีอยุธยาเกิดเหตุการณ์ยุ่งเหยิงด้วยเรื่องแย่งชิงราชสมบัติ พระราชโอรสของพระเจ้าทรงธรรมยังเล็กๆ สององค์ขึ้นครองราชย์ต่อองค์ใหญ่ ครองอยู่ 1 ปี 7 เดือน องค์เล็กครองอยู่ 6 เดือน ก็โดนเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ จับประหาร แล้วขึ้นครองราชย์เอง ทรงนามว่าสมเด็จพระเจ้าปราสตอนนี้แหละที่ชาวต่างชาติทั้งหลายทั้งปวง รวมทั้งหัวเมืองปักษ์ใต้ (หรือปากใต้) พากันแข็งเมือง เพราะส่วนมากเห็นว่า พระเจ้าแผ่นดินโหดร้ายปราศจากศีลธรรมชาวต่างชาตินั้นก็มียามาดะ ชาวญี่ปุ่น ซึ่งในสมัยพระเจ้าทรงธรรมได้เป็นออกญาเสนาภิมุข รวมทั้งสุลัยมานข้าหลวงใหญ่เมืองพั ในที่นี้น่าตั้งข้อสังเกตว่า พระเจ้าทรงธรรมนั้นคงจะ ‘ทรงธรรม’ จริงๆ ตลอดเวลาที่ขึ้นครองราชย์ 26 ปี เพราะดูจะมีคนรักภักดี และซื่อสัตย์ด้วยกันมาก ทั้งๆ ที่ตามพระราชประวัติเคยบวชเป็นพระพิมลธรรมแล้วกบฏจับพระเจ้าศรีเสาวภาคย์ พระราชโอรสพระเอกาทศรฐ ประหารเสีย เมื่อครองราชย์ได้เพียง 1 ปี 2 เดือนเท่านั้นเ

กลับมาที่สุลัยมานใหมสุลัยมานประกาศแข็งเมืองต่อพระเจ้าปราสาททอง และไม่ขึ้นต่อนครศรีธรรมราชเมืองเอกต่อไป สถาปนาเมืองพัทลุงเป็นรัฐสุลต่านดังนั้น ผู้คนจึงเรียกสุลัยมานว่า สุลต่านสุลัยมาน เพราะปกครองรัฐอยู่ถึง 26 ปี ตลอดระยะเวลาที่พระเจ้าปราสาททองครองราชย์อยู่ โดยทางกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าปราสาททอง ส่งกองทัพมาปราบหลายครั้งก็สู้ไม่ได้พ่ายแพ้ไปทุกครั้ง กลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเรื่อยมาขณะเป็นสุลต่าน สุลต่านสุลัยมานได้ให้น้องชาย คือฟาราซี ปลัดเมืองพัทลุง ไปสร้างเมืองใหม่ที่เขาไชยบุรี (พัทลุงปัจจุบันนี้) ส่วนรัฐสุลต่านละความสำคัญจากเมืองพัทลุงท่าที่สทิงพระ มาปักหลักอยู่หัวเขาแดง ครอบครองไปถึงเมืองเก่าสิงขรา หรือสิงขรานัครัม (คือสงขลา) รวมเป็นรัฐสุลต่านด้วยสุลต่านสุลัยมาน ครองรัฐอยู่จนถึงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระราชโอรสในพระเจ้าปราสาททอง บุตรชายใหญ่ของสุลต่าน คือ มุสตาฟา ได้เป็นสุลต่านต่อมาจนถึง พ.ศ. 2223 ปลายสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ก่อนเสด็จสวรรคตเพียงปีเดียว รัฐสุลต่านจึงยอมแพ้ (ว่ากันว่าเพราะกลอุบายของพระยารามเดโช เป็นมุสลิมนิกายสุหนี่ หรือสุนี เช่นเดียวกับพวกสุลต่านสุลัยมานซึ่งสมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงส่งมาครองนครศรีธรรมราชเพื่อปราบรัฐสุลตเมืองพัทลุงหัวเขาแดงที่มีป้อมแข็งแรงถูกทำลายไปมาก เมืองพัทลุงจึงย้ายไปตั้งที่เขาไชยบุรี ซึ่งฟาราซีหรือเพราซี น้องชายสุลต่านสุลัยมานไปสร้างไว้ตามคำสั่งของสุลต่านสุลัยมานสมเด็จพระนารายณ์ฯ จึงโปรดให้ฟาราซี ดำรงตำแหน่งข้าหลวงใหญ่ผู้สำเร็จราชการ เมืองพัทลุงต่อไป ฟาราซี ถึงแก่อสัญกรรม พ.ศ. 2225 ปีเดียวกับสมเด็จพระนารายณ์ฯ สวรรคตต่อจากนั้น หากมีเชื้อสายสุลต่านสุลัยมาน รับราชการเป็นผู้ใหญ่พอที่จะดำรงตำแหน่งข้าหลวงใหญ่ หรือเจ้าเมืองได้ก็มักจะโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนี้ห็นได้ว่า ตั้งแต่เมืองพัทลุงตั้งที่เขาไชยบุรี ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง 8 คน มีเชื้อสายสุลต่านสุลัยมานถึง 4 คน จนถึง พ.ศ. 2310 เจ้าเมืองพัทลุงคนสุดท้ายก่อนกรุงศรีอยุธยาแตก คือพระภักดีเสนา (แขก) เรียกกันว่า ‘แขก’ คงหมายถึงเชื้อสายสุลต่านสุลัยมานผู้เป็นแขกชวานั่นเอง

พระภักดีเสนา (แขก) เป็นเหลน (ปู่ทวด) ของสุลต่านสุลัยมาน เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพระยาพัทลุง (ขุน หรือ ขุนคางเหล็ก) ได้เป็นเจ้าเมืองพัทลุง ตั้งแต่ พ.ศ. 2306-2310) เมื่อกรุงศรีอยุธยาถูกพม่าล้อม ถูกเรียกให้ไปรบพม่าป้องกันกรุง ถึงแก่ความตายในการรบส่วนพระยาพัทลุง (ขุน) เป็นบุตรชายของพระยาราชบังสัน (ตะตา) พระยาราชบังสัน (ตะตา) เป็นเจ้าเมืองพัทลุงคนที่ 7พระยาราชบังสัน (ตะตา) เป็นบุตรชายของพระยาจักรีเจ้าเมืองพัทลุง (ดะโต๊ะ ฮูเซน) เจ้าเมืองพัทลุง คนที่ 3ดะโต๊ะ ฮูเซน เป็นบุตรชายของสุลต่านสุลัยพระยาพัทลุง (ขุน) นั้น มีประวัติว่าเกิดและเติบโตในกรุงศรีอยุธยา จึงพูดภาษาปักษ์ใต้ไม่เป็น เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็ก เด็กชาในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เมื่ออายุ 14 ปี ต่อมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกได้เข้าถวายตัวช่วยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นครั้งแรก ตามเสด็จลงไปปราบก๊กเจ้านครศรีธรรมราช พ.ศ. 2312 ขณะนั้นอายุ 35 ปี (เกิด พ.ศ. 2277) จึงได้เป็นพระยาภักดีนุชิต สิทธิสงคราม ผู้ช่วยราชการนครศรีธรรมราช ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2315 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โปรดฯให้ไปเป็นเจ้าเมืองพัทลุง) ในราชทินนาม พระยาแก้วโกรพพิชัยฯ เช่นเดียวกับบิดา พระยาราชบังสัน (ตะตา) ซึ่งมีราชทินนามว่า พระยาแก้วโกรพพิชัยฯ เช่นกัน ทว่าสร้อยต่างกัน ภายหลังกรุงศรีอยุธยาแตก พระยาพัทลุง (ขุน) กับพี่น้องญาติๆ ได้พากันอพยพมาอยู่หมู่บ้านบริเวณใกล้ๆ วัดหนัง (วัดราชสิทธาราม) ไม่ห่างไกลกันนักกับพวกญาติๆ เชื้อสายเดียวกัน ซึ่งตั้งเคหสถานอยู่ใกล้วัดหงส์รัตนาราม ในคลองบางกอกใหญ่ หรือคลองบางหลวง พระยาพัทลุง (ขุน) ได้คุณหญิงแป้น น้องร่วมบิดามารดากับท้าวทรงกันดาลเป็นภรรยา สกุลแขกเชื้อสายสุลต่านสุลัยมาน สกุลมอญ สกุลไทยชาวสวนบางเชือกหนัง จึงพัลพันไปมาหาสู่สนิทคุ้นเคยกัน


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301