ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

สำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา

สำนักงานสอบสวนกลาง ย่อว่า เอฟบีไอ (อังกฤษ: Federal Bureau of Investigation: FBI) เป็นหน่วยงานด้านข่าวกรองและความมั่นคงภายในของสหรัฐ และเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในระดับกลางของสหรัฐ ปฏิบัติหน้าที่ภายในเขตอำนาจของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ทั้งเป็นสมาชิกของประชาคมข่าวกรองสหรัฐ รายงานตรงต่อทั้งอัยการสูงสุดสหรัฐและผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ อนึ่ง เอฟบีไอยังเป็นองค์การหลักของสหรัฐในการต่อต้านการก่อการร้าย การต่อต้านข่าวกรอง และการสืบสวนอาชญากรรม โดยมีเขตอำนาจเหนือการละเมิดกฎหมายในกลุ่มอาชญากรรมกลางกว่า 200 กลุ่ม

แม้ว่าหน้าที่หลายอย่างของเอฟบีไอจะมีเอกลักษณ์เฉพาะ กิจกรรมของเอฟบีไอในการสนับสนุนงานด้านความมั่นคงแห่งชาตินั้นเทียบได้กับบทบาทของหน่วยงานเอ็มไอไฟฟ์ (MI5) ของบริเตน และเอฟเอสบี (FSB) ของรัสเซีย แต่ไม่เหมือนกับสำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) เพราะซีไอเอไม่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย และเน้นการรวบรวมข่าวกรองจากต่างประเทศ ขณะที่เอฟบีไอเป็นหน่วยงานภายในประเทศ โดยมีสำนักงานภาคสนาม (field office) 56 แห่งในนครหลักทั่วสหรัฐ ทั้งสำนักงานประจำ (resident office) อีก 400 แห่งในนครเล็กและท้องที่อื่นทั่วประเทศ ที่สำนักงานภาคสนาม เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสจะทำหน้าที่เป็นผู้แทนผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติไปพร้อมกันด้วย

แม้จะเน้นเรื่องภายในประเทศ เอฟบีไอก็ยังมีเขตบริการระหว่างประเทศ (international footprint) ที่สำคัญอยู่หนึ่งเขต ทำหน้าที่บริหารสำนักงานนิติกรทูต (Legal Attache office) 60 แห่ง กับสำนักงานย่อย (sub-office) อีก 15 แห่ง ซึ่งอยู่ในสถานทูตและกงสุลสหรัฐทั่วโลก สำนักงานต่างแดนเหล่านี้มีขึ้นเพื่อประสานงานกับหน่วยงานราชการด้านความมั่นคงในต่างประเทศเป็นหลัก และโดยปรกติแล้วจะไม่ปฏิบัติการฝ่ายเดียวภายในประเทศที่ตั้งสำนักงาน อนึ่ง เอฟบีไอยังสามารถดำเนินกิจกรรมลับในต่างประเทศ ซึ่งก็ได้ปฏิบัติในบางครั้ง ในทำนองเดียวกับที่ซีไอเอมีหน้าที่จำกัดในประเทศ กิจกรรมดังกล่าวโดยทั่วไปแล้วต้องอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงาน

เอฟบีไอก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2451 ในฐานะ สำนักงานสอบสวน ซึ่งย่อว่าบีโอไอ หรือบีไอ และเปลี่ยนชื่อเป็น สำนักงานสอบสวนกลาง ย่อว่า เอฟบีไอ ใน พ.ศ. 2478 สำนักงานใหญ่เอฟบีไออยู่ที่อาคารเจ. เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ ในวอชิงตัน ดี.ซี.

เป้าหมายหลักของเอฟบีไอคือปกป้องและป้องกันสหรัฐ ส่งเสริมและบังคับใช้กฎหมายอาญาของสหรัฐ และเพื่อสร้างเสริมความเป็นผู้นำและการบริการความยุติธรรมทางอาญาให้แก่ รัฐบาลกลาง รัฐ เทศบาล และหน่วยงานนานาชาติ

ในปี พ.ศ. 2439 สำนักงานการระบุตัวอาชญากรแห่งชาติ (อังกฤษ: National Burau of Criminal Identification; NCBI) ได้ถูกก่อตั้งขี้น ซึ่งมีหน้าที่ให้ข้อมูลเพื่อระบุตัวอาชญากรที่เป็นที่รู้จักแก่หน่วยงานทั่วประเทศ จนกระทั่งมีการลอบสังหารประธานาธิบดี วิลเลียม แมกคินลีย์ ในปี พ.ศ. 2444 ก็ทำให้พวกเขารู้โดยทันทีว่าอเมริกาอยู่ภายใต้การคุกคามจากผู้นิยมอณาธิปไตย แม้กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงแรงงานสหรัฐจะได้จัดเก็บข้อมูลของผู้นิยมอณาธิปไตยมาเป็นปีแล้ว แต่ประธานาธิบดี ธีโอดอร์ โรสเวลต์ ต้องการอำนาจมากกว่าเดิมในการสังเกตการณ์พวกเขา

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้รับหน้าที่ให้ดูแลกฎระเบียบการค้าระหว่างรัฐตั้งแต่ปี พ.ศ. 2430 แม้จะขาดแคลนบุคลากรก็ตาม ทำให้เกิดมีความพยายามเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะบรรเทาปัญหาการขาดแคลนบุคลากร จนกระทั่งมีเรื่องอื้อฉาวการโกงที่ดินใน รัฐออริกอน ประธานาธิบดีโรสเวลต์ได้สั่งให้อัยการสูงสุดชาร์ลส์ โบนาปาร์ต จัดตั้งหน่วยงานราชการด้านการสืบสวนอย่างอิสระซึ่งจะรายงานต่ออัยการสูงสุดเท่านั้น

อัยการสูงสุดโบนาปาร์ตได้ยืมมือจากหน่วยงานอื่นๆ รวมถึงหน่วยราชการลับ (อังกฤษ: U.S. Secret Service; USSS) ในเรื่องกำลังพลหรือก็คือพนักงานสืบสวนนั่นเอง ในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2451 รัฐสภาสหรัฐห้ามไม่ให้กระทรวงยุติธรรมใช้บุคลากรจากกระทรวงการคลัง โดยอ้างว่าพวกเขาเกรงว่าหน่วยงานใหม่จะกลายเป็นกรมตำรวจลับ อีกครั้งจากการชี้แนะของประธานาธิบดีโรสเวลต์ อัยการสูงสุดโบนาปาร์ตได้ย้ายไปจัดตั้งสำนักงานสอบสวนอย่างเป็นทางการ ซึ่งภายหลังก็ได้มีเจ้าหน้าพิเศษ (อังกฤษ: Special Agents) เป็นของตนเอง

สำนักงานสอบสวนก่อตั้งในวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2451 อัยการสูงสุดโบนาปร์ตได้ใช้กองทุนค่าใช้จ่ายของกระทรวงยุติธรรมจ้างคน 34 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์บางคนของหน่วยราชการลับ เพื่อทำงานในหน่วยงานสืบสวนสอบสวนแห่งใหม่ อธิบดีของที่นี้คนแรก (ปัจจุบันรู้จักในนามผู้อำนวยการ) คือ สแตนลีย์ ฟินช์ อัยการสูงสุดโบนาปาร์ตได้แจ้งต่อรัฐสภาสหรัฐเกี่ยวกับการกระทำเหล่านี้ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2451

หน้าที่แรกอย่างเป็นทางการของสำนักงานคือทำการสำรวจย่านค้าประเวณี เพื่อเตรียมตัวในการบังคับใช้รัฐบัญญัติแมนน์ (อังกฤษ: Mann Act) ที่ได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายไปเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2453 และในปี พ.ศ. 2475 สำนักงานได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นสำนักงานสอบสวนแห่งสหรัฐอเมริกา (อังกฤษ: United States Bureau of Investigation)

ในปีต่อมา พ.ศ. 2476 สำนักงานสอบสวนก็ได้ถูกรวมเข้ากับสำนักงานสิ่งของต้องห้าม (อังกฤษ: Bureau of Prohibition) และได้ชื่อใหม่ว่าแผนกสอบสวนย่อว่า ดีโอไอ (อังกฤษ: Division of Investigation; DOI) ก่อนจะมาเป็นหน่วยงานราชการอิสระภายใต้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐในปี พ.ศ. 2478 และในปีเดียวกันชื่อก็ได้ถูกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการโดยเจ. เอ็ดการ์ ฮูเวอร์กลายเป็นชื่อเดียวกันกับปัจจุบันคือ สำนักงานสอบสวนกลาง (อังกฤษ: Federal Bureau of Investigation; FBI)

เจ เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ รับราชการเป็นผู้อำนวยการเอฟบีไอตั้งแต่ปี 2467 ถึง 2515 รวมทั้งหมด 48 ปีรวมกันทั้งบีโอไอ ดีโอไอ และเอฟบีไอ เขามีส่วนรับผิดชอบที่สำคัญก่อตั้ง แล็บวิจัยการตรวจจับอาชญากรรมทางวิทยาศาสตร์ หรือ แล็บวิจัยเอฟบีไอ (อังกฤษ: FBI Laboratory) ซึ่งได้เปิดอย่างเป็นทางการในปี 2475 โดยเป็นส่วนหนึ่งทำงานของเขาเพื่อเพิมความเป็นมืออาชีพในการสืบสวนโดยรัฐบาล ฮูเวอร์ได้มีส่วนเกี่ยงข้องอย่างเป็นจริงเป็นจังต่อคดีใหญ่ๆและโครงกานส่วนมากที่เอฟบีไอรับผิดชอบในขณะที่เขาดำรงตำแหน่ง แต่จากรายละเอียดข้างล่างนี้ เขาเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการถกเถียงกันมากมายในเรื่องดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการเอฟบีไอ โดยเฉพาะในช่วงปีหลัง ๆ หลังจากการเสียชีวิตของฮูเวอร์ รัฐสภาสหรัฐได้ผ่านกฎหมายซึ่งได้จำกัดเวลาดำรงตำแหน่งของผอ.เอฟบีไอในอนาคตเป็น 10 ปี

การสืบสวนคดีฆาตกรรมในช่วงแรกเริ่มของหน่วยงานใหม่นั้นรวมถึง คดีฆาตกรรมโอเซจอินเดียนด้วย (อังกฤษ: Osage Indian murders) ในช่วงสงครามอาชญากรรมตั้งแต่ปี 2473 เจ้าหน้าที่เอฟบีไอจับกุมและวิสามัญอาชญากรฉาวโฉ่ได้เป็นจำนวนมาก ทั้งจากคดีลักพาตัว โจรกรรม และฆาตกรรมจากทั่วทั้งประเทศ โดยรวมถึง จอห์น ดิลลิงเจอร์ ด้วย

อีกกิจกรรมหนึ่งในช่วงทศวรรษแรกคือการมีบทบาทชี้ขาดในการลดขอบเขตและอิทธิพลของคูคลักซ์แคลน นอกจากนี้จากการทำงานของเอดวิน อาเธอร์ตัน บีโอไอกล่าวอ้างว่าพวกเขาได้รับความสำเร็จในการจับกุมกองกำลังทั้งหมดของคณะปฏิวัติแนวคิดใหม่ชาวเม็กซิโก ภายใต้การนำของนายพลเอนรีเก เอสตราดาตอนกลางช่วงปี 2463 ตะวันออกของซานดีเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย

ฮูเวอร์เริ่มใช้การดักฟังโทรศัพท์ในปี 2463 ระหว่างการใช้กฎสิ่งของต้องห้าม (อังกฤษ: Prohibition) เพื่อการจับกลุ่มผู้ลักลอบค้าของเถื่อน ในคดีออล์มสเตด วี ยูไนเต็ด สเตทปี 2470 (อังกฤษ: Olmstead v. United States) ซึ่งผู้ลักลอบค้าของเถื่อนได้ถูกจับได้ผ่านการดักฟังโทรศัพท์ ศาลสูงสุดสหรัฐกล่าวว่าการดักฟังของเอฟบีไอจะไม่ละเมิดมาตรา 4 (อังกฤษ: Fourth Amendment) ในเรื่องการตรวจค้นและการตวจยึดอย่างผิดกฎหมายก็ต่อเมื่อ เอฟบีไอไม่ได้เข้าไปในบ้านของใครดดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อให้สำเร็จการดักฟังโทรศัพท์ หลังจากได้ยกเลิกการใช้กฎสิ่งของต้องห้าม รัฐสภาสหรัฐได้ผ่านรัฐบัญญัติการสื่อสารปี 2477 (อังกฤษ: Communications Act of 2477) ซึ่งระบุให้การดักฟังโทรศัพท์อย่างไม่ได้รับการยินยอมนั้นผิดกฎหมาย แต่อนุญาตให้มีการดักฟังได้ ในคดีนาร์ดัน วี ยูไนเต็ด สเตทปี 2482 (อังกฤษ: Nardone v. United States) ศาลกล่าวว่าจากกฎหมายปี 2477 หลักฐานที่เอฟบีไอได้มาจากการดักฟังโทรศัพท์ไม่สามารถจะยอมรับได้ในชั้นศาล หลังจากคดีแคทซ์ วี ยูไนเต็ด สเตทปี 2510 (อังกฤษ: Katz v. United State) ได้กลับคดีปี 2470 ที่ได้อนุญาตให้มีการดักฟังได้ รัฐสภาสหรัฐได้ผ่านรัฐบัญญัติควบคุมอาชญากรรมรวมเรื่อง (อังกฤษ: Omnibus Crime Control Act) ซึ่งอนุญาตให้เจ้าหน้าที่สาธารณะทำการดักฟังโทรศัพท์ระหว่างสืบสวนได้ หากพวกเขาได้รับหมายศาลมาก่อน

เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงปี 2483 ถึงช่วงปี 2513 สำนักงานได้สืบสวนหลาย ๆ คดีเกี่ยวกับการจารกรรมต่อสหรัฐและชาติพันธมิตร เจ้าหน้าที่นาซี 8 คนซึ่งได้วางแผนวินาศกรรมต่อเป้าหมายอเมริกาได้ถูกจับและอีก 6 คนถูกประหาร (คดี Ex parte Quirin) ภายใต้คำพิพากษาของพวกเขา และเช่นกัน ณ เวลาขณะนั้น ความพยายามแกะรหัสร่วมกันระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรซึ่งเรียกว่า โปรเจกต์วีโนนา (อังกฤษ: Venona Project) ซึ่งเอฟบีไอได้เข้าไปมีส่วนร่วมเป็นอย่างมาก สามารถแกะรหัสการสื่อสารด้านข่าวกรองและการทูตโซเวียตได้ ทำให้รัฐบาลสหรัฐและบริเตนอ่านการสื่อสารของโซเวียตได้ ความพยายามนี้เป็นตัวพิสูจน์ถึงการมีอยู่ของชาวอเมริกาที่ทำงานในสหรัฐด้านข่าวกรองโซเวียต ฮูเวอร์เองทำหน้าที่บริหารโปรเจกต์นี้แต่เขาเพิกเฉยแจ้งให้สำนักข่าวกรองกลางหรือซีไอเอทราบจนกระทั่งปี 2495 คดีที่มีชื่อเสียงอีกคดีนึงคือ การจับกุมสายลับโซเวียตชื่อ รูดอล์ฟ เอเบล ในปี 2500 จากการค้นพบสายลับโซเวียตปฏิบัติการในสหรัฐทำให้ฮูเวอร์สามารถทำตามแนวคิดที่มีมาอย่างยาวนานของเขากับภัยคุกคามที่เขาได้รับมาจากฝ่ายซ้าย ตั้งแต่ผู้จัดตั้งสหภาพพรรคคอมมิวนิสต์สหรัฐอเมริกาไปจนถึงพวกเสรีนิยมชาวอเมริกา

ในปี 2482 สำนักงานเริ่มรวบรวมรายขื่อการคุมขัง (อังกฤษ: Custodial Detention List) ซึ่งมีรายชื่อคนที่จะถูกนำไปคุมขังในสถานการณ์สงครามกับชาติอักษะ ชื่อส่วนใหญ่ในรายชื่อเป็นของผู้นำชุมชนอิสเซ เพราะการสืบสวนของเอฟบีไอสร้างมาจากรายชื่อของสำนักงานข่าวกรองกองทัพเรือที่มีอยู่ ซึ่งจะเน้นไปที่ชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นในฮาวายและชายฝั่งตะวันตก แต่พลเมืองชาวเยอรมันและอิตาลีหลาย ๆ คนก็มีชื่ออยู่ในรายชื่อลับเช่นกัน โรเบร์ต ชีเวอรส์หัวหน้าสำนักงานโฮโนลูลูได้รับอนุญาตจากฮูเวอร์ให้เริ่มการจับกุมคนที่อยู่ในรายชื่อได้เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2484 ในขณะที่ระเบิดยังคงตกลงใส่ท่าเพิร์ล การตรวจค้นบ้านและการจับกุมอย่างล้นหลาม (ส่วนมากกระทำโดยไม่มีหมายศาล) เริ่มต้นขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังการโจมตีและในหลายอาทิตย์ต่อมา ชาวอิสเซมากกว่า 5500 คนถูกคุมตัวโดยเอฟบีไอ ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2485 ประธานาธิบดีแฟรงกลิน โรสเวลต์ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหารที่ 9066 (อังกฤษ: Executive Order 9066) ซึ่งได้มอบอำนาจในการขับไล่ชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นออกจากชายฝั่งตะวันตก ผู้อำนวยการเอฟบีไอฮูเวอร์ได้ต่อต้านการคุมขังและการขับไล่จำนวนมากที่จะตามมาจากข้อบังคับใช้เกี่ยวกับชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นภายใต้คำสั่งบริหารที่ 9066 แต่โรสเวลต์ก็เอาชนะได้ เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับคำสั่งยกเว้นที่ตามมา แต่ในบางกรณีซึ่งชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบทางทหารใหม่ เจ้าหน้าที่เอฟบีไอก็จัดการจับกุมด้วยตัวเอง สำนักงานทำการสังเกตการณ์ชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงสงคราม ทำการตรวจสอบภูมิหลังผู้ขอตั้งถิ่นฐานนอกค่ายและการเข้ามาในค่าย (ส่วนใหญ่โดยไม่มีการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ทางการของกองบังคับการย้ายถิ่นฐานระหว่างสงคราม) และทำการฝึกสายข่าวเพื่อการจับตาพวกต่อต้านและพวกสร้างปัญหา หลังจากสงคราม เอฟบีไอได้รับมอบหมายให้ปกป้องชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นที่กลับมาจากการโจมตีของชุมชนผิวขาวที่ไม่เป็นมิตร

สำนักงานสอบสวนกลางแบ่งออกเป็นสาขาการทำงาน และสำนักงานผู้อำนวยการซึ่งประกอบด้วยสำนักงานบริหารส่วนมาก ผู้ช่วยผู้อำนวยการบริหารมีหน้าที่จัดการสาขาต่างๆ แต่ละสาขาก็ยังสามารถแบ่งออกเป็นสำนักงานและแผนกอีกทีซึ่งมีผู้ช่วยผู้อำนวยการเป็นหัวหน้า โดยที่แผนกต่างๆยังสามารถแบ่งออกเป็นสาขาย่อย ซึ่งมีรองผู้ช่วยผู้อำนวยการเป็นหัวหน้า ในสาขาย่อยพวกนี้ก็สามารถแบ่งออกเป็นฝ่ายได้อีก โดยมีหัวหน้าฝ่ายเป็นหัวหน้าซึ่งเป็นตำแหน่งที่คล้ายกับเจ้าหน้าที่พิเศษรักษาการ สาขา 4 สาขารายงายต่อรองผู้อำนวยการ ในขณะที่อีก 2 สาขารายงานต่อผู้อำนวยการช่วยว่าการ สาขาการทำงานของสำนักงานสอบสวนกลาง มีดังนี้:

สำนักงานผู้อำนวยการทำหน้าที่เป็นส่วนบริหารกลางของเอฟบีไอ อำนวยงานด้านการสนับสนุนบุคลากร (เช่น การจัดการอาคารและการเงิน) ให้กับสาขาการทำงาน 5 สาขาและแผนกภาคสนามต่างๆ สำนักงานได้รับการจัดการโดยผู้อำนวยการช่วยว่าการ ผู้ซึ่งดูแลการทำงานของทั้งสาขาทรัพยากรมนุษย์และสาขาสารสนเทศและเทคโนโลยี


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

อาสวกิเลส อวิชชา เอ็มพีแอลเอส ภาวะถ่ายโอนแบบไม่ประสานเวลา แวน สมาร์ทโฟน ไลน์ (โปรแกรมประยุกต์) แอลทีอี 4 จี 3 จี วีโอไอพี บริการข้อความสั้น ใยแก้วนำแสง ระบบโทรศัพท์ การกล้ำสัญญาณ เนตเวิร์กสวิตช์ เราต์เตอร์ สัญญาณดิจิทัล ซิมเพล็กซ์ สายอากาศ เสาอากาศ แลน Transmission Control Protocol อินเทอร์เน็ตโพรโทคอล แพ็กเกตสวิตชิง ดาวเทียมสื่อสาร การพูด การสื่อสารภายในบุคคล การประชาสัมพันธ์ การโฆษณาชวนเชื่อ การตลาด การสื่อสารระหว่างบุคคล ไอแซค อสิมอฟ เขามาจากดาวอังคาร อินุยาฉะ เทพอสูรจิ้งจอกเงิน สโลว์สเต็ป สัญกรณ์โอใหญ่ พรีไบโอติกส์ ป. อินทรปาลิต การเวก (พืช) การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ สีเทา สีขาว สีน้ำตาล ม่วง เขียว น้ำเงิน สีกากี ชมพู ระบบสี RGB SVG เบราว์เซอร์ แม่สีแสง CSS RGB เวิลด์ไวด์เว็บคอนซอร์เทียม เว็บจีแอล จาวาสคริปต์ Font family (HTML) ซีเอสเอส สไตล์ชีต ด็อม ซี-เอชทีเอ็มแอล เอกซ์เอชทีเอ็มแอล เอชทีเอ็มแอล5 COLOR ISO 11940 ธอง แม่กุญแจสีม่วง ไวต่ออักษรใหญ่เล็ก แม่กุญแจสีทอง ปากานี ซอนด้า ปากานี ซอนด้า ปากานี ซอนด้า ปากานี ซอนด้า ปากานี ซอนด้า เคนต์ โลตัส อีลิส โรวัน แอตคินสัน พยัคฆ์ร้าย ศูนย์ ศูนย์ ก๊าก พยัคฆ์ร้ายทวงแค้นระห่ำโลก จอมมฤตยู 007 เอียน เฟลมมิง พยัคฆ์ร้ายสะบัดลาย โคเวนทรี ระบบส่งกำลัง โปรตอน เอ็กซ์โซร่า โปรตอน วาจา โปรตอน เพอร์โซนา โปรตอน เพรเว่ นิตยสารฟอร์บส Thai language Japanese language Polish language Italian language Dutch language Hindi 2007 พระแม่กาลี มหาธิการิณี

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
234
235
236
237
238
239
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23944