ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

สัญญาประชาคม

สัญญาประชาคม (อังกฤษ: Social contract) ในความหมายที่นำมาใช้ในการเมืองไทยปัจจุบัน หมายถึง ข้อตกลงร่วมกันของประชาชน กลุ่มผลประโยชน์ร่วมกันหรือกลุ่มคนที่มีแนวความคิดเดียวกัน กับฝ่ายตรงข้าม เพื่อเป็นการแสวงข้อตกลงและทางออกของปัญหาซึ่งเป็นปัญหาที่มีผลกระทบในวงกว้างซึ่งหากปล่อยไว้อาจจะก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม

ความหมายที่แท้จริงนั้น "สัญญาประชาคม" หมายถึง ทฤษฎีสัญญาประชาคม อันเป็นนัยตามหลักกฎหมายธรรมชาติ มีลักษณะเป็น สำนึกของจริยธรรม ที่ผู้ปกครองควรตระหนักถึง สิทธิบางประการที่ผู้อยู่ใต้ปกครอง (ประชาคม) ได้ยอมสละไป (อาจเรียกได้ว่ายอมอยู่ใต้อำนาจของผู้ปกครอง) เพื่อความปลอดภัยของตนในสิทธิและเสรีภาพที่ยังคงเหลืออยู่ แนวคิดเช่นนี้เองที่เป็นพื้นฐานของการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย โดยตรรกะจากสำนึกจริยธรรมดังกล่าว หากมองในมุมกลับกันก็หมายความว่า อำนาจแท้จริงของผู้ปกครองนั้นมาจากประชาชนนั่นเอง ดังนั้นประชาชนควรจะเป็นผู้ที่ใช้สิทธิของตนเลือกผู้ปกครองขึ้นมา และในการนี้วิธีที่เหมาะสมก็คือการใช้เสียงข้างมากในการตัดสิน

สัญญาประชาคม นิยาม สัญญาประชาคม (Social Contract) เป็นการสมรสระหว่างคำสองคำ คือ คำว่า “สัญญา” ซึ่งหมายถึงข้อตกลง กับคำว่า “ประชาคม” ซึ่งหมายถึงชุมชนหรือกลุ่มชนซึ่งอยู่ร่วมกันและมีการติดต่อสัมพันธ์กัน โดยเมื่อรวมกันแล้วจะมีความหมายว่า การทำข้อตกลงกันของประชาชนในสังคมที่อยู่ร่วมกัน โดยส่วนใหญ่แล้วคำว่าสัญญาประชาคมนี้มักจะถูกนำไปใช้ในสองลักษณะ คือ ในความหมายแบบแคบที่หมายถึงตัวทฤษฎีทางรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 17-18 และในความหมายแบบกว้างที่หมายถึงพันธสัญญาทางการเมืองระหว่างนักการเมืองกับประชาชน (Kurian, 2011: 1548) ที่มา แนวคิดสัญญาประชาคมเกิดขึ้นในราวศตวรรษที่ 17 เพื่ออธิบายที่มาของสังคมการเมือง และสร้างความชอบธรรมให้แก่รัฐบาลที่ปกครองอยู่ในขณะนั้น โดยอธิบายถึงที่มาในการจัดตั้งสังคมการเมืองของมวลมนุษยชาติว่าเกิดจากการตกลงร่วมกันของมนุษย์ในสภาวะที่ยังไม่มีรัฐ หรือ สภาวะธรรมชาติ (state of nature) ที่จะยินยอมสละสิทธิบางอย่างให้แก่ผู้ปกครองเพื่อทำหน้าที่ดูแลปกครอง และจัดตั้งสังคมการเมืองขึ้นมา โดยทฤษฎีสัญญาประชาคมนี้จะแตกต่างออกไปจากแนวคิดเรื่องที่มาของรัฐที่มีอยู่เดิมตั้งแต่สมัยกรีกโบราณว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติจากการที่มนุษย์โดยธรรมชาติเป็นสัตว์การเมือง (man is by nature a political animal) แต่ในทางกลับกันทฤษฎีสัญญาประชาคมจะอธิบายว่าสังคมการเมืองนั้นเกิดจากการที่มนุษย์ในสภาวะธรรมชาติได้ตกลงร่วมกันในการจัดตั้งสังคมการเมืองและการปกครองขึ้นมาเองในภายหลังต่างหาก (Wolff, 1996: 6-8) ในโลกตะวันตกนั้นแนวคิดทฤษฎีสัญญาประชาคมนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นที่มาของแนวคิดเรื่องอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน (โปรดดู Sovereignty of the people) เพราะการที่สังคมการเมืองเกิดขึ้นจากการตกลงกันของประชาชนในสังคม ดังนั้นความชอบธรรมของรัฐบาลหรือผู้ปกครองจึงอยู่ที่การได้รับความยินยอม และการยอมรับจากประชาชน แต่ทั้งหลายทั้งปวงแนวคิดเกี่ยวกับการกำเนิดของรัฐและสังคมโดยทฤษฎีสัญญาประชาคมที่ว่านี้เป็นเพียงการตั้งสมมติฐาน (hypothetical) ภายในห้วงความคิดของนักทฤษฎีการเมืองอย่าง โธมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) จอห์น ล็อก (John Lock) หรือ ฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean-Jacques Rousseau) มากกว่าที่จะเกิดขึ้นจริง กล่าวคือไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ว่าการตกลงทำสัญญาประชาคมนี้ได้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ เมื่อไหร่ อย่างไร เพราะทฤษฎีนี้เพียงแต่ต้องการสร้างชุดคำอธิบายขึ้นมาเพื่อสร้างความชอบธรรมให้การปกครองสมัยใหม่เท่านั้นเอง (Wolff, 1996: 37-39) แต่ทว่าในปัจจุบัน คำว่า สัญญาประชาคม ในโลกตะวันตกได้ถูกนำมาใช้ในความหมายกว้าง ที่หมายถึงการทำข้อตกลงบางอย่างที่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมจริงมากกว่าที่จะเป็นเรื่องของทฤษฎีที่อธิบายการกำเนิดของรัฐเหมือนในศตวรรษที่ 17-18 ดังนั้น สัญญาประชาคมในยุคปัจจุบันนี้จึงหมายถึงข้อตกลงระหว่างกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ในสังคมในเรื่องหนึ่งๆ เพื่อหาข้อสรุปที่เป็นฉันทามติร่วมกันระหว่างกลุ่มผลประโยชน์เหล่านั้นในสังคม นอกจากนี้ คำว่าสัญญาประชาคมในความหมายกว้างในปัจจุบันนี้มักนำมาใช้กับการให้คำมั่นสัญญาทางการเมืองระหว่างนักการเมืองกับประชาชนผ่านนโยบายในการหาเสียงเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งไปดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ เช่น การที่ประธานาธิบดีบารัคโอบามาได้ให้สัญญากับประชาชนสหรัฐอเมริกาต่อนโยบายถอนทหาร และยุติสงครามในต่างแดน ซึ่งภายหลังจากการที่นายโอบามาได้รับการเลือกตั้งให้กลับเข้าไปดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกครั้งหนึ่งนั้น สหรัฐอเมริกาก็ได้แสดงท่าทีในการยุติสงครามในอิรัก และอัฟกานิสถาน โดยเฉพาะนโยบายการถอนทหารสหรัฐอเมริกาออกจากประเทศดังกล่าว และปล่อยให้กองกำลังความมั่นคง (security force) ของประเทศเหล่านั้นดูแลจัดการความสงบเรียบร้อยภายในประเทศเอง ซึ่งนโยบายที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้นายโอบามาได้นำมาเป็นหนึ่งในประเด็นหลักที่เขาได้แถลงต่อสภาคองเกรสในต้นปี ค.ศ. 2013 (state of the union address) ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเคารพสัญญาประชาคมที่มีต่อพลเมืองสหรัฐฯ แล้ว ยังเป็นการถือโอกาสสร้างความเชื่อมั่นในหมู่ประชาชนทำสัญญาประชาคมอื่นๆ ในภายภาคหน้าต่อไปอีกด้วย จะเห็นได้ว่าลักษณะการใช้คำว่าสัญญาประชาคมในปัจจุบันนี้ มีลักษณะเป็นสัญญาที่มีการตกลง และการผูกมัดบางอย่างที่เป็นรูปธรรมขึ้นจริงในทางนโยบาย มิใช่ในลักษณะของการทำหนังสือสัญญา หากแต่เป็นการสร้างความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างคู่สัญญาในสังคมในเรื่องความรับผิดชอบ และพันธะที่ทั้งคู่จะต้องมีให้ต่อกันดังสัญญาประชาคมที่ได้ให้ไว้ ซึ่งจะแตกต่างออกไปจากสัญญาประชาคมในทางทฤษฎีการเมืองที่เป็นเพียงการอธิบายถึงที่มาของรัฐโดยที่การตกลงกันก่อตั้งรัฐและสังคมนั้นเกิดขึ้นภายในโลกนามธรรมทางความคิดของนักทฤษฎีการเมืองเท่านั้น ส่วนการบังคับให้เป็นไปตามคำมั่นสัญญาในประชาคม จะเป็นไปตามมาตรฐานทางสังคม ( โปรดดู social norm) ที่อาจแตกต่างกันไป เช่น ในบางประเทศการคอร์รัปชั่น (โปรดดู Corruption) ถือเป็นความผิดร้ายแรง นักการเมืองที่คอร์รัปชั่นได้รับการลงโทษถึงขั้นจำคุก แต่ในสังคมไทย การเอาผิดกับนักการเมือง ตลอดจนข้าราชการ นักธุรกิจ หรือทหาร ที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง เกิดขึ้นจริงน้อยมาก ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสังคมไทยมีปัญหาในเรื่องที่ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างจริงจังด้วย ตัวอย่างการนำไปใช้ในประเทศไทย ในขณะที่โลกตะวันตกมีพัฒนาการของแนวคิดสัญญาประชาคมมาเกือบสี่ร้อยปีจากแนวคิดการกำเนิดของรัฐไปสู่การทำข้อตกลงของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ในสังคม แต่ในประเทศไทยนั้นกลับแยกแนวคิดทั้งสองนี้ออกเป็นคนละเรื่องกัน กล่าวคือ เมื่อกล่าวถึงคำว่าสัญญาประชาคมในการเมืองไทยตามความเข้าใจของผู้คนส่วนใหญ่จะมีความหมายเฉพาะการทำข้อตกลงที่เป็นรูปธรรมในทางนโยบายเท่านั้น ซึ่งส่วนมากจะหมายถึงข้อตกลงที่บรรดาพรรคการเมืองและนักการเมืองได้ให้สัญญากับประชาชนไว้ในขณะที่รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งทั่วไปเพื่อชิงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ว่าหลังจากที่พวกเขาได้รับเลือกตั้งแล้วจะดำเนินการตามนโยบายที่ได้ให้สัญญาไว้กับประชาชน ในขณะที่สัญญาประชาคมอันเกิดจากความสัมพันธ์ทางสังคมของภาคส่วนอื่นๆ เช่น ภาคธุรกิจเอกชน หรือ ภาคส่วนสาธารณะเองที่ก็มีบทบาทและพันธะระหว่างกันในรูปแบบของสัญญาประชาคม นั่นคือ ความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวมในฐานะของภาคธุรกิจเอกชน หรือ ในฐานะของภาคส่วนสาธารณะด้วยกันนั้นกลับไม่ได้รับความสนใจจากผู้คนส่วนใหญ่มากเท่าที่ควร ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการมองสัญญาประชาคมในทางปฏิบัติของการเมืองไทย มีเพียงเฉพาะมิติที่เป็นรูปธรรมเพียงมิติเดียวโดยปราศจากการพิจารณามิติทางทฤษฎีการเมืองที่เป็นนามธรรม ซึ่งทำให้การรับรู้เกี่ยวกับแนวคิดสัญญาประชาคมของไทยนั้นตัดขาดจากมิติเรื่องการยอมเสียสละสิทธิบางประการของผู้ถูกปกครองให้แก่ผู้ปกครองเพื่อจัดตั้งสังคมการเมืองขึ้น อันเป็นที่มาเบื้องต้นของแนวคิดอำนาจอธิปไตยของปวงชน ซึ่งหากปราศจากการพินิจพิจารณาถึงหลักการที่ว่านี้แล้ว การทำสัญญาประชาคมของไทยย่อมจะกลายเป็นลักษณะของการเร่ขายฝันจากตัวนโยบายของพรรคการเมือง หรือ ร้ายกว่านั้นก็คือเป็นการหลอกลวงเพื่อจูงใจให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงให้แก่ตนเอง หรือ พรรคการเมืองของตนเอง ซึ่งหากเป็นในลักษณะนี้แล้ว ผู้แทนของปวงชนก็จะขาดจิตสำนึกในการรับรู้ว่าต้นตอที่มาของแหล่งอำนาจที่พวกเขาอ้างอิงนั้นคือประชาชน ซึ่งจะทำให้การเลือกตั้งเป็นเพียงพิธีกรรมหนึ่งในการแสดงออกซึ่งสัญญาประชาคมในการถ่ายโอนอำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนให้แก่นักการเมือง หรือ พรรคการเมืองไปนั่นเองโดยที่พวกเขาไม่ได้สำนึกว่าประชาชนได้มอบสิทธิบางอย่างให้แก่พวกเขาเพื่อแลกกับการปฏิบัติตามแนวนโยบายที่พวกเขาได้รับปากไว้กับประชาชนในขณะหาเสียงเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปในปี พ.ศ. 2544 ที่พรรคไทยรักไทยได้รับชัยชนะก็ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญเกี่ยวกับแนวคิดสัญญาประชาคม เพราะพรรคไทยรักไทย (หรือพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยในเวลาต่อมา) ได้แสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมของการเกิดสัญญาประชาคม นั่นก็คือ การรณรงค์หาเสียงด้วยนโยบายที่ชัดเจนของพรรคเป็นหลัก จนเมื่อพรรคได้เป็นรัฐบาลก็นำนโยบายเหล่านั้นมาผลักดันให้เป็นรูปเป็นร่างที่ประชาชนสามารถจับต้องได้จริง ซึ่งถือว่าเป็นการทำตามสัญญาประชาคมที่ได้ให้ไว้กับประชาชน อันเป็นที่มาของความนิยมในตัวพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร และจุดขายสำคัญของพรรคการเมืองของพันตำรวจโททักษิณ ซึ่งถือได้ว่าเป็นคุณูปการหนึ่งต่อประเทศไทยในฐานะที่ทำให้พรรคการเมืองอื่นๆ ต้องหันมาดำเนินแนวทางการหาเสียงในรูปแบบเดียวกันนี้มากยิ่งขึ้นในเวลาต่อมา (Terwiel, 2011: 287-290, เกษียร, 2553 : 42) การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวข้างต้นนั้นก่อให้เกิดความตระหนักรู้ร่วมกันของทุกภาคส่วนในสังคมไทยมากยิ่งขึ้นต่อพันธะที่แต่ละภาคส่วนนั้นมีต่อสังคมในภาพรวม อาทิ การที่ภาคธุรกิจเอกชนหันมาให้ความสนใจในเรื่อง “ความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร” (โปรดดู Corporate social responsibility: CSR) มากกว่าการแสวงหากำไรจากสังคมแต่เพียงอย่างเดียว อันเป็นปรากฏการณ์ในแง่ดีที่แสดงให้เห็นถึงการสร้างความเข้าใจที่ตรงกันในเรื่องของสัญญาประชาคมที่เริ่มแพร่ขยายไปสู่ทุกภาคส่วนของสังคมไทยมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ดูเพิ่มใน ‘Sovereignty of the People’, ‘Constitutionalism’, ‘Vertical and Horizontal Orders’, ‘Social Norm’ และ ‘Corporate Social Responsibility’

อย่างไรก็ตามจุดริเริ่มแนวคิดนี้ในหนังสือ Leviathan (The Matter, Forme and Power of a Common Wealth Ecclesiasticall and Civil) นั้น ฮอบส์ไม่ได้เขียนเพื่อมุ่งกล่าวถึงสัญญาประชาคมโดยเฉพาะเจาะจง แต่มุ่งอธิบายถึงธรรมชาติของมนุษย์และโครงสร้างสังคม เป็นที่น่าสังเกตว่า ตัวฮอบส์เองนั้นปฏิเสธหลักการแบ่งอำนาจอธิปไตย ไม่ปฏิเสธระบอบกษัตริย์ แต่กล่าวถึงแนวทางการใช้อำนาจที่เหมาะสมเท่านั้น

ปรัชญาเศรษฐศาสตร์ ? ปรัชญาการศึกษา ? ปรัชญาประวัติศาสตร์ ? นิติศาสตร์ ? ปรัชญาสังคมศาสตร์ ? ปรัชญาความรัก

สังคม ? สงคราม ? กฎหมาย ? ความยุติธรรม ? สันติภาพ ? สิทธิมนุษยชน ? การปฏิวัติ ? การดื้อแพ่ง ? ประชาธิปไตย ? สัญญาประชาคม

อนาธิปไตย ? อำนาจนิยม ? อนุรักษนิยม ? เสรีนิยม ? อิสรนิยม ? ชาตินิยม ? สังคมนิยม ? ประโยชน์นิยม ? ทฤษฎีความขัดแย้ง ? ทฤษฎีความเห็นหมู่

เพลโต ? โสกราตีส ? อริสโตเติล ? ขงจื๊อ ? นักบุญออกัสติน ? นักบุญโทมัส อควีนาส ? มาเกียเวลลี ? ฮอบส์ ? ล็อก ? รูโซ ? มงแต็สกีเยอ ? วอลแตร์ ? อดัม สมิธ ? โรเบิร์ต พีล ? เอ็ดมันด์ เบิร์ก ? มิล ? แฟรงคลิน ? ไลบ์นิซ ? คานท์ ? ทอโร ? มหาตมา คานธี


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301