สหรัฐไทยเดิม หรือสะกดว่า สหรัถไทยเดิม เดิมชื่อ แคว้นสหรัฐไทยใหญ่ คือดินแดนทางภาคเหนือของประเทศไทย มีอาณาเขตรวมดินแดนของรัฐฉาน, รัฐกะยาจนไปถึงครึ่งใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ในประเทศพม่า เคยเป็นอดีตเขตการปกครองเสมือนจังหวัด ของประเทศไทยช่วงปี พ.ศ. 2485 ก่อนที่จะคืนดินแดนดังกล่าวแก่สหประชาชาติในปี พ.ศ. 2489 หลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง
ในการรับรู้ของรัฐบาลไทยสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม สหรัฐไทยเดิมหรือแคว้นสหรัฐไทยใหญ่คือดินแดนที่มีชนชาติไทอาศัยอยู่ และในอดีตอาณาจักรล้านนาเคยแผ่อิทธิพลไปครอบครอง ก่อนหน้านี้ช่วงต้นรัตนโกสินทร์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยพยายามขยายอำนาจเข้าเมืองเชียงตุงถึงสามครั้งแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ก่อนที่เชียงตุงจะตกเป็นของพม่า และเป็นส่วนหนึ่งของอังกฤษตั้งแต่ พ.ศ. 2433
กระทั่งสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นขอให้รัฐบาลไทยสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ยกกำลังทหารขึ้นไปยึดดินแดนส่วนนี้จากทหารจีนก๊กมินตั๋ง ของจอมพลเจียงไคเช็กและกองทัพอังกฤษ เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2485
วันที่ 18 พฤษภาคมจึงได้ประกาศยกเลิกกำหนดในทางอรรถคดีที่กองทัพทำสงครามทั่วราชอาณาจักรยกเว้นจังหวัดเชียงรายและสหรัฐไทยเดิม และวันที่ 22 พฤษภาคมปีเดียวกันนั้น กองบัญชาการทหารสูงสุดได้เปลี่ยนชื่อ "แคว้นสหรัฐไทยใหญ่" เป็น "สหรัฐไทยเดิม" อย่างเป็นทางการ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2486 พลเอกฮิเดะกิ โทโจ (ญี่ปุ่น) ได้มาพบจอมพล ป. พิบูลสงคราม เพื่อมอบพื้นที่จำนวน 12 เมือง ไทยจึงผนวกดินแดนแคว้นสหรัฐไทยใหญ่และรัฐเมืองพาน (เมืองปั่น) เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย ทั้งนี้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นอำเภอ 12 อำเภอ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2486 มีการสถาปนาเจ้าฟ้าสิริสุวรรณราช ยสสรพรหมลือ เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงตุง และจัดการปกครองสหรัฐไทยเดิมเสมือนจังหวัดหนึ่ง
ไทยได้มีการทำสนธิสัญญากับญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2486 หลังการประกาศมอบดินแดนทั้งหมดให้แก่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2486 ราชกิจจานุเบกษาระบุว่า "ฉะนั้น กลันตัน ตรังกานู ไซบุรี ปะลิส และบันดาเกาะที่ขึ้นหยู่ กับทั้งเชียงตุงและเมืองพาน จึงเปนอันรวมเข้าไนราชอานาจักรไทยตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม พุทธสักราช 2486 เปนต้นไป"
ทว่าหลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นแพ้สงคราม ไทยจำต้องส่งมอบรัฐเชียงตุง รัฐกะยาและรัฐเมืองพาน ให้กับกองพลอินเดียที่ 7 เมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2488 รัฐบาลไทยสมัยควง อภัยวงศ์ ได้คืนดินแดนส่วนนี้ให้กับสหประชาชาติ และวันเดียวกันนั้นได้มีการประกาศจากกรมบัญชาการทัพใหญ่ ว่ามีการเปลี่ยนชื่อ "สหรัฐไทยเดิม" เปลี่ยนกลับเป็น "แคว้นสหรัฐไทยใหญ่" ตามเดิม โดยให้เหตุผลว่าประกาศเก่านั้นไร้ผลและยกเลิกเสีย จนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2489 ไทยได้ตกลงทำสัญญาที่เรียกว่า สัญญาข้อตกลงสมบูรณ์แบบเพื่อเลิกสถานะสงคราม ระหว่างไทยกับสัมพันธมิตร ประกอบด้วยสัญญา 24 ข้อ เป็นอันสิ้นสุดการครอบครองดินแดนสหรัฐไทยเดิม เจ้าฟ้าสิริสุวรรณราช ยสสรพรหมลือ และครอบครัวได้ติดตามกองทัพไทยเข้ามาพำนักในเชียงใหม่ จนกระทั่งพิราลัยในปี พ.ศ. 2498 ซึ่งหลังจากนี้อังกฤษได้เข้ามามีบทบาทในการผนวกดินแดนนี้เข้ากับประเทศพม่าในเวลาต่อมา
เมื่อกองกำลังพายัพปกครองสหรัฐไทยเดิม ได้จัดการปกครองเป็นแบบทหารเสมือนจังหวัด การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเจ้าฟ้าสิริสุวรรณราช ยสสรพรหมลือ เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงตุง และได้ให้เจ้าขุนแสงเป็นตำแหน่งเจ้าฟ้าเมืองสีป้อ โดยมีพลตรีผิน ชุณหะวัณ รองแม่ทัพกองทัพพายัพ เป็นข้าหลวงทหารประจำรัฐไทยใหญ่เพียงคนเดียว โดยมีสำนักงานอยู่ที่เมืองเชียงตุง จัดการปกครองสหรัฐไทยเดิมเสมือนเป็นจังหวัดหนึ่ง ให้นายตำรวจซึ่งเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจทำหน้าที่เป็นนายอำเภอ และมีการตั้งศาลากลางสหรัฐไทยเดิมขึ้นที่เมืองเชียงตุง แบ่งท้องที่การปกครองออกเป็น 12 อำเภอ คือ
ส่วนรัฐเมืองพาน (เมืองปั่น) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำสาละวิน ถูกจัดการปกครองแบบทหารเช่นเดียวกับท้องที่สหรัฐไทยเดิม กำหนดให้รัฐเมืองพานเป็นอำเภอหนึ่งชื่อ อำเภอเมืองพาน โดยให้หัวหน้าสถานีตำรวจเป็นนายอำเภออยู่ในบังคับบัญชาของตำรวจสนามเชียงใหม่และทัพพายัพ
ทั้งนี้รัฐบาลไทยได้ตั้งศาลขึ้น 3 แห่ง ที่เมืองเชียงตุง เมืองสาด และเมืองหาง โดยมีตราประจำศาลสหรัฐไทยเดิม ทั้ง 3 ศาล โดยใช้ตราประจำชาติ คือดวงตรารูปวงกลม ศูนย์กลางกว้าง 5 เซนติเมตร ลายกลางเป็นตราแผ่นดิน เบื่องล่างมีอักษรชื่อศาลตามชื่อเมือง ดังนี้ สาลเมืองเชียงตุง สาลเมืองสาต และสาลเมืองหาง ส่วนทางอรรถคดีของอำเภอเมืองพานให้ขึ้นกับศาลเมืองหางของสหรัฐไทยเดิมตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2486
มีการส่งอัยการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ด้วย อาทิ ศาลเมืองสาด กระทรวงมหาดไทยได้ส่ง เสน่ห์ วัฒนดิเรก ไปเป็นผู้ช่วยอัยการชั้นตรีประจำศาลเมืองดังกล่าว เป็นต้น
หลังจากที่ไทยที่เข้าครอบครองดินแดนของพม่าตามที่ได้วางเป้าหมายไว้แล้วก็ได้มีการจัดตั้งโรงเรียนสอนภาษาไทยขึ้นทุกอำเภอ รัฐบาลถือว่าการผนวกดินแดนสหรัฐไทยเดิมและรัฐเมืองพานอยู่ภายใต้นโยบายรวมชนเผ่าไทยเพื่อสร้างชาติไทยให้ยิ่งใหญ่เป็นมหาอำนาจในแหลมทอง และรัฐบาลถือว่าราษฏรในดินแดนที่ผนวกมานั้นต้องได้รับการคุ้มครองดูแลเช่นเดียวกับราษฎรในประเทศไทย มีการห้ามข้าราชการทั้งทหารและพลเรือนใช้อำนาจสร้างความเดือดร้อนแก่ราษฎร
หลังอยู่ภายใต้การปกครองของไทย ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสังคมของกลุ่มชนพื้นเมืองของพม่ามีการเรียนการสอนภาษาไทยและหลายคนถึงขั้นอ่านออกเขียนได้ ยกเลิกวัฒนธรรมดั้งเดิมทั้งหมดและให้ปฏิบัติตามรัฐนิยม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมนี้มีผลกระทบอย่างมากซึ่งยังได้ส่งผลมาถึงปัจจุบันอีกด้วย[ต้องการอ้างอิง]