สมเด็จพระราชาธิบดีโบดวงที่ 1 แห่งเบลเยียม (ดัตช์: Boudewijn Albert Karel Leopold Axel Marie Gustaaf van Belgi? ดัตช์: ?b?u?d????i?n ??lb?rt ?ka?r?l ?le?jo??p?lt ??ks?l ma??ri ??s?ta?f v?n ?b?l?ij?, ฝรั่งเศส: Baudouin Albert Charles L?opold Axel Marie Gustave de Belgique ฝรั่งเศส: bodw?? alb?? ?a?l leop?ld aks?l ma?i ?ystav d? b?l?ik; 7 กันยายน 1930 – 31 กรกฎาคม 1993) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรเบลเยียม หลังจากการสละราชสมบัติของพระราชบิดาในปีค.ศ. 1951 และทรงครองราชย์ยาวนานจนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปีค.ศ. 1993 ซึ่งรวมเวลาทั้งสิ้น 42 ปี
สมเด็จพระราชาธิบดีโบดวงเป็นพระราชโอรสองค์โตของสมเด็จพระเจ้าเลโอโปลด์ที่ 3 กับเจ้าหญิงอัสตริดแห่งสวีเดน พระองค์ทรงอภิเษกสมรสกับ โดน่า ฟาบิโอลา ทั้งสองพระองค์ไม่มีรัชทายาทด้วยกัน สมเด็จพระราชินีฟาบิโอลาเคยทรงครรภ์ถึงห้าครั้ง แต่ก็ทรงแท้งหมด
หลังจากครองราชย์ได้ 42 ปี พระองค์ก็เสด็จสวรรคตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเมื่อ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1993 เนื่องจากพระองค์ไม่มีรัชทายาท พระอนุชาของพระองค์จึงได้ครองราชบัลลังก์ต่อจากพระองค์เป็นสมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 แห่งเบลเยียม พระองค์ยังทรงเป็นพระญาติสนิทกับสมเด็จพระราชาธิบดีฮารัลด์ที่ 5 แห่งนอร์เวย์, เจ้าหญิงอัสตริดแห่งนอร์เวย์ และเจ้าหญิงรัญฮิลด์แห่งนอร์เวย์
พระนาม "โบดวง" นั้นเป็นการถอดคำสะกดจากพระนามในภาษาฝรั่งเศส "Baudouin" ซึ่งใช้กันเป็นหลักในการออกพระนามนอกประเทศเบลเยียม ซึ่งพระนามในภาษาดัตช์ คือ "โบดูอิน" ("Boudewijn") ซึ่งบางคราวจะพบเห็นการถอดพระนามเป็นภาษาอังกฤษว่า "Baldwin"
สมเด็จพระราชาธิบดีโบดวงพระราชสมภพที่บรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ในปีค.ศ. 1930 เป็นพระโอรสพระองค์ใหญ่ของเจ้าชายเลโอโปลด์ ดยุกแห่งบราบันต์กับเจ้าหญิงอัสตริดแห่งสวีเดน และพระราชบิดาเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ในปีค.ศ. 1934 ต่อมามาพระราชมารดาเสด็จสวรรคตในปีค.ศ. 1935
ส่วนหนึ่งของความไม่พึงพอใจของประชาชนต่อสมเด็จพระเจ้าเลโอโปลด์ที่ 3 นั้นมาจากการอภิเษกสมรสครั้งที่สองของพระองค์ในปีค.ศ. 1941 กับมารี ลีเลียง เบลส์ สามัญชนชาวเบลเยียมที่โตในประเทศอังกฤษ ซึ่งต่อมาได้ออกพระนามเป็น "เจ้าหญิงแห่งเรธี" (Princess de R?thy) และนอกจากนี้ยังมีมูลเหตุสำคัญคือการตัดสินพระทัยยอมแพ้แก่กองทัพเยอรมันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อประเทศเบลเยียมถูกรุกรานในปีค.ศ. 1940 ทำให้เกิดข้อสงสัยและวิพากษ์วิจารณ์ว่าทรงเลือกข้างเข้ากับฝ่ายเยอรมัน แต่อย่างไรก็ตามคณะกรรมการสอบสวนได้โต้แย้งการกล่าวหาพระองค์ในข้อหาว่าเป็นกบฏต่อราชอาณาจักรในภายหลังสงคราม ถึงแม้จะมีการลงเสียงประชามติสนับสนุนพระองค์ให้ยังคงเป็นพระมหากษัตริย์ต่อไป แต่ก็ทรงเลือกที่จะสละราชสมบัติเพื่อยุติสถานการณ์ความวุ่นวายทั้งหมดลง
สมเด็จพระเจ้าเลโอโปลด์ที่ 3 ได้ทรงออกพระราชบัญญัติผ่านทางรัฐสภาเพื่อถ่ายโอนพระราชอำนาจของพระองค์ให้แก่พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ ได้แก่ เจ้าชายโบดวง ซึ่งได้ทรงสาบานพระองค์ต่อหน้ารัฐสภาในฐานะ "พรินส์ รอยัล" (Prince Royal) เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 1950 และต่อมาได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 5 แห่งชาวเบลเยียม หลังจากเข้าพิธีสาบานพระองค์ต่อหน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1951 หนึ่งวันหลังจากการสละราชสมบัติของพระราชบิดา
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จพระราชาธิบดีโบดวงแห่งเบลเยียม