ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาในฝรั่งเศส

สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาฝรั่งเศส (อังกฤษ: French Renaissance) หมายถึงขบวนการทางวัฒนธรรมและศิลปะ ระหว่างปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 จนถึง ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ที่เป็นส่วนหนึ่งของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาของยุโรป ที่นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าเริ่มต้นขึ้นในอิตาลีในคริสต์ศตวรรษที่ 14 สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาของฝรั่งเศสตามปกติแล้วถือว่าเริ่มราวตั้งแต่การรุกรานของฝรั่งเศสเข้าไปในอิตาลีในปี ค.ศ. 1494 ในรัชสมัยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 8 จนกระทั่งเมื่อพระเจ้าอองรีที่ 4 เสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1610 ช่วงที่ว่านี้ไม่รวมการพัฒนาทางเทคโนโลยี, ศิลปะ และวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลีที่เข้ามาในฝรั่งเศสก่อนหน้านั้น (เช่นโดยทางสำนักดยุคแห่งเบอร์กันดี หรือโดยทางราชสำนักพระสันตะปาปาอาวินยอง) กาฬโรคที่ระบาดในยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 14 และสงครามร้อยปีทำให้สถานภาพทางการเมืองและทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาจนกระทั่งมาถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 ซึ่งทำให้เป็นอุปสรรคการรับอิทธิพลต่างๆ ของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาได้อย่างเต็มที่

รัชสมัยของพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 (ระหว่าง ค.ศ. 1515 ถึง ค.ศ. 1547) และพระราชโอรสพระเจ้าอองรีที่ 2 (ระหว่าง ค.ศ. 1547 ถึง ค.ศ. 1559) โดยทั่วไปถือว่าเป็นจุดสุดยอดของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาของฝรั่งเศส หลังจากการเสด็จสวรรคตของพระเจ้าอองรีที่ 2 จากอุบัติเหตุในการประลองทวนบนหลังม้าแล้ว ฝรั่งเศสก็ปกครองโดยพระอัครมเหสีหม้ายแคทเธอรีน เดอ เมดิชิ และพระราชโอรสพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 2, พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 9 และต่อมา พระเจ้าอองรีที่ 3 แม้ว่าในช่วงนั้นขบวนการทางฟื้นฟูศิลปวิทยายังคงดำเนินต่อไป แต่ในขณะเดียวกันสงครามศาสนาของฝรั่งเศสระหว่างอูเกอโนต์และโรมันคาทอลิกก็ผลาญประเทศไปด้วยในขณะเดียวกัน

สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาของฝรั่งเศสก็รวมทั้งการเริ่มการปกครองระบอบอัตตาธิปไตย, การเผยแพร่ลัทธิมนุษยนิยม; การเริ่มต้นยุคแห่งการสำรวจโลกใหม่ (เช่นโดยจิโอวานนิ ดา แวร์รัซซาโน (Giovanni da Verrazzano) และ ฌาคส์ คาร์ติเยร์ ); การนำเข้า (จากอิตาลี, เบอร์กันดี และอื่นๆ) และการพัฒนาทางเทคนิคและศิลปะในสาขาการพิมพ์, สถาปัตยกรรม, ประติมากรรม, จิตรกรรม, ดนตรี, วิทยาศาสตร์, และ วรรณกรรม และการสร้างกฎเกณฑ์อันซับซ้อนเกี่ยวกับพฤติกรรมในสังคม

ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 การรุกรานของฝรั่งเศสเข้าไปในอิตาลี และที่ตั้งอันอยู่ไม่ไก นักจากสำนักดยุคแห่งเบอร์กันดีอันรุ่งเรือง (ที่เกี่ยวข้องกับฟลานเดอร์ส) ทำให้ฝรั่งเศสได้มีโอกาสประสบกับสินค้า, จิตรกรรม และ วิญญาณของการสร้างสรรค์สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนเหนือ และ สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลี และความเปลี่ยนแปลงทางด้านศิลปะในระยะแรกในฝรั่งเศสก็มักจะมาจากจิตรกรอิตาลีและเฟล็มมิชเช่นฌอง คลูเอต์ (Jean Clouet) และบุตรชายฟรองซัวส์ คลูเอต์ (Fran?ois Clouet) และจิตรกรอิตาลีรอซโซ ฟิโอเรนติโน, (Rosso Fiorentino), ฟรันเชสโก ปรีมาติชโช (Francesco Primaticcio) และ นิโคโล เดลาบาเต (Niccol? dell'Abbate) ของตระกูลการเขียนที่เรียกกันอย่างไม่เป็นทางการว่าตระกูลการเขียนฟงแตงโบลที่เริ่มขึ้นใน ค.ศ. 1531) เลโอนาร์โด ดา วินชีเองก็ได้รับเชิญมาพักในฝรั่งเศสโดยพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 แต่นอกไปจากภาพเขียนที่นำติดตัวมาแล้ว ดา วินชีก็มิได้สร้างงานที่เป็นชิ้นเป็นอันให้แก่ราชสำนักฝรั่งเศสแต่อย่างใด

ศิลปะในยุคนี้ที่เริ่มตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 จนถึงรัชสมัยของพระเจ้าอองรีที่ 4 เป็นศิลปะที่มีอิทธิพลจากขบวนการพัฒนาจักษุศิลป์และประติมากรรมของอิตาลีตอนปลายเป็นอันมาก ในช่วงที่เรียกว่าแมนเนอริสม์ (ที่เกี่ยวข้องกับงานของไมเคิล แอนเจโล และ พาร์มิจานิโน และผู้อื่น) ที่เห็นได้ลักษณะของตัวแบบที่มีสัดส่วนที่ยาวและสง่าขึ้น และการเพิ่มการใช้วาทศาสตร์ทางจักษุ (visual rhetoric) หรือการสื่อความหมายทางตาที่รวมทั้งการใช้อุปมานิทัศน์ และ ตำนานเทพ

ในช่วงนี้ก็มีศิลปินหลายคนที่มีความสามารถที่รวมทั้งจิตรกรฌอง โฟเคท์แห่งตูร์ ผู้มีชื่อเสียงในการเขียนภาพสำหรับหนังสือวิจิตรได้อย่างงดงาม และประติมากรฌอง กูฌง (Jean Goujon) และ แชร์แมง ปิลง (Germain Pilon)

แต่สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาของฝรั่งเศสก็ได้แก่การสร้างวังแห่งลุ่มแม่น้ำลัวร์ ที่มิได้มีลักษณะเป็นมิได้ป็นการสร้างปราสาทเพื่อการป้องกันข้าศึกอีกต่อไป แต่เป็นการสร้างสำหรับเป็นที่อยู่อาศัยเพื่อความสำราญของผู้เป็นเจ้าของ โดยใช้ภูมิทัศน์อันน่าชมของบริเวณลุ่มแม่น้ำลัวร์เป็นฉากหลังในการแสดงความสามารถทางสถาปัตยกรรม

ปราสาทลูฟร์เก่าในปารีสก็ได้รับการก่อสร้างใหม่ภายใต้การนำของปิแยร์ เลส์โคต์ (Pierre Lescot) ที่กลายมาเป็นลักษณะหลักของสถาปัตยกรรมของ "ch?teau" หรือ พระราชวังของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาของฝรั่งเศสที่สร้างต่อมา ทางตะวันตกของลูฟร์แคทเธอรีน เดอ เมดิชิก็ทรงสร้างพระราชวังที่ Tuileries ที่ประกอบด้วยสวนภูมิทัศน์ขนาดใหญ่ และ ถ้ำตกแต่ง (grotto)

แต่สงครามศาสนาของฝรั่งเศสซึ่งเป็นสงครามกลางเมืองที่เนิ่นนานถึงสามสิบปีเป็นสิ่งที่ถ่วงและหมางความเจริญทางการสร้างงานศิลปะออกไปจากวงของการสร้างเพื่อศาสนาและการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง

การขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าอองรีที่ 4 นำมาสู่การพัฒนาเมืองขนานใหญ่ในปารีสปารีสที่รวมทั้งการสร้างสะพานปงต์นูฟ (Pont Neuf), จตุรัสโวสหรือ "Place Royale" (จตุรัสหลวง), จตุรัสโดแฟง และการต่อเติมพระราชวังลูฟร์

นอกจากนั้นแล้วพระเจ้าอองรีที่ 4 ก็ทรงเชิญศิลปินเช่น ทูส์แซงต์ ดูบรุยล์ (Toussaint Dubreuil) , มาร์แตง เฟรมิเนต์ (Martin Fr?minet) และ อองบรัวส์ ดูบัวส์ (Ambroise Dubois) ให้มาสร้างพระราชวังฟงแตงโบล ที่เรียกว่าตระกูลการเขียนฟงแตงโบลที่สอง

มารี เดอ เมดิชิสมเด็จพระราชินีในพระเจ้าอองรีที่ 4 ทรงเชิญจิตรกรเฟล็มมิชปีเตอร์ พอล รูเบนส์มายังฝรั่งเศสเพื่อเขียน "ภาพชุดพระราชินีมารี เดอ เมดิชิ" ซึ่งเป็นภาพขนาดใหญ่จำนวนยี่สิบสี่ภาพที่บรรยายชีวประวัติของพระองค์ เพื่อใช้ตกแต่งพระราชวังลักเซมเบิร์กในกรุงปารีส จิตรกรเฟล็มมิชอีกคนหนึ่งที่ได้มาทำงานในราชสำนักคือฟรันส์ โพร์บัสผู้เยาว์ (Frans Pourbus the younger)

นอกราชอาณาจักรฝรั่งเศสในขณะนั้น เช่นใน[[อาณาจักรดยุคแห่งลอร์แรน ]]ก็จะเป็นงานของปลายสมัยแมนเนอริสม์ที่แตกต่างออกไปเช่นที่พบในงานของฌาคส์ เบลลัญจ์ (Jacques Bellange), โคลด เดอรูเอต์ (Claude Deruet) และ ฌาคส์ คาลโลต์ (Jacques Callot) ศิลปินลอร์แรนขณะนั้นไม่มีการติดต่อกับศิลปินฝรั่งเศสซึ่งทำให้การพัฒนาแตกต่างออกไปที่มีลักษณะที่แรงกว่าของฝรั่งเศส และมักจะออกไปทางยั่วยวนอารมณ์ (erotic mannerism) ที่รวมทั้งการเขียนภาพที่เป็นยามกลางคืน หรือ การฝันร้าย นอกจากนั้นก็เป็นช่างผู้มีฝีมือในทางงานแกะ

"พระบรมราชาภิเษก พระราชินีมารีที่ มหาวิหารแซงต์เดอนีส์" (รายละเอียด)ปีเตอร์ พอล รูเบนส์ ค.ศ. 1622-1625

อาณาจักรดยุคแห่งเบอร์กันดีซึ่งเป็นภูมิภาคที่พูดภาษาฝรั่งเศสที่ติดกับทางทางตะวันออกฝรั่งเศสเป็นศูนย์กลางทางการดนตรีของยุโรปในตอนต้นและตอนกลางของคริสต์ศตวรรษที่ 15 นักดนตรีผู้มีชื่อเสียงหลายคนของยุโรปถ้าไม่มาจากเบอร์กันดีก็เดินทางไปศึกษาจากคีตกวีที่นั่น นอกจากนั้นก็ยังมีการแลกเปลี่ยนทางการดนตรีระหว่างสำนักเบอร์กันดีและราชสำนักฝรั่งเศสและสถาบันศาสนากันอย่างสม่ำเสมอในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 ดนตรีตระกูลเบอร์กันดีเป็นบ่อเกิดของดนตรีแบบ ดนตรีหลายเสียง (polyphony) ของดนตรีตระกูลฝรั่งเศส-เฟล็มมิชที่มีอิทธิพลต่อดนตรีของยุโรปมาจนถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 ลักษณะของดนตรีของฝรั่งเศสในช่วงนี้เป็นลักษณะที่บ่งถึงเอกลักษณ์ดนตรีของราชสำนัก และดนตรีของสถาบันคริสเตียนสำคัญๆ ส่วนใหญ่แล้วคีตกวีฝรั่งเศสจะไม่นิยมลักษณะที่ราบเรีย บ (sombre) ของดนตรีตระกูลฝรั่งเศส-เฟล็มมิช และ พยายามสร้างความชัดเจนในด้านโครงสร้างของดนตรี และในดนตรีที่ไม่เกี่ยวกับศาสนาเช่นเพลงขับ ก็จะสร้างความเบา, การทำให้ร้องได้ง่าย (singability) และ การทำให้เป็นที่นิยมกันโดยทั่วไป กิโยม ดูเฟย์ (Guillaume Dufay) และ จิลส์ แบงชัวส์ (Gilles Binchois) เป็นตัวอย่างของนักดนตรีคนสำคัญสองคนของตระกูลเบอร์กันดีของสมัยต้นสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา

คีตกวีผู้มีชื่อเสียงไปทั่วยุโรป ฌอชแคง เดส์ เปรซ์ (Josquin Des Prez) เป็นนักดนตรีประจำราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 12อยู่ชั่วระยะหนึ่ง และอาจจะเป็นผู้เขียนงานชิ้นสำคัญๆ บางชิ้นขึ้นที่นั่น (เช่นงาน เพลงสดุดี 129, De profundis ที่อาจจะเขียนสำหรับงานพระบรมศพของพระเจ้าหลุยส์ในปี ค.ศ. 1515) พระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 ผู้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสทรงให้ความสำคัญในการสร้างดนตรีอันหรูหราเป็นสิ่งแรก และทรงนำนักดนตรีติดตามพระองค์ไปในโอกาสที่ทรงไปพบปะกับสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษในการพบปะที่ทุ่งภูษาทอง ในปี ค.ศ. 1520 เพื่อเป็นการอวดโอ้ถึงความสามารถของการดนตรีของราชสำนักฝรั่งเศส ที่คาดกันว่าจัดโดยฌอง มูตอง (Jean Mouton) คีตกวีผู้มีชื่อเสียงที่สุดในการเขียนโมเต็ตของต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16

แต่งานดนตรีที่สำคัญของฝรั่งเศสในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาคือการเขียนงานประเภทที่เรียกว่า "เพลงขับ"* (chanson) ซึ่งเป็นฆราวัสดนตรี (secular music) แบบดนตรีหลายเสียง ที่กลายมาเป็นดนตรีที่เป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมากในคริสต์ศตวรรษที่ 16 รวมทั้งโดยทั่วไปในยุโรป เพลงขับในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 มักจะเปิดขึ้นด้วย จังหวะแด็คทิล (ยาว, สั้น-สั้น) และ contrapuntal ที่ต่อมานำไปใช้ในอิตาลีโดยคันโซนา ที่เป็นต้นตอของโซนาตา ตามปกติแล้วเพลงขับจะมีเสียงร้องสามถึงสี่เสียงโดยไม่มีเครื่องดนตรีประกอบแต่เวอร์ชันที่นิยมกันมักจะเขียนให้มีดนตรีประกอบ คีตกวีคนสำคัญที่มีชื่อของฝรั่งเศสในการเขียนเพลงขับก็ได้แก่โคลแดง เดอ แซร์มิซี (Claudin de Sermisy) และ เคลมงต์ ฌาเนอแคง (Cl?ment Janequin) Le guerre โดยฌาเนอแคงเขียนขึ้นในโอกาสการฉลองชัยชนะของฝรั่งเศสในยุทธการมาริญญาโน ในปี ค.ศ. 1515 ที่เลียนเสียงปืนใหญ่, เสียงครางของผู้บาดเจ็บ และเสียงสัญญาณรุกและถอยจากทรัมเป็ต การพัฒนาของเพลงขับต่อมาเป็นลักษณะที่เรียกว่า musique mesur?e ที่เห็นได้จากงานของโคลด เลอ เฌอเนอ (Claude Le Jeune): ในแบบเพลงขับที่มาจากการพัฒนาโดยกลุ่มกวีที่เรียกว่า Pl?iade ภายใต้การนำของฌอง-อองตวน เดอ บาอีฟ (Jean-Antoine de Ba?f) ซึ่งเป็นท่วงทำนองจังหวะของดนตรีที่สะท้อนการเน้นจังหวะของบทร้องโดยตรง ในการพยายามสร้างผลทางวาทศาสตร์ของดนตรีของกรีกโบราณ เมื่อมาถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 เพลงขับก็มาแทนที่ด้วย เพลงขับแอร์เดอคูร์ (air de cour) ซึ่งเป็นประเภทเพลงร้องที่นิยมกันในฝรั่งเศสเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 17

สงครามศาสนามีผลอย่างลึกซึ้งดนตรีของฝรั่งเศส อิทธิพลของนิกายคาลวินทำให้ดนตรีทางศาสนาของโปรเตสแตนต์มีลักษณะที่แตกต่างจากโมเต็ตละตินอันหรูหราซับซ้อนของโรมันคาทอลิกเป็นอันมาก คีตกวีทั้งโปรเตสแตนต์และโรมันคาทอลิกต่างก็เขียนเพลงขับที่เรียกว่า "เพลงขับเพื่อศาสนา" (chanson spirituelle) ที่คล้ายกับฆราวัสดนตรีแต่เนื้อเพลงเป็นบทสอนทางจริยธรรมแทนที่

ตัวอย่างเช่นงานของคีตกวีโปรเตสแตนต์โคลด กูดิเมล (Claude Goudimel) ผู้มีชื่อเสียงในการเขียนเพลงสดุดีที่มีแรงบันดาลใจจากนิกายคาลวิน ผู้ถูกลอบสังหารในลิยงระหว่างเหตุการณ์การสังหารหมู่วันเซนต์บาโทโลมิว แต่ก็ไม่ใช่คีตกวีโปรเตสแตนต์เท่านั้นที่ถูกสังหารในระหว่างความขัดแย้งทางศาสนาในปี ค.ศ. 1581 คีตกวีโรมันคาทอลิกอองทวน แบร์ทรองด์ (Antoine de Bertrand) ผู้มีความสามารถและเขียนงานเพลงขับไว้เป็นจำนวนมากก็ถูกสังหารโดยหมู่ชนโปรเตสแตนต์ในตูลูส


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301