ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

สถาปัตยกรรมแบบอิตาลี

สถาปัตยกรรมแบบอิตาลี (อังกฤษ: Italianate architecture หรือ Italianate style of architecture) เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของคริสต์ศตวรรษที่ 19 ของยุคสถาปัตยกรรมที่เรียกว่ายุคฟื้นฟูสถาปัตยกรรมคลาสสิก การสร้างสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะเป็นแบบสถาปัตยกรรมอิตาลีเป็นการใช้ลักษณะทรงและศัพท์สถาปัตยกรรมของสถาปัตยกรรมอิตาลีของคริสต์ศตวรรษที่ 16 ที่เป็นพื้นฐานในการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ทั้งลัทธิพาลเลเดียน และลัทธิฟื้นฟูคลาสสิกในการผสานกับความงามอันต้องตา (picturesque aesthetics) ฉะนั้นลักษณะของสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม “ฟื้นฟูเรอเนซองส์” ด้วยจึงเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของยุค นักประวัติศาสตร์ชาวสวิสเชื้อสายเยอรมันซิกฟรีด กีเดียนบรรยายเกี่ยวกับลักษณะของปรัชญาของการเปลี่ยนแปลงลักษณะสถาปัตยกรรมว่า “การมองอดีตแปรสภาพของสิ่งของ ผู้ชมทุกคนทุกสมัย—ทุกช่วงเวลา—ในที่สุดก็จะเปลี่ยนแปรลักษณะที่เห็นในอดีตในบริบทของความเข้าใจของตนเอง” สถาปัตยกรรมแบบอิตาลีเริ่มขึ้นในบริเตนราว ค.ศ. 1802 โดยจอห์น แนช โดยสร้างคฤหาสน์ ครองค์ฮิลล์ในชร็อพเชอร์ คฤหาสน์ชนบทขนาดเล็กหลังนี้โดยทั่วไปแล้วก็เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นคฤหาสน์แบบอิตาลีหลังแรกในอังกฤษ ที่กลายมาเป็นต้นฉบับของ “สถาปัตยกรรมแบบอิตาลี” ในตอนปลายของสมัยสถาปัตยกรรมรีเจ็นซี และในตอนต้นของสถาปัตยกรรมวิคตอเรียต่อมา

ต่อมาสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีก็พัฒนาขึ้นและทำให้แพร่หลายมากขึ้นโดยสถาปนิกชาร์ลส์ แบร์รีในคริสต์ทศวรรษ 1830 งานแบบอิตาลีของแบร์รีส่วนใหญ่แล้วจะใช้ลักษณะรูปทรงและการตกแต่งของสิ่งก่อสร้างของอิตาลีของสมัยเรอเนซองส์ ซึ่งบางครั้งก็จะขัดกับงานคฤหาสน์แบบอิตาลีกี่งชนบทขอจอห์น แนช ที่ผลที่ออกมาเป็นลักษณะที่เรียกว่า “ลักษณะแบบอิตาลี” การใช้ลักษณะดังว่านี้ไม่จำกัดอยู่เฉพาะในอังกฤษแต่ยังรวมทั้งยุโรปเหนือ และจักรวรรดิอังกฤษด้วย และมีลักษณะที่ย่อยออกมาอีกหลายสักษณะ ที่ยังคงเป็นที่นิยมกันเป็นเวลานานหลังจากที่หมดความนิยมกันไปแล้วในอังกฤษเอง ระหว่างปลายคริสต์ทศวรรษ 1840 จนถีง 1890 สถาปัตยกรรมแบบอิตาลีไปมีความนิยมกันสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการเผยแพร่โดยสถาปนิกอเล็กซานเดอร์ แจ็คสัน เดวิส

งานเลียนแบบสถาปัตยกรรมอิตาลีตอนปลายของการพัฒนาการของแนชทำในปี ค.ศ. 1805 ในการออกแบบคฤหาสน์แซนดริดจ์พาร์คที่Stoke Gabrielสโตคกาเบรียลในเดวอน โดยมีเลดี้แอชเบอร์ตันเป็นผู้จ้างเพื่อให้เป็นคฤหาสน์ชยบท คฤหาสน์ขนาดเล็กหลังนี้แสดงให้เห็นชัดถึงลักษณะคาบเกี่ยวระหว่างความงามที่ต้องตาของงารของวิลเลียม กิลพิน งานของแนชเองที่อยู่ในระหว่างการพัฒนไปเป็นแบบอิตาลีอย่างเต็มที่ ขณะที่ยังเรียกได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมรีเจ็นซี แต่การมีลักษณะที่ไม่เป็นทางการ และไม่สมมาตร พร้อมทั้งการมีระเบียงลอจเจียและระเบียงยื่นทั้งที่ทำด้วยหินและเหล็กดัด, หอ และหลังคาลักษณะป้านเป็นงานที่มีลักษณะเป็นแบบอิตาลีของคฤหาสน์ ครองค์ฮิลล์อย่างเต็มที่ และถือกันว่าเป็นตัวอย่างแรกของลักษณะแบบอิตาลีแรกในบริเตน

ตัวอย่างต่อมาของแบบอิตาลีแรกในอังกฤษมักจะเป็นรูปแบบของลักษณะของสิ่งก่อสร้างแบบพาลเลเดียนที่มักจะเพิ่มหอทัศนาพร้อมด้วยลูกกรงระเบียงแบบเรอเนซองส์บนระดับหลังคา ลักษณะดังว่ามักจะเป็นลักษณะที่เกิดจากการตีความหมายของรูปทรงเกินไปกว่าที่สถาปนิกและผู้สร้างบ้านคาดคิดว่าควารจะเป็นงานแบบอิตาลี และเป็นการใช้ทรงการตกแต่งของรายละเอียดของเรอเนซองส์แบบอิตาลีมากกว่าตัวอย่างของสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีของแนชก่อนหน้านั้น

เซอร์ชาร์ลส์ แบร์รีผู้เป็นที่รู้จักกันมากกว่าในงานสถาปัตยกรรมทิวดอร์ และ กอธิคของตึกรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักรในลอนดอนเป็นผู้สนับสนุนอย่างแข็งขันในการเผยแพร่ลักษณะสถาปัตยกรรมดังกล่าว แต่ไม่เหมือนแนช, แบร์รีได้รับแรงบันดาลใจจากอิตาลีเอง แบร์รีได้รับอิทธิพลเป็นอันมากจากการออกแบบคฤหาสน์เรอเนซองส์ในโรม, ลาซิโอ และเวเนโตหรือตามที่แบร์รีเองกล่าวว่าจาก “...ลักษณะอันไม่สมมาตรอันมีเสน่ห์ของคฤหาสน์อิตาลี” งานแบบอิตาลีชิ้นที่เด่นที่สุดของแบร์รีคือคฤหาสน์คลิฟเดินซึ่งเป็นคฤหาสน์เรอเนซองส์ขนาดใหญ่ แม้จะกล่าวอ้างกันว่าหนึ่งในสามของคฤหาสน์ชนบทของสมัยวิคตอเรียในอังกฤษเป็นลักษณะแบบคลาสสิกที่ส่วนใหญ่เป็นแบบอิตาลี เมื่อมาถึงปี ค.ศ. 1855 ลักษณะแบบอิตาลีก็หมดความนิยมลงและคฤหาสน์คลิฟเดินกลายมาเป็นตัวแทนของ “...ลักษณะของความเสื่อมของความนิยมที่สิ้นสุดลง”

ทอมัส คิวบิทท์ผู้รับสัญญาก่อสร้างชาวลอนดอนผสานเส้นสายแบบคลาสสิกของแบบอิตาลีของแบร์รีในการก่อสร้างบ้านเรือนแถวในลอนดอนทอมัส คิวบิทท์ออกแบบคฤหาสน์ออสบอร์นภายใต้การควบคุมของเจ้าฟ้าชายอัลเบิร์ต และเป็นผู้ที่ทำเปลี่ยนโฉมสถาปัตยกรรมสองมิติหลังนี้ให้เป็นคฤหาสน์ที่ตั้งเด่น ที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คฤหาสน์แบบอิตาลีไปทั่วจักรวรรดิอังกฤษต่อมา

หลังจากสร้างคฤหาสน์ออสบอร์นเสร็จในปี ค.ศ. 1851 ลักษณะสถาปัตยกรรมของคฤหาสน์ก็กลายเป็นลักษณะที่นิยมกันในการก่อสร้างคฤหาสน์ขนาดย่อมที่สร้างโดยนักอุตสาหกรรมที่ร่ำรวยขึ้นมาใหม่ในยุคนั้น คฤหาสน์เหล่านี้มักจะสร้างในตัวเมืองล้อมรอบไปด้วยสวนใหญ่แต่ไม่ใหญ่และกว้างขวางมากเท่าใดนัก และมักจะวางตัวบ้านบนเนินลดหลั่นและทัสคันเช่นกัน คฤหาสน์บางหลังที่เหมือนกันหรือเกือบจะเหมือนกันที่เป็นแบบคฤหาสน์แบบอิตาลีจะมีหลังคาทรงหลังคามันซาร์ด (Mansard roof) แบบฝรั่งเศสที่ทำให้สิ่งก่อสร้างได้รับชื่อว่าคฤหาสน์ “สถาปัตยกรรมแบบชาโต” (Ch?teauesque) แต่หลังจากนั้นความนิยมการก่อสร้างคฤหาสน์อิตาลีและแบบชาโตฝรั่งเศสแล้ว เมื่อมาถึง ค.ศ. 1855 ลักษณะสถาปัตยากรรมที่นิยมกันที่สุดต่อมาของเป็นแบบคฤหาสน์ชนบทก็เปลี่ยนไปเป็นสถาปัตยากรรมแบบกอธิค, ทิวดอร์ และ เอลิซาเบธ

ตัวอย่างของสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีคือหมู่บ้านตากอากาศพอร์ทไมเรียนที่กวินเนดด์ทางตอนเหนือของเวลส์

อิทพลทางสถาปัตยกรรมของอิตาลีที่มีต่อเลบานอนโดยเฉพาะสถาปัตยกรรมทัสคันเริ่มขึ้นตั้งแต่ยุคเรอเนซองส์เมื่อฟาคห์ร-อัล-ดินที่ 2 (Fakhr-al-Din II) ผู้เป็นประมุขของสหเลบานอนองค์แรกของคริสต์ศตวรรษที่ 17 พระองค์ทรงรวมเมานท์เลบานอนเข้ากับบริเวณฝั่งทะเลเลบานอนและทรงมีแผนการใหญ่ในการพัฒนาประเทศ

เมื่อออตโตมันส่งฟาคห์ร-อัล-ดินที่ 2 ไปลี้ภัยยังทัสคานีในปี ค.ศ. 1613 ฟาคห์ร-อัล-ดินก็ไปทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับตระกูลเมดิชิ เมื่อเสด็จกลับเลบานอนในปี ค.ศ. 1618 พระองค์ก็ทรงเริ่มดำเนินโครงการพัฒนาเลบานอนให้ทันสมัยขึ้น โดยก่อตั้งอุตสาหกรรมไหม, ปรับปรุงอุตสาหกรรมการทำน้ำมันมะกอก และทรงนำวิศวกรอิตาลีติดตามมาด้วยเป็นจำนวนมาก ผู้มาเริ่มการก่อสร้างคฤหาสน์ และ ตึกราชการต่างๆ ทั่วไปในเลบานอน โดยเฉพาะเบรุต และ ไซดอนที่สร้างเป็นเมืองแบบอิตาลีอย่างแท้จริง อิทธิพลของสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ เช่นตึกใน Deir el Qamar มีอิทธิพลก่อสร้างสถาปัตยกรรมในเลบานอนต่อมาเป็นเวลาอีกหลายร้อยปี และ ยังคงดำเนินต่อมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ตัวอย่างเช่นบ้านเรือนบนถนนกูโรด์ที่ยังมีบ้านเรือนอยู่หลายหลังที่ยังคงเป็นแบบอิตาลี

ลักษณะแบบอิตาลีเริ่มมามีความนิยมกันในสหรัฐอเมริกาโดยสถาปนิกอเล็กซานเดอร์ แจ็คสัน เดวิสในคริสต์ทศวรรษ 1840 ในการเป็นสถาปัตยกรรมอีกรูปแบบหนึ่งนอกไปจากสถาปัตยกรรมฟื้นฟูกอธิค หรือ สถาปัตยกรรมฟื้นฟูกรีก คฤหาสน์ลิชฟิลด์ (Litchfield Villa) ที่สร้างโดยเดวิสในปี ค.ศ. 1854 ที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของพรอสเพ็คพาร์ค, บรุคลินเป็นตัวอย่างที่ดีของสถาปัตยกรรมแบบอิตาลี ที่เดิมเรียกกันว่าลักษณะ “คฤหาสน์อิตาลี” หรือ “คฤหาสน์ทัสคัน” กล่าวกันว่า คฤหาสน์แบลนด์วูดที่เดิมเป็นที่พำนักของข้าหลวงประจำรัฐนอร์ทแคโรไลนาจอห์น โมทลีย์ มอร์เฮดเป็นสิ่งก่อสร้างแบบอิตาลีที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ตัวอย่างแรกๆ ของสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีมีลักษณะคล้ายงานแบบอิตาลีโดยแนชมากกว่าที่จะเป็นงานที่มีอิทธิพลของสถาปัตยกรรมเรอเนซองส์ที่ออกแบบโดยแบร์รี สถาปนิกชาวอเมริกันเชื้อสายอังกฤษริชาร์ด อัพจอห์นใช้สถาปัตยกรรมแบบอิตาลีในการก่อสร้างเป็นจำนวนมากที่เริ่มในปี ค.ศ. 1845 ด้วยคฤหาสน์เอ็ดเวิร์ด คิง สถาปนิกผู้อื่นที่ใช้การก่อสร้างลักษณะนี้ก็ได้แก่จอห์น น็อทมันที่หลายท่านกล่าวว่าเป็นผู้นำลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีเข้ามายังสหรัฐอเมริกา และ เฮนรี ออสติน (สถาปนิก) น็อทมันออกแบบคฤหาสน์ริเวอร์ไซด์ซึ่งเป็น “คฤหาสน์อิตาลี” คฤหาสน์แรกในเบอร์ลิงทัน, นิวเจอร์ซีย์ในปี ค.ศ. 1837

แบบอิตาลีที่ได้รับตีความหมายใหม่และกลายเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมท้องถิ่น ซึ่งเป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ที่ใช้นำลักษณะเรอเนซองส์อิตาลีบางอย่างมาขยายให้เด่นขึ้น (exaggeration) โดยเน้นชายคาที่รองรับโดยคันทวย และ หลังคาป้านไปจนราบที่เป็นชายคายื่นกว้างออกไปจากตัวอาคาร นอกจากนั้นก็มีการต่อเติมหอที่เป็นนัยยะของหอทัศนา หรือบางครั้งก็อาจจะถึงกับเป็นหอระฆัง

ลวดลายตกแต่งแบบอิตาลีก็ใช้ผสานเข้าไปในการตกแต่งสิ่งก่อสร้างที่ใช้ในการธุรกิจ ที่ปรากฏในสถาปัตยกรรมวิคตอเรียมาตั้งแต่กลางหรือปลายคริสต์ทศวรรษ 1800

ลักษณะสถาปัตยกรรมกลายมาเป็นที่นิยมกันมากกว่าสถาปัตยกรรมฟื้นฟูกรีกภายในคริสต์ทศวรรษ 1860 ความนิยมอันแพร่หลายมีสาเหตุมาจากความเหมาะสมของวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างและงบประมาณ และการวิวัฒนาการของการผลิตเหล็กหล่อ (cast-iron) และ press-metal ที่ทำให้การผลิตสิ่งตกแต่งเช่นบัวทำได้ง่ายขึ้น แต่เมื่อมาถึงปลายคริสต์ทศวรรษ 1870 ความนิยมของสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีก็มาแทนด้วยสถาปัตยกรรมควีนแอนน์ และ สถาปัตยกรรมฟื้นฟูอาณานิคม

คฤหาสน์เบรกเคอร์ (นิวพอร์ท, โรดไอแลนด์) ออกแบบโดยริชาร์ด มอรริส ฮันท์สำหรับคอร์นีเลียส แวนเดอบิลท์ที่ 2 เป็นคฤหาสน์ 70 ห้องที่ทำการสร้างระหว่าง ค.ศ. 1893 ถึง ค.ศ. 1895 ที่มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีอย่างแท้จริงในสหรัฐอเมริกา ขณะที่ภายนอกมีลักษณะเป็นพาลัซโซแบบเรอเนซองส์ แต่การก่อสร้างใช้เทคนิคที่ก้าวหน้าที่สุดของปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยใช้โครงเหล็กกล้าและไม่มีการใช้ไม้ การใช้ปล่องไฟสูง, การใช้ปีกสิ่งก่อสร้างหลายปีกเรียงกัน, การใช้คันทวยที่ใหญ่กว่าปกติ, หลังคาจั่วแหลมที่มองเห็นได้ ต่างก็เป็นลักษณะของการตีความหมายของสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีแบบอเมริกัน

คฤหาสน์เบรกเคอร์และลักษณะสถาปัตยกรรมของการก่อสร้างได้รับการวิจารณ์โดยผู้ออกความเห็นเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมว่าเป็น “ความหลงลักษณะสถาปัตยกรรมโบราณของยุโรปในการแปลงสถาปัตยกรรมพาลัซโซแบบเรอเนซองส์มาใช้กับที่อยู่อาศัยส่วนบุคคล” แต่เมื่อสร้างเสร็จคฤหาสน์เบรกเคอร์ก็กลายเป็นการแสดงออกของรสนิยมส่วนตัว และ ความมั่งคั่งของเจ้าของแทนที่จะแต่เพียงการแสดงออกของลักษณะสถาปัตยกรรม

ความนิยมสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีในช่วงหลังจากปี ค.ศ. 1845 จะเห็นได้จากสถาปัตยกรรมในเมืองซินซินแนติซี่งเป็นเมืองที่รุ่งเรืองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว (boomtown) เมืองแรกทางตะวันตกของเทือกเขาแอพเพเลเชียน ซินซินแนติเจริญขึ้นมาจากการขึ้นล่องตามแม่น้ำโอไฮโอ และมีกลุ่มสิ่งก่อสร้างที่เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีกลุ่มใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ที่ส่วนใหญ่สร้างโดยผู้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานจากเยอรมนีที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีประชากรอยู่กันอย่างแออัด เมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มมีการเห็นคุณค่าของสถาปัตยกรรมลักษณะนี้ที่เป็นสาเหตุให้มีการรณรงค์ในการเริ่มโครงการขนาดใหญ่เพื่อทำการอนุรักษ์กลุ่มสิ่งก่อสร้างอันน่าประทับใจดังกล่าว เมืองเพื่อนบ้านเช่นนิวพอร์ท, เคนทักกี และ โคฟวิงตัน, เคนทักกีต่างก็มีกลุ่มสิ่งก่อสร้างแบบอิตาลีอันน่าประทับใจเช่นกัน

การ์เดนดิสตริคท์, นิวออร์ลินส์ก็มีตัวอย่างของสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีที่งดงามอยู่บ้าง เช่นคฤหาสน์ 1331 เฟิร์สท์สตรีทที่ออกแบบโดยซามูเอล เจมิสัน หรือ คฤหาสน์ แวนเบนฮุยเซน-เอล์มส์

สถาปัตยกรรมแบบอิตาลีเป็นสถาปัตยกรรมที่เริ่มขึ้นเป็นเวลานานหลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นสาเหตุที่ทำให้การตกแต่งรายระเอียดของสิ่งก่อสร้างทำจากวัสดุที่ผลิตในระดับอุตสาหกรรม การกระจายสินค้าไปยังตลาดต่างๆ ก็เป็นไปอย่างง่ายดายด้วยระบบการคมนาคมทางรถไฟ ฉะนั้นเราจึงอาจจะพบสิ่งตกแต่งสิ่งก่อสร้างที่ใช้ในเดนเวอร์สำหรับผู้มีฐานะดีอาจจะเป็นสิ่งเดียวกับที่ใช้ในการตกแต่งเรือนแถวของผู้ทำงานในโรงงานในพิตส์เบิร์ก

ลักษณะแบบอิตาลีเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมที่เป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางในออสเตรเลียในการสร้างที่อยู่อาศัย จวนข้าหลวง, เมลเบิร์นที่ออกแบบโดยสถาปนิกวิลเลียม วอร์เดลล์ — ที่ในปัจจุบันใช้เป็นที่พำนักของข้าหลวงของรัฐวิคตอเรีย — เป็นตัวอย่างหนึ่งของ “การพบความรักในสถาปัตยกรรมแบบอิตาลี, พาลเลเดียน และ เวนิส” ของวอร์เดลล์ สิ่งก่อสร้างสีครีม พร้อมด้วยสิ่งตกแต่งพาลเลเดียนยกเว้นหอเชิงเทินและหอทัศนาคงจะไม่ดูแปลกแต่อย่างใดถ้าได้ไปตั้งเคียงข้างกับสถาปัตยกรรมที่สร้างโดยทอมัส คิบิทท์ในลอนดอน

สถาปัตยกรรมแบบอิตาลียังคงใช้ในการก่อสร้างในสถานที่อันห่างไกลในจักรวรรดิอังกฤษเป็นเวลานานหลังจากที่หมดความนิยมในบริเตนกันไปแล้วต่อมาอีกเป็นเวลานาน เช่นในการก่อสร้างสถานีรถไฟในนิวเซาท์เวลส์ที่สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1881 เป็นต้น

การตกแต่งภายในอาคารมีความสัมพันธ์กันโดยตรงกับสถาปัตยกรรมแบบอิตาลี ผสมผสานระหว่างสิ่งตกแต่งที่มีพื้นฐานมาจากสถาปัตยกรรมและสิ่งตกแต่งของคริสต์ศตวรรษที่ 16 ที่มาประยุกต์สำหรับรูปทรงของคริสต์ศตวรรษที่ 19 ตู้เสื้อผ้าหรือโต๊ะเครื่องสำอางค์ก็สามารถนำเอาตกแต่งเป็นแบบอิตาลีได้

ในปัจจุบันการตกแต่งแบบอิตาลีมักจะเรียกว่า “Eastlake” โดยนักสะสมและผู้ค้าขายในทวีปอเมริกาเหนือ แต่คำร่วมสมัยที่ใช้ในการจัดกลุ่มมีด้วยกันหลายคำที่รวมทั้ง “Neo-Grec”


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301