สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ เป็นสถาบันการศึกษาที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สาคร สุขศรีวงศ์ เป็นผู้อำนวยการ ชื่อ "ชนาพัฒน์" ประพันธ์โดย พระธรรมมงคลญาณ(หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) ซึ่งหมายถึง พัฒนาประชาชน มีพันธกิจหลักคือ มุ่งพัฒนานักออกแบบไทยให้สามารถพัฒนาฝีมือการออกแบบให้มีความทัดเทียมและสามารถแข่งขันกับชาวต่างชาติได้ ปัจจุบันสถาบันเปิดทำการสอน 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรออกแบบแฟชั่น (Fashion Design) และ หลักสูตรออกแบบตกแต่งภายในและผลิตภัณฑ์ (Interior and Product Design)โดยมีความร่วมมือทางวิชาการกับ 2 สถาบันชั้นแนวหน้าของโลก คือ สถาบัน NABA ซึ่งเป็นเจ้าของ Domus Academy เมือง Milan ประเทศอิตาลี และ ความร่วมมือทางวิชาการกับInterior Design Program, Royal College of Art กรุง London ประเทศอังกฤษ
สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ หรือ ซีไอดีไอชนาพัฒน์ (Chanapatana International Design Institute: CIDI) เดิมชื่อ "สถาบันชนาพัฒน์" ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2543 ตามดำริของพระธรรมมงคลญาณ หรือ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล มีพันธกิจหลักเพื่อพัฒนานักออกแบบไทยให้สามารถพัฒนาฝีมือการออกแบบให้มีความทัดเทียมและสามารถแข่งขันกับชาวต่างชาติได้โดยใช้หลักสูตรจากประเทศอิตาลี และเริ่มการเรียนการสอนเป็นครั้งแรกในเดือนกันยายน พ.ศ. 2544 มีจำนวนนักศึกษาทั้งสิ้น 35 คน
ดำริเริ่มแรกในการสร้างสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์แห่งนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากพระญาณวิริยาจารย์ (สมณศักดิ์ในขณะนั้น) ที่เล็งเห็นถึงศักยภาพในด้านต่างๆ ของคนไทย และต้องการที่จะพัฒนาและสนับสนุนคนไทยให้มีความสามารถทัดเทียมกับนานาประเทศ ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ว่า “ประเทศไทยของเรามีทั้งมันสมอง มีทั้งสติและมีทั้งปัญญา มีทั้งทรัพยากร มีทั้งโอกาสหลายๆ โอกาส ทำไมไม่ใช้โอกาสเหล่านี้พัฒนาให้เข้าขั้นหรือถึงขั้น อันนี้มิใช่จะดูถูกคนไทย เพราะคนไทยเรารักสงบและมีความสงบสุข แม้จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ประเทศไทยก็ไม่ได้รับความกระทบกระเทือนมากเกินไป ก็ได้รับความสงบสุขตลอดมาและประเทศไทยมีปัญญาชนที่มีสมองที่ปราดเปรื่อง ยังแต่ว่าจะทำอย่างไรจะหาเครื่องช่วยสนับสนุนความปราดเปรื่องอันนี้ให้บรรลุจุดหมายได้ เพราะศักยภาพคนไทยพัฒนาได้ไม่แพ้ใคร” ความคิดนี้สืบเนื่องมาจากช่วงเวลาที่ประเทศไทยในขณะนั้นประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจ ค่าเงินบาทลอยตัว ประชาชนชาวไทยประสบกับความเดือดร้อน เกิดปัญหาว่างงาน จึงทำให้พระเทพเจติยาจารย์เกิดความห่วงใย แม้ในฐานะแห่งพระภิกษุรูปหนึ่ง ตามที่ได้ดำริว่า “อาตมามีความเป็นห่วงใยประเทศชาติ คือ ประเทศไทยไม่น้อยหน้าไปกว่าท่านอื่นๆ ที่ห่วงใยประเทศไทย แม้ว่าอาตมาเองจะเป็นพระสงฆ์รูปหนึ่งก็มีหน้าที่พระสงฆ์ ที่จะต้องสวดมนต์ภาวนา สอนสมาธิและวิปัสสนา แต่ว่าพระสงฆ์อย่างที่อาตมาเป็นพระสงฆ์อยู่ในขณะนี้ อาตมามาคำนึงถึงว่า อาตมาเป็นพระสงฆ์ อาตมาก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง ซึ่งก็มีสิทธิที่จะรักประเทศชาติ เช่นเดี่ยวกับคนอื่นๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นอาตมาก็มองไปโดยรอบว่า ส่วนใดของประเทศไทยที่ขาดตกบกพร่องบ้าง หรือว่ามีอะไรที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าก็คอยจับตามองและคอยช่วยเหลือมาตลอด”
ด้วยดำริดังกล่าวนี้ พระธรรมมงคลญาณได้กำหนดแนวทางในการพัฒนาคนไทย โดยได้กำหนดให้มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด คือ ให้มีการเรียนรู้จากผู้ที่เป็นยอดอยู่แล้วในสาขานั้น ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีผู้ใดปฏิเสธว่าประเทศอิตาลีคือผู้นำด้านการออกแบบของโลก โดยท่านได้อรรถาธิบายแนวทางดังกล่าวนี้ไว้ ดังนี้ “ถ้าเราจะดันทุรังไม่ฟังเสียงของชาวโลก มุ่งมั่นทำผลงานของเราเรื่อยไปก็ย่อมได้ แต่จะต้องใช้เวลาอันยาวนานเปรียบดังคนไม่มีชื่อเสียงในสังคมโลก กว่าจะสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่ยอมรับหรือเด่นดังขึ้นมามิใช่เรื่องง่าย แต่ถ้ามีใครชื่อเสียงโด่งดังในสังคมโลก เขาจะทำอะไรก็เป็นที่สนใจของชาวโลกเกิดค่านิยมชมชอบ เป็นที่ยอมรับในสังคม ใครๆ ได้อยู่ใกล้ก็พลอยมีชื่อเสียงโด่งดังไปด้วย เพราะฉะนั้น อาตมาต้องการให้คนไทยมีชื่อเสียงในเรื่องการออกแบบต่างๆ และไม่ต้องไปเรียนที่ประเทศอิตาลีให้เสียงเงินทองมากมาย”
และเพื่อให้โอกาสทางการศึกษานี้เปิดกว้างที่สุดสำหรับคนไทย จึงไม่คิดแต่เพียงการมอบทุนการศึกษาให้กับผู้ที่สนใจไปศึกษาต่อที่ประเทศอิตาลี แต่พระธรรมมงคลญาณได้ทำให้ในสิ่งที่เรียกว่า “หาคนอิตาลีมาฝึกความปราดเปรื่องของคนไทยได้ โดยไม่ต้องไปประเทศอิตาลี” คือการตกลงร่วมมือกับสถาบันออกแบบชั้นนำที่ตั้งอยู่ ณ กรุงฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ซึ่งจากการที่หลวงพ่อได้ไปสัมผัสสถาบันแห่งนี้ พบว่า “มีนักศึกษามาเรียนกันทั่วโลก ทั้งญี่ปุ่น, จีน, ไทย, เยอรมัน, อังกฤษ, ฮอลแลนด์, สวีเดน, ฟินแลนด์ คนเหล่านี้เค้ามีความภูมิใจที่ได้มาเรียนที่สถาบันแห่งนี้ ทุกคนยอมรับ มิหนำซ้ำรัฐบาลของฟินแลนด์, ยูเครน, สวีเดนให้ทุนกับนักศึกษามาเรียนที่นี่ด้วย” ในวันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 จึงได้มีการลงนามความร่วมมือทางวิชาการเพื่อให้มีการเรียนการสอน ณ วัดธรรมมงคล ภายใต้หลักสูตรและคณาจารย์ของสถาบันจากอิตาลีทั้งหมด การดำเนินการครั้งนี้นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีและถือว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในการจัดการศึกษาด้านการออกแบบโดยความร่วมมือกับสถาบันต่างชาติ ดังจะเห็นได้ว่ามีสถาบันอื่นๆ ดำเนินการในรูปแบบเดียวกันนี้อีกมากมายในช่วงเวลาต่อมา
การปฐมนิเทศนักศึกษารุ่นที่ 1 มีขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2544 ณ ห้องประชุมวัดธรรมมงคล นักศึกษาในรุ่นที่ 1 นี้ทั้งหมด 35 คน โดยแต่เดิมมีการเรียนการสอนเป็นภาษาอิตาลี นักศึกษาจึงจะต้องไปศึกษาหลักสูตรภาษาอิตาลีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเสียก่อน จึงจะมาเริ่มศึกษาหลักสูตรการออกแบบ และมีการเรียนการสอนใน 3 หลักสูตร คือ หลักสูตรการออกแบบตกแต่งภายใน หลักสูตรออกแบบแฟชั่น และหลักสูตรออกแบบเครื่องหนัง ภายหลังเมื่อมีการรับสมัครนักศึกษารุ่นต่อมา ได้มีการปรับเปลี่ยนหลักสูตรให้สอดคล้องกับสังคมไทยมากขึ้น จึงมีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษใน 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรการออกแบบตกแต่งภายในและผลิตภัณฑ์ และหลักสูตรออกแบบแฟชั่น
การดำเนินการของสถาบันได้รับการพัฒนาและมีความเติบโตอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปัจจุบันสถาบันได้ผลิตนักออกแบบกว่า 700 คน สำหรับการพัฒนาด้านวิชาการ สถาบันได้มีการทำความร่วมมือทางทางวิชาการกับ 2 สถาบันชั้นแนวหน้าของโลก คือ สถาบัน NABA ซึ่งเป็นเจ้าของ Domus Academy เมือง Milan ประเทศอิตาลี และInterior Design Program, Royal College of Art กรุง London ประเทศอังกฤษอันนับว่าเป็นความก้าวหน้าทางวิชาการที่สำคัญยิ่งของสถาบันด้วย
ผลงานที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่พิสูจน์คุณภาพการจัดการศึกษาของสถาบันคือ การที่นักศึกษาของสถาบันได้รับรางวัลด้านการออกแบบระดับประเทศจากการประกวดในรายการต่างๆ มากมาย อาทิ ชนะเลิศงานประกวดงาน Sakura Collection 2014 และ 2015พร้อมได้นำผลงานจัดแสดงในประเทศญี่ปุ่น ชนะเลิศการประกวด Thailand Innofashion Award 2016 สาขาเครื่องหนัง ชนะเลิศการประกวด Star Fashion Search 2014 สาขาเครื่องหนัง รางวัลรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการประกวดออกแบบผลิตภัณฑ์ของร้านภูฟ้า, รางวัลจากการประกวดผลิตภัณฑ์นานาชาติ (โคมไฟ) ในงาน Echi di Luce 03 ประเทศอิตาลี, รางวัลจากการประกวดเฟอร์นิเจอร์ในรายการ Gruppo Sintesi's 2nd Shapping up intelligence ประเทศอิตาลี, รางวัลจากการประกวด Modernform Design Contest 2011, รางวัลจากการประกวด Yamaha Young Designer Contest 2008,รางวัลจากการประกวด Made Jeans Be Me, Cotton Design Challenge 2007, รางวัลจากการประกวดโครงการ Men Intrend Young Creative Bag & Shoes Design Contest โดยสมาคมเครื่องหนังไทย และเดอะ มอลล์ กรุ๊ป, รางวัลจากการประกวด Thailand Wedding Designer Award 2004, รางวัลจากการประกวด Leather Goods Designing Contest 2004 จัดโดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น นอกจากนี้ผลงานของนักศึกษายังได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมแสดงในงานสำคัญขององค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ งานแชนแนลวีไทยแลนด์ มิวสิกวิดีโอ อวอร์ด, งานแม่แห่งแผ่นดิน 77 พรรษามหาราชินี, งานรัตนะแห่งแผ่นดิน 54 พรรษา เจ้าฟ้าในดวงใจ, งาน Bangkok International Fashion Week ภายใต้แบรนด์ Cotton Chitralada by CIDI ร่วมกับร้านจิตรลดา ทั้งนี้ยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการระดับประเทศของรัฐบาลด้วย อาทิ โครงการ Bangkok Fashion Week 2005 และ 2006 และ งาน ASEAN Tourism Forum 2007 ที่ประเทศสิงคโปร์
ความคิดริเริ่มของพระธรรมมงคลญาณในการสร้างสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์นั้น มิเพียงแต่จะได้รับการยอมรับจากสถาบันต่างๆ ภายในประเทศเท่านั้น ในวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2549 รัฐบาลแห่งประเทศสาธารณรัฐอิตาลีโดยเอกอัครราชทูตอิตาลี ประจำประเทศไทย ได้ทำพิธีถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ Order of the Star of Italian Solidarity ชั้น Knight แด่พระธรรมมงคลญาณ เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติแห่งผลงานที่ได้สร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศอิตาลีอย่างดียิ่ง
และจนถึงปัจจุบัน สถาบันได้ดำรงปณิธานอันแน่วแน่ในการสร้างนักออกแบบไทย ให้สามารถพัฒนาฝีมือการออกแบบให้มีความทัดเทียมและสามารถแข่งขันกับชาวต่างชาติได้ รวมไปถึงการมุ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้สินค้าแบรนด์ ไทยมีการออกแบบไม่แพ้สินค้าจากต่างประเทศ ในปัจจุบันสถาบันเปิดทำการสอน 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรออกแบบตกแต่งภายในและผลิตภัณฑ์ และ หลักสูตรออกแบบแฟชั่น
ทุกปีสถาบันจะมีการจัดงานศิลปนิพนธ์ประจำปีในรูปแบบนิทรรศการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้นำผลงานแสดงสู่สายตาบุคคลภายนอกและผู้ที่สนใจทั่วไป ในแต่ละปีจะมีการกำหนดแนวคิดหลักของงานให้สอดคล้องกับรุ่นของนักศึกษา อาทิ
วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 9.27 น. สถาบันได้จัดให้มีพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนหลังใหม่ CIDI world ซึ่งเป็นอาคารเรียน 4 ชั้นมีพื้นที่ใช้สอยกว่า 5,700 ตารางเมตร โดย พระธรรมมงคลญาณ เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล และ ฯพณฯ สุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี
ชื่อ CIDI world ประพันธ์โดย พระธรรมมงคลญาณ มีความหมายว่า แวดวงวิวัฒนาการออกแบบแห่งโลก ซึ่งตัวอาคารมีแนวทางในการออกแบบให้เป็นอาคารที่เรียบง่าย แต่มีเอกลักษณ์ในการผสมผสานระหว่าง ความเป็น International คือความร่วมสมัย (Contemporary & Modern) กับจุดกำเนิดของสถาบัน คือความเป็นวัด
สถาบันได้จัดพิธีเปิดอาคารเรียนอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555 และได้ย้ายการเรียนการสอนทั้งหมดมา ณ อาคารเรียนแห่งนี้
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์