ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี

สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี (อังกฤษ: Thailand Independent Television ชื่อย่อ: TITV) เป็นสถานีโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟที่อยู่ในการกำกับดูแลโดย กรมประชาสัมพันธ์ ผู้ได้รับมอบอำนาจการออกอากาศจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ในสถานะหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (Service Delivery Unit - SDU) ตั้งแต่เวลา 00.00 น. วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2550 โดยรับช่วงการออกอากาศ ต่อจาก สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ของ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานเดิม แต่ สปน.ได้บอกเลิกสัญญา เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2550 หลังจากไม่สามารถชำระค่าสัมปทาน และค่าปรับผิดสัญญาคงค้าง ได้ทันตามกำหนดในวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2550 โดยแพร่ภาพออกอากาศทางช่อง 29 ในช่องสัญญาณเดียวกันกับสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ได้เริ่มดำเนินการออกอากาศอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้สถานีโทรทัศน์คลื่นความถี่ระบบยูเอชเอฟ ดำเนินการออกอากาศต่อโดยไม่มีการตัดสัญญาณภาพออกอากาศ

ในเบื้องต้น สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี จะถ่ายทอดโดยใช้สถานีส่ง และอุปกรณ์ ของกรมประชาสัมพันธ์ ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งติดตั้งอยู่ที่อาคาร สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ โดยยังคงใช้ผังรายการเดิมของสถานีโทรทัศน์ไอทีวี หลังจากนั้น จะมีการพิจารณาปรับผังรายการให้เหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง แต่ในทางปฏิบัติ สถานียังคงดำเนินงานอยู่ที่ อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 และพนักงานในสถานีโทรทัศน์ทั้งหมด ล้วนเป็นพนักงานของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ที่ถูกบอกเลิกสัญญาจ้างจากบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ทันทีที่บริษัทถูกบอกเลิกสัญญาสัมปทานการบริหารสถานีโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟจากสปน.

สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีได้ดำเนินการออกอากาศมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งยุติการออกอากาศ เมื่อเวลา 00.08 น. ของวันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2551 ภายหลังจากที่สถานีโทรทัศน์ฯ ได้ถูกโอนกิจการไปเป็นของ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 เท่ากับว่า เป็นการสิ้นสุดลงของการเป็นสถานีโทรทัศน์เสรีในประเทศไทยที่ออกอากาศมาเป็นเวลาเกือบ 12 ปี ทั้งนี้นับรวมเวลาที่ไอทีวีออกอากาศอีกด้วย

สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี เริ่มต้นขึ้นภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 กำหนดว่าหากบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ไม่สามารถจ่ายค่าสัมปทานที่ค้างอยู่ทั้งสิ้น 2,210 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี เป็นจำนวนเงินรวม 464.5 ล้านบาท และค่าปรับกรณีทำผิดสัญญาเรื่องผังรายการอีกกว่า 97,760 ล้านบาทได้ ภายในวันที่ 7 มีนาคม ทางสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) จะดำเนินการยกเลิกสัญญาสัมปทานการดำเนินงานสถานีโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟโดยทันที ซึ่งภายหลังจากที่บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) มีท่าทีว่าจะไม่สามารถชำระเงินค่าสัมปทานค้างจ่าย และค่าปรับ เป็นจำนวนเงินรวมเกือบ 1 แสนล้านบาทได้นั้น คณะรัฐมนตรีจึงตัดสินใจที่จะยึดคืนสัมปทานจากบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้จัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลและดำเนินการบริหาร สถานีโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ เป็นการชั่วคราว จำนวน 9 คน ประกอบไปด้วย

โดยคณะกรรมการบริหารชุดนี้ จัดประชุมเป็นนัดแรก เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2550 และมีมติใช้ชื่อสถานีโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟนี้ว่า สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี (TITV-Thailand Independent Television) พร้อมทั้งหาข้อยุติเรื่องกฎหมาย และแผนดำเนินงานเข้าบริหารสถานีฯ ภายหลังการยกเลิกสัมปทาน ในวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2550 อีกด้วย พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ได้แต่งตั้งให้ นายจีระ หงส์ลดารมภ์ เป็นผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีคนแรก

ในวันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2550 คณะรัฐมนตรีมีมติว่าหากไอทีวีไม่สามารถจ่ายค่าปรับ และค่าสัมปทานค้างจ่าย รวมประมาณ 1 แสนล้านบาท ภายใน 7 มีนาคม ได้ ให้ยุติการออกอากาศเป็นการชั่วคราว เพื่อส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า รัฐสามารถดำเนินการออกอากาศต่อเนื่องได้หรือไม่ และให้ดำเนินการยึดเครื่องส่งโทรทัศน์ยูเอชเอฟ มาเก็บรักษาไว้ที่กรมประชาสัมพันธ์ในวันที่ 9 มีนาคม ด้วย ซึ่งจากมติคณะรัฐมนตรีนี้ ย่อมหมายความว่า สถานีโทรทัศน์ไอทีวีจะต้องยุติการออกอากาศ ทำให้ไม่มีสัญญาณออกอากาศผ่านทางช่องความถี่นี้ ส่งผลให้เกิด "จอดำ" ขึ้นทันที

หลังจากมีมติคณะรัฐมนตรี นายจาตุรงค์ สุขเอียด ผู้แทนพนักงานสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ได้เข้ายื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินต่อศาลปกครอง เพื่อให้สถานีโทรทัศน์ไอทีวีสามารถออกอากาศต่อไปได้ โดยศาลปกครองรับเรื่องไว้พิจารณา และจะให้มารับทราบผลการวินิจฉัย ในเวลา 13.00 น. วันที่ 7 มีนาคม ท่ามกลางการจับตาจากพนักงานของสถานีโทรทัศน์ไอทีวี และประชาชนว่าสถานีโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟจะสามารถดำเนินการต่อไปได้หรือไม่ และจะเกิดกรณี "จอดำ" ขึ้นหรือไม่

ปรากฏว่าคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีมติเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ตีความข้อกฎหมายในกรณีดังกล่าวว่า กรมประชาสัมพันธ์ สามารถดำเนินการออกอากาศโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟต่อเนื่องไปได้ และในวันเดียวกัน ศาลปกครองมีคำวินิจฉัยให้คุ้มครองฉุกเฉินสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ให้สามารถออกอากาศต่อไปอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ท่ามกลางความดีใจของพนักงานสถานีโทรทัศน์ไอทีวีเป็นอย่างมาก และตลอดทั้งวัน สถานีโทรทัศน์ไอทีวีได้ทำการนำเสนอรายการพิเศษเพื่ออำลาผู้ชม และเตรียมเปลี่ยนผ่านสู่สถานีโทรทัศน์ช่องใหม่

และแล้ว ในเวลา 00.00 น. ของคืนวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2550 สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี จึงได้ฤกษ์ออกอากาศอย่างเป็นทางการ โดยใช้ที่ทำการเดิมของสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ซึ่งได้แก่ อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 และใช้พนักงานชุดเดิม จำนวน 853 คน ซึ่งเป็นอดีตพนักงานสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ในการดำเนินงาน ทั้งนี้ ได้มีการใช้ตราสัญลักษณ์ของสถานีโทรทัศน์ช่องใหม่นี้เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ TITV โดยให้ตัวอักษร T ตัวแรกเป็นสีขาวอยู่ภายในวงกลมสีแดง ในขณะที่ตัวหนังสือ ITV ใช้สีเทา อย่างไรก็ดี โดยรวมแล้ว ลักษณะฉากรายการต่างๆ ของฝ่ายข่าว รวมไปจนถึงผังรายการทั้งหมดยังคงมีลักษณะเช่นเดียวกับของสถานีโทรทัศน์ไอทีวีเดิม

การดำเนินงานของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีตลอดระยะเวลาที่ออกอากาศนั้น มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาจากกลุ่มบุคคลบางส่วน ถึงความเหมาะสมในการดำเนินงาน โดยเฉพาะกลุ่มหนังสือพิมพ์ผู้จัดการที่มีนายสนธิ ลิ้มทองกุลเป็นผู้นำ ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ทั้งๆที่ไม่มีกฎหมายรองรับ รวมถึงการรับพนักงานทั้งหมดของสถานีโทรทัศน์ไอทีวีเดิมเข้าทำงานต่อ ทั้งๆที่พนักงานทั้งหมดนี้คือพนักงานจากบริษัทเอกชน แต่กลับได้รับเข้าทำงานต่อ ในลักษณะคล้ายคลึงกับการเป็นพนักงานลูกจ้างของรัฐ

และในช่วงหลังของการดำเนินงานสถานี เริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ที่มีบางฝ่ายมองว่าการนำเสนอข่าวของสถานี เป็นไปในทางให้การสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะในช่วงใกล้การเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ที่มีบางฝ่ายมองว่าสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีนำเสนอข่าวไปในแนวทางสนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรคอย่างชัดแจ้ง นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ นายจอม เพชรประดับ ผู้ดำเนินรายการตัวจริง ชัดเจน เดินทางไปยังเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เพื่อเข้าสัมภาษณ์พิเศษกับพ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงที่กำลังจะใกล้ถึงการเลือกตั้ง ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม จนทำให้เทปการสัมภาษณ์นั้นถูกนายนพพร พงษ์เวช รักษาการผู้อำนวยการสถานีค้องสั่งระงับการออกอากาศไปอย่างไม่มีกำหนด และได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในกรณีนี้ แต่สุดท้ายแล้ว ทางสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ก็ยอมนำเทปการสัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณ ในรายการตัวจริง ชัดเจน ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี

อย่างไรก็ดี การทำงานภายในสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีในช่วงแรก ไม่ราบรื่นอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ เพราะเนื่องจากในช่วงที่คณะรัฐมนตรีกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะหาวิธีการรองรับการทำงานของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีอย่างไร พนักงานทั้งหมดในสถานีนั้นต่างทำงานโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้น ส่งผลให้เริ่มมีพนักงานสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีบางส่วนลาออกจากสถานีไม่ว่าจะเป็น กิตติ สิงหาปัด ที่ย้ายไปอยู่ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี, สายสวรรค์ ขยันยิ่ง ที่ย้ายไปอยู่ทางช่อง 7 สี, ชัยรัตน์ ถมยา และ ประวีณมัย บ่ายคล้อย ที่ย้ายไปอยู่ทางช่องTNN 24 เป็นต้น ทำให้เป็นที่จับตาว่าสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีจะสามารถดำรงอยู่ได้หรือไม่ แต่สุดท้ายแล้ว ทางคณะรัฐมนตรีก็ตัดสินใจที่จะรองรับการทำงานของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ด้วยการจัดตั้งหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ (Service Delivery Unit : SDU) เพื่อรองรับการทำงานของสถานีเป็นการชั่วคราว ทำให้สถานการณ์ของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีเริ่มดีขึ้น

ทว่าในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 ทางกรมประชาสัมพันธ์โดยนายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ได้ลงนามในคำสั่งโยกย้ายผู้บริหารฝ่ายข่าวจำนวน 11 คน ซึ่งรวมถึงนายอัชฌา สุวรรณปากแพรก ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว โดยแต่งตั้งให้ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อดีตบรรณาธิการฝ่ายข่าวของสำนักข่าว INN มาดำรงตำแหน่งแทน ส่งผลให้พนักงานฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีบางส่วน ไปยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับคำสั่งแต่งตั้งนายสนธิญาณมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายข่าวของสถานี ซึ่งศาลปกครองได้ให้คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว

แต่ในช่วงหนึ่ง เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2550 นั้น ได้มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติครั้งหนึ่ง ซึ่งทางภาครัฐ ได้เสนอให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำการลงมติการแปรสภาพเป็นสถานีโทรทัศน์สาธารณะ ระหว่าง สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และ สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ซึ่งเป็น 2 กิจการสถานีโทรทัศน์ที่ กรมประชาสัมพันธ์ เป็นผู้กำกับดูแล ซึ่งผลปรากฏว่า สมาชิก สนช. ได้ลงมติให้สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี มีคะแนนมากกว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ด้วยคะแนน 106 ต่อ 44 เสียง . จึงเป็นที่แน่ชัดว่า ทีไอทีวี ได้มาถึงการก้าวระดับสู่สถานีโทรทัศน์สาธารณะในปี พ.ศ. 2551 โดยสังกัด องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ส่วน สทท.กรมประชาสัมพันธ์ (สทท.11) ในฐานะเป็นฝ่ายตรงข้าม ก็ได้ก้าวมาเป็น เอ็นบีที หรือ National Broadcasting Services of Thailand แทน

สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีใช้ ??? สีแดง สลับ ??? สีขาวบ้าง ??? สีดำบ้าง เป็นสีประจำสถานีตั้งแต่เริ่มออกอากาศจนกระทั่งยุติออกอากาศ

เมื่อวันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2551 หลังจาก พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2551แล้วสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จึงได้มีหนังสือถึงกรมประชาสัมพันธ์ ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว กรมประชาสัมพันธ์จึงได้ออกหนังสือคำสั่งที่ 25/2551 ให้สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ยุติการออกอากาศ ตั้งแต่เวลา 00.08 น. ของวันดังกล่าว เพื่อให้องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ดำเนินการออกอากาศอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เวลา 00.00 น. ของวันรุ่งขึ้น (15 มกราคม) ภายใต้ชื่อ สถานีโทรทัศน์ทีพีบีเอส ส่งผลต้องทำให้หยุดการส่งสัญญาณออกอากาศในระบบยูเอชเอฟ ทางช่อง 29 จากอาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 และเสาส่งจากอาคารใบหยก 2 เป็นการชั่วคราว ด้วยเวลา 16 วัน โดยเปิดสถานีด้วยการออกอากาศนโยบายของสถานีวิทยุโทรทัศน์สาธารณะ จากนั้นเป็นสารคดีเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ทั้งหมดส่งสัญญาณจากอาคารที่ทำการ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่

ระหว่างนั้น ในคืนวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2551 นางสาวตวงพร อัศววิไล บรรณาธิการข่าวประจำวัน ผู้แทนฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้ดำเนินคดีกับ นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ในความผิดฐานใช้อำนาจในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากการออกคำสั่งกรมประชาสัมพันธ์ดังกล่าว ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับผู้ผลิตรายการและพนักงาน อีกทั้งการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ เป็นกิจการสาธารณะ จำเป็นต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองกลางแล้ว จึงถือว่าเป็นการกระทำเกินอำนาจหน้าที่ของอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์

โดยหลังจากการประชุมของผู้บริหารฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี มีมติให้ยื่นขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจากศาลปกครอง และยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ในช่วงเช้าวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2551 ด้วย จากนั้น นายอลงกรณ์ เหมือนดาว บรรณาธิการบริหารฝ่ายข่าว เป็นผู้แทนผู้บริหาร กล่าวกับพนักงานว่า ในวันที่ 15 มกราคม ขอให้พนักงานทุกคนเข้าทำงานตามปกติ แต่ให้งดการใช้กล้องวิดีโอและอุปกรณ์ต่างๆ และรอการตัดสินของคณะกรรมการชั่วคราว ที่คณะรัฐมนตรีจะแต่งตั้งในวันรุ่งขึ้น ขณะที่อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ มีคำสั่งห้ามพนักงานทีไอทีวีเข้ามาภายในสำนักงานสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี อาคารชินวัตร 3 มิฉะนั้น จะแจ้งข้อหาบุกรุก

เวลาประมาณ 01.00 น. คืนวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2551 มีประชาชนประมาณ 50 คน เดินทางมาให้กำลังใจกับสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ที่ลานจอดรถหน้าอาคารชินวัตร 3 โดยมี นายอัชฌา สุวรรณปากแพรก ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว ให้การต้อนรับ พร้อมชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ราว 30 นาย เข้ารักษาการณ์ในบริเวณอาคาร

ผู้แทนพนักงานสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี เดินทางไปยังศาลปกครอง เพื่อยื่นคำร้อง ขอไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งกรมประชาสัมพันธ์ ที่ 25/2551 ดังกล่าว โดยศาลได้นัดไต่สวนฉุกเฉิน ในวันที่ 16 มกราคม เวลา 13.30 น. ซึ่งการไต่สวนเสร็จสิ้นลง เมื่อเวลา 17.00 น. ทั้งนี้ ศาลได้นัดรับคำพิพากษาทางโทรสาร ในช่วงบ่ายวันที่ 17 มกราคม แต่เมื่อถึงเวลา ทางศาลขอเลื่อนการส่งคำพิพากษาไปเป็นเวลา 16.00 น. ที่สุดผลปรากฏว่า ศาลพิจารณาให้ยกคำร้องคุ้มครองฉุกเฉิน

ต่อมา เมื่อวันที่ 18 มกราคม ผู้บริหารทีไอทีวีได้นัดประชุมอีกครั้ง โดยมีมติให้ส่งตัวแทนเข้าพบ คณะกรรมการนโยบายชั่วคราว ขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พร้อมยื่นหนังสือสอบถาม ถึงการรับพนักงานทีไอทีวีกลับเข้าทำงาน รวมทั้งใบสมัครของพนักงานให้พิจารณาด้วย ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ทางองค์การกระจายเสียง และแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ได้ประกาศรับพนักงานของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีแต่เพียงบางส่วนเข้าทำงาน โดยให้เข้าทำงานในลักษณะของพนักงานชั่วคราวเป็นเวลา 3 เดือน และในระหว่างที่ทำงานนี้ หากประสงค์เข้าทำงานถาวรกับทางองค์การ ก็จะต้องยื่นใบสมัครเข้าทำงานเช่นเดียวกันกับผู้สมัครเป็นพนักงานขององค์การทั่วไปเช่นกัน

ดังนั้น ในที่สุดแล้ว การเปลี่ยนแปลงจากสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ไปสู่การเป็นสถานีโทรทัศน์สาธารณะ คือ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส นับเป็นการสิ้นสุดลงของการเป็นสถานีโทรทัศน์เสรีในประเทศไทย ซึ่งมีมานานเกือบ 12 ปี ภายใต้คลื่นความถี่ระบบยูเอชเอฟ (UHF) ที่เป็นความถี่เดียวกัน และเครื่องส่งโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ ช่อง 26 และช่อง 29 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งเคยออกอากาศในนามของ สถานีโทรทัศน์ไอทีวี มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539

สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2551 เวลา 00:08 น. โดยรับช่วงการออกอากาศต่อจากสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ซึ่งในวันนั้น เป็นวันสถาปนาขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย อย่างเป็นทางการ โดยองค์การฯ ได้รับโอนกิจการสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ของกรมประชาสัมพันธ์ มาดำเนินการต่อด้วย และเป็นผลทำให้ทีไอทีวีหยุดการส่งโทรทัศน์สีระบบยูเอชเอฟ ช่อง 29 เป็นเวลาชั่วคราว โดยทดลองการออกอากาศจาก อาคารสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เป็นเวลา 16 วัน และกลับมาออกอากาศโดยใช้คลื่นความถี่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเดิม ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เริ่มออกอากาศอย่างเป็นทางการในเวลา 05:00 น.


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301