สกู๊ตเตอร์ (Scooter หรือ Motor Scooter) คือ รถจักรยานยนต์ขนาดเบา มีล้อขนาดเล็ก เป็นยานพาหนะที่เป็นที่นิยมอย่างมากในยุคหลังสงครามโลก เนื่องจากมีราคาถูก และสวยงาม ในปัจจุบันก็ยังมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ยังนิยมใช้อยู่
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง บริษัทวิศวกรรมทางการทหารมีการขยายตัวอย่างมาก และเมื่อสงครามสงบ จึงเกิดบริษัทวิศวกรรมหลายๆแห่งที่ไม่ต้องทำการผลิตเพื่อกองทัพอีกต่อไป ดังนั้นบริษัทเหล่านี้จึงหันมามองตลาดยานพาหนะส่วนบุคคลแทน หลายๆ บริษัทได้หันมาพัฒนาประดิษฐ์กรรมที่ต่อมาเรียกขานกันว่า สกู๊ตเตอร์
สกู๊ตเตอร์ รุ่นแรกๆ นั้น ไม่มีการจำหน่ายในปริมาณมาก สาเหตุอาจเป็นเพราะไม่ได้สนองตอบต่อความต้องการในการเดินทางของผู้คนภายหลังสงคราม และก็เพียงเพื่อต้องการให้มีความแตกต่างกับมอเตอร์ไซด์ในยุคนั้นเท่านั้น
สกู๊ตเตอร์ ในยุคแรกได้รับความนิยมพอสมควร แต่ก็ต้องปิดตัวเองไปในช่วงกลางทศวรรษ 1920 จนกระทั่งสมัยสงครามโลกครั้งที่สองจึงได้เริ่มทำการผลิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อตอบสนองทางการทหาร บริษัทผู้ผลิตในอังกฤษ อิตาลี เยอรมัน และอเมริกา ได้ทำการผลิตสกู๊ตเตอร์แบบธรรมดาๆ เพื่อใช้ขนย้ายกองทหารพลร่มและทหารราบ ในอังกฤษมีการผลิตแบบ Welbike ซึ่งสามารถพับเก็บได้ ในอเมริกามีการผลิตแบบ Cushman ฝ่ายเยอรมันก็มี TWN ส่วนอิตาลีก็ทำการผลิตแบบ Volugrafo ซึ่งมีล้อหลังคู่
เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง ผู้คนเริ่มหันมาต้องการใช้ยานยนต์กันอีก บริษัทผู้ผลิตซึ่งต้องทำงานอย่างหนักในช่วงสงครามจึงมีศักยภาพพอที่จะทำการผลิตได้ ผลที่ตามมาก็คือเกิดการประดิษฐ์สกู๊ตเตอร์รุ่นที่สองขึ้น
ในอิตาลี บริษัท Piaggio ซึ่งเป็นบริษัทผู้สร้างเครื่องบินในสมัยนั้นถูกห้ามทำการผลิตในปี 1945 ดังนั้นทางบริษัทจึงหันมาผลิตสกู๊ตเตอร์ขนาดเล็กที่ใช้โครงสร้างตัวถังแบบชั้นเดียวแทน หลังจากผลิตรถรุ่นดังกล่าวได้ประมาณ 100 คัน จากนั้นจึงลงมือผลิตรุ่นที่ใช้ชื่อว่า เวสป้า - Vespa (Wasp) ออกมา
รถสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้มีความก้าวหน้ามากทั้งในด้านรูปทรงและด้านวิศวกรรม ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบของ เวสป้าที่มีการวางจำหน่ายในท้องตลาดจนถึงกลางทศวรรษ 1990
สกู๊ตเตอร์รุ่นแรกที่มีขนาดเครื่องยนต์เพียง 98cc.ต่อมาได้มีการพัฒนาให้มีขนาด 125cc. 150cc.และ 200cc. ตามลำดับ ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่ Innoncenti แห่งมิลาน ได้ทำการเปิดตัวสินค้าด้วย Lambretta M (ต่อมาใช้ชื่อใหม่เป็น Model A) ออกมาในปี 1947 Lambretta ผลิตโดยใช้ตัวถังแบบเปิด(openframe)ทรงหลอด และไม่มีระบบป้องกันสภาพอากาศที่ดีนอกจากนั้นก็ไม่มีระบบกันกระเทือนอีกด้วย ดังนั้นจึงต้องอาศัยยางในล้อช่วยลดการกระแทก หลังจากนั้นไม่นาน Lambretta จึงทำการผลิตรุ่น B ออกมาแทน จากจุดนี้เอง ทั้ง Lambretta และ เวสป้า จึงได้ทำการแข่งขันกันอย่างหนัก เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งในการตลาด อย่างไรก็ตาม Lambretta ยังยึดรูปแบบทรงหลอดอยู่ แต่ในบางครั้งก็มีการเปลี่ยนแปลงจากระบบขับเคลื่อนด้วยเพลาไปใช้ระบบโซ่ หรือบางทีก็สลับกัน ส่วนทางด้าน เวสป้า นั้นก็ยังยึดระบบตัวถังแบบเหล็กชิ้นเดียวครอบตัวเครื่อง และติดตั้งระบบเกียร์ไว้ใกล้ๆกับล้อหลัง การแข่งขันของทั้งสองบริษัทนี้เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งในปัจจุบัน ผู้ใช้สกู๊ตเตอร์ก็ยังแบ่งเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจน
ต้นทศวรรษ 1950 ทั้ง เวสป้า และ Lambretta สามารถสร้างยอดจำหน่ายได้มากชนิดที่วงการรถสองล้อไม่เคยมีมาก่อน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นผลให้ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ และยานยนต์ชนิดต่างๆ เกิดการแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นผู้ผลิตบางรายจะเน้นที่รูปแบบและเครื่องยนต์ สำหรับบางรายยกเครื่องสกู๊ตเตอร์ใหม่หมด โดยเปลี่ยนยานยนต์แบบประหยัด ให้กลายมาเป็นยานยนต์แบบเลิศหรูและก้าวไกล
อย่างไรก็ตามตลาดในขณะนั้นไม่สามารถรองรับความหลากหลายของสินค้าได้ทั้งหมด ทำให้สินค้าบางตัวมีอายุสั้นมาก แม้จะเป็นสินค้าชั้นยอดก็ตาม สินค้าชั้นดีหลายๆ ชนิดไม่ประสบผลสำเร็จทางธุรกิจเลย จุดตกต่ำของสกู๊ตเตอร์เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 เมื่อผูบริโภคหันหลังไปนิยมใช้รถยนต์ขนาดเล็กที่มีราคาถูก เช่นเฟียต 500 และรถมินิ เป็นต้น ทั้งนี้เพราะป้องกันฝน และอากาศหนาวได้ดีกว่า ส่วนผู้ซื้อสกู๊ตเตอร์จะมีก็เพียงสมาชิกชมรมต่างๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ในทศวรรษ 1990 สกู๊ตเตอร์ของยุโรปยังมีหลงเหลือให้เห็นได้พอสมควร ทว่าในปัจจุบันผู้ผลิตของญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอิตาลี กำลังทำการผลิตสกู๊ตเตอร์รุ่นที่สามออกมา โดยมีรูปทรงและภาพพจน์ที่สะดวกสบายขนส่ง มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และเสริมสีสันที่โฉบเฉี่ยวเพื่อดึงดูดลูกค้าวัยรุ่นฐานะปานกลาง