ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

ศิลปะการอแล็งเฌียง

ศิลปะการอแล็งเฌียง (ฝรั่งเศส: art carolingien) เป็นศิลปะที่มาจากจักรวรรดิแฟรงก์ในช่วงเวลาราว 120 ปี ราวระหว่าง ค.ศ. 780 จนถึง ค.ศ. 900 — ในรัชสมัยของจักรพรรดิชาร์เลอมาญและทายาทที่สืบครองทันทีหลังจากพระองค์ — สมัยนี้นิยมเรียกกันว่าเป็น "สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการอแล็งเฌียง" ศิลปะการอแล็งเฌียงสร้างโดยศิลปินของราชสำนักที่สร้างงานให้กับราชสำนัก และโดยสำนักสงฆ์สำคัญ ๆ ที่อยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของพระมหาจักรพรรดิ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของที่ยุโรปเหนือในการฟื้นฟูและเลียนแบบงานศิลปะคลาสสิกของเมดิเตอร์เรเนียนทั้งทางรูปแบบและลักษณะ ที่กลายมาเป็นการผสานองค์ประกอบของศิลปะคลาสสิกเข้ากับศิลปะของทางตอนเหนือของยุโรปในรูปแบบของงานที่เป็นสง่าและตระการตา (sumptuous) โดยเฉพาะอิทธิพลในการสร้างรูปลักษณ์ของมนุษย์ วางรากฐานให้แก่ศิลปะโรมาเนสก์ที่ตามมา และต่อมาศิลปะกอทิกในยุโรปตะวันตก

สมัยการอแล็งเฌียงเป็นส่วนหนึ่งของสมัยประวัติศาสตร์ศิลปะของศิลปะสมัยกลางที่เรียกว่า "ศิลปะยุคก่อนโรมาเนสก์"

หลังจากที่ทำการก่อตั้งจักรวรรดิที่ใหญ่พอพอกับจักรวรรดิไบแซนไทน์ในเวลานั้น และมีขนาดใหญ่พอกับจักรวรรดิโรมันตะวันตกเดิมแล้ว ราชสำนักการอแล็งเฌียงก็คงจะต้องมีความรู้สึกว่าตนเองยังมีความด้อยกว่าทางด้านศิลปะเมื่อเปรียบเทียบกับจักรวรรดิทั้งสอง หรือแม้แต่เมื่อเปรียบเทียบกับศิลปะยุคหลังยุคโบราณ (หรือที่นักประวัติศาสตร์เอิร์นส คิทซินเจอร์ เรียกว่า "sub-antique") ที่ยังคงสร้างกันอยู่บ้างในกรุงโรม และที่ศูนย์กลางบางแห่งในอิตาลีที่จักรพรรดิชาร์เลอมาญได้มีโอกาสทอดพระเนตรเห็นระหว่างที่ทำการรณรงค์ทางทหารอยู่ และเมื่อเสด็จไปทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหาจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในกรุงโรมในปีค.ศ. 800

ในฐานะที่ประมุขสัญลักษณ์ของโรมจักรพรรดิชาร์เลอมาญก็ทรงทำการฟื้นฟูวัฒนธรรมและการศึกษาของตะวันตก และทรงมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างงานศิลปะที่สามารถสื่อเรื่องราวพร้อมแสดงรูปลักษณ์ของบุคคลในเรื่องอย่างมีประสิทธิภาพที่ศิลปะสมัยการโยกย้ายถิ่นฐานในยุโรปแบบเจอร์แมนิกไม่อาจจะทำได้ พระองค์มีพระประสงค์ที่จะสร้างชื่อเสียงให้แก่พระองค์เองในฐานะทายาทของประมุขผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต ผู้ที่เลียนแบบและแสดงสัญลักษณ์ของการเชื่อมต่อระหว่างความสำเร็จของวัฒนธรรมของคริสเตียนเริ่มแรกและไบแซนไทน์กับของพระองค์เอง

แต่การวิวัฒนาการของศิลปะมิใช่แต่เพียงเพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมของโรมันโบราณเท่านั้น แต่ในรัชสมัยของจักรพรรดิชาร์เลอมาญ ความขัดแย้งที่เกิดจากการทำลายรูปเคารพสมัยไบแซนไทน์เป็นกรณีที่สร้างความแตกแยกในจักรวรรดิไบแซนไทน์ จักรพรรดิชาร์เลอมาญทรงสนับสนุนสถาบันคริสต์ศาสนาของตะวันตกที่ไม่อนุญาตให้มีการทำลายรูปเคารพ "กฎบัตรพระเจ้าชาร์ลส์" (Libri Carolini) วางนโยบายของราชสำนักซึ่งไม่เป็นที่น่าสงสัยว่าเป็นไปตามพระราชประสงค์

หนังสือวิจิตรและงานแกะสลักงาช้างเป็นจำนวนพอสมควรจากสมัยการอแล็งเฌียงยังคงตกทอดกันมาจนถึงทุกวันนี้ แต่งานศิลปะประเภทอื่นที่รวมทั้งงานโลหะ, งานโมเสก หรือ งานเขียนภาพบนผนังมีเพียงจำนวนไม่มากนัก หนังสือวิจิตรเป็นงานที่ก็อปปีหรือตีความหมายใหม่จากงานศิลปะโบราณหรือไบแซนไทน์ นอกไปจากอิทธิพลดังกล่าวแล้ว พลังอันมีชีวิตจิตใจของศิลปะเกาะก็ยังช่วยเพิ่มอรรถรสแก่งานศิลปะการอแล็งเฌียงอีกด้วย ที่บางครั้งก็จะเป็นการตกแต่งด้วยลายสอดประสาน และจะออกไปทางความเป็นอิสระของงานศิลปะเกาะที่ใช้การตกแต่งที่แผ่กว้างออกไป และบางครั้งก็จะเลยไปยังบทบรรยายที่เป็นตัวอักษรบนหน้าหนังสือด้วย

เมื่อการปกครองโดยอแล็งเฌียงสิ้นสุดลงในราวปี ค.ศ. 900 การสร้างงานศิลปะที่มีคุณภาพสูงก็ลดน้อยลงไปเป็นเวลาราวสามชั่วคนในจักรวรรดิ เมื่อมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 10 ขบวนการปฏิรูปแอบบีคลูนี และการฟื้นฟูทางด้านจิตวิญญาณของจักรวรรดิทำให้การสร้างงานศิลปะรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ลักษณะของศิลปะยุคก่อนโรมาเนสก์เริ่มปรากฏขึ้นในเยอรมนีในศิลปะออตโทเนียนซึ่งเป็นราชวงศ์ต่อมา ในอังกฤษก็เป็นศิลปะแองโกล-แซกซันหลังจากการรุกรานของไวกิงสิ้นสุดลง และในสเปน

งานที่หลงเหลืออยู่มากจากสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการอแล็งเฌียงก็ได้แก่หนังสือวิจิตร หนังสือวิจิตรอันหรูหราหลายเล่มที่ส่วนใหญ่เป็นพระวรสาร มีอยู่ไม่กี่หน้าที่ตกแต่งอย่างวิจิตรทั้งหน้าด้วยจุลจิตรกรรม เนื้อหาก็มักจะมีภาพของประกาศกและ ตารางยูเซเบียส ตามแบบฉบับของศิลปะเกาะของบริเตนและไอร์แลนด์ ภาพเรื่องราวและโดยเฉพาะภาพชุดชีวประวัติยังคงเป็นสิ่งที่หายาก แต่ก็ทำกัน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวจากพันธสัญญาเดิมโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับปฐมกาล - ภาพที่เป็นเรื่องราวของพันธสัญญาใหม่มักจะพบบนงานสลักนูนบนงาช้างบนปกหนังสือ การตกแต่งอักษรตัวแรกให้มีขนาดใหญ่กว่าปกติของศิลปะเกาะก็ได้รับการนำมาใช้ อักษรตัวต้นประดิษฐ์วิวัฒนาการต่อมาโดยเพิ่มฉากชีวิตขนาดเล็กที่เริ่มพบเป็นครั้งแรกในปลายสมัยศิลปะการอแล็งเฌียง ศิลปะการอแล็งเฌียง - โดยเฉพาะใน "หนังสือประกอบคริสต์ศาสนพิธีโดรโก" (Drogo Sacramentary)

หนังสือวิจิตรที่หรูหราก็จะมีหน้าปกที่ตกแต่งอย่างงดงามทำด้วยทองฝังอัญมณี และ แผ่นงาช้างแกะสลัก และเช่นเดียวกับศิลปะเกาะถือกันว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงที่จะเก็บกันไว้ในคริสต์ศาสนสถานหรือในพระคลัง งานหนังสือวิจิตรของหลวงที่หรูหราที่สุดเขียนบนหนังย้อมสีม่วง

"หนังสือเบิร์นฟิซิโอโลกัส" (Bern Physiologus) เป็นตัวอย่างที่หายากของหนังสือโลกวิสัยที่มีภาพประกอบและตกแต่งด้วยจุลจิตรกรรมอย่างเต็มที่ อาจจะเป็นหนังสือที่สร้างขึ้นสำหรับห้องสมุดส่วนตัวของบุคคลสำคัญ หนังสือเพลงสวดสดุดีอูเทร็คท์ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่เกือบจะเป็นที่ทราบได้อย่างแน่นอนว่าเป็นงานที่ก็อปปีมาจากงานที่เขียนขึ้นก่อนหน้านั้น

งานทางศาสนาบางครั้งก็เขียนเป็นหนังสือที่ตกแต่งอย่างหรูหรางดงาม เช่น หนังสือประกอบคริสต์ศาสนพิธี แต่พระคัมภีร์จากสมัยนี้ไม่มีการตกแต่งอย่างหนักเช่นที่ทำกันในสมัยปลายยุคโบราณ ตัวอย่างที่พบก็เป็นเพียงชิ้นส่วน หนังสือตำราเช่นตำราทางคริสต์ศาสนวิทยา, ประวัติศาสตร์, วรรณกรรม หรือ งานวิทยาศาสตร์จากนักประพันธ์ยุคโบราณเป็นงานก็อปปี และภาพประกอบก็จะเขียนด้วยหมึกเท่านั้น ถ้าเขียน

หนังสือวิจิตรของสมัยการอแล็งเฌียงสันนิษฐานกันว่าส่วนใหญ่สร้างขึ้นโดยนักบวช ในห้องเขียนทั่วไปในจักรวรรดิ แต่ละห้องเขียนก็จะมีลักษณะการเขียนที่เป็นของตนเองที่พัฒนาขึ้นมาโดยศิลปินและอิทธิพลของบริเวณท้องถิ่นและสมัยของการเขียน หนังสือวิจิตรที่เขียนมักจะมีคำจารึกที่ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นคำจารึกที่เขียนขึ้นในสมัยเดียวกับที่สร้างงาน ที่จะระบุว่าใครเป็นผู้จ้างและอุทิศให้แก่สำนักสงฆ์หรือคริสต์ศาสนสถานใด แต่มีเพียงไม่กี่ฉบับที่ระบุชื่อศิลปินและเวลาและสถานที่ที่สร้างงาน

หนังสือวิจิตรที่พบได้รับการสั่งให้ห้องเขียนทำหรืออาจจะได้รับการสั่งให้ทำอีกหลายครั้งต่อมาโดยผู้คงแก่เรียน ห้องเขียนแรกที่สุดก็คือห้องเขียนของสำนักศึกษาของราชสำนักของจักรพรรดิชาร์เลอมาญ ต่อมาก็เป็นสกุลช่างเมืองแร็งส์ที่กลายมาเป็นลักษณะงานเขียนที่มีอิทธิพลมากที่สุดของสมัยการอแล็งเฌียง ตามด้วยสกุลตูโรเนียน, โดรโก และสิ้นสุดลงด้วยสกุลช่างของราชสำนักของชาร์ลส์เดอะบอลด์ สถานที่เหล่านี้เป็นศูนย์กลางสำคัญของการสร้างหนังสือวิจิตรนอกไปจากแหล่งสร้างงานอื่น ๆ

สำนักศึกษาของราชสำนักของจักรพรรดิชาร์เลอมาญ (หรือที่เรียกว่าสกุลช่างอดา) เป็นศูนย์กลางแห่งแรกที่สร้างหนังสือวิจิตรที่รวมทั้ง "Godescalc Evangelistary" (ค.ศ. 781-ค.ศ. 783); the "พระวรสารลอร์สช" (ค.ศ. 778-ค.ศ. 820); the "พระวรสารอดา"(ภาพ:นักบุญแม็ทธิว); "พระวรสารซัวซองส์"; และพระวรสารบรมราชาภิเษก (ภาพ:นักบุญแม็ทธิว) หนังสือวิจิตรที่สร้างโดยสำนักศึกษาของราชสำนักจะมีลักษณะหรูหราแพรวพราว ที่คล้ายคลึงกับงานโมเสกและงาช้างของคริสต์ศตวรรษที่ 6 ของราเวนนาในอิตาลี งานหนังสือวิจิตรที่สร้างโดยสำนักเป็นงานเขียนที่ดั้งเดิมที่สุดของสมัยการอแล็งเฌียงที่แสดงให้เห็นการเริ่มการฟื้นฟูศิลปคลาสสิกของโรมัน แต่ก็ยังรักษาธรรมเนียมนิยมของศิลปะสมัยการโยกย้ายถิ่นฐานในยุโรปเอาไว้บ้าง (เมโรแวงเชียงและศิลปะเกาะ) ในการที่ยังเป็นการวาดเชิงเส้นโดยไม่คำนึงถึงขนาดหรือความสัมพันธ์ของพื้นที่ในภาพ

เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 9 อัครสังฆราชอีโบแห่งแร็งส์เรียกชุมนุมศิลปินมาทำงานร่วมกันที่ Hautvillers ที่ผลที่ออกมาเป็นการวิวัฒนาการศิลปะการอแล็งเฌียงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง "พระวรสารอีโบ" (ค.ศ. 816-ค.ศ. 835) เขียนด้วยฝีแปรงที่เขียนอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยพลังที่กระตุ้นแรงบันดาลใจและพลังที่ไม่ปรากฏมาก่อนในลักษณะงานเขียนของเมดิเตอร์เรเนียนภาพ:นักบุญแม็ทธิว หนังสือวิจิตรฉบับอื่นที่มีอิทธิพบของสกุลช่างแห่งเมืองแร็งส์ก็ได้แก่ "หนังสือเพลงสวดสดุดีอูเทร็คท์" (ภาพ:ระเบียงภาพ) ที่อาจจะถือว่าเป็นหนังสือวิจิตรฉบับที่สำคัญที่สุดของสมัยศิลปะการอแล็งเฌียง และ "หนังสือเบิร์นฟิซิโอโลกัส" ซึ่งเป็นหนังสือฉบับภาษาละตินทางศาสนาที่เก่าที่สุดที่เกี่ยวกับอุปมานิทัศน์ของยุคกลางที่เกี่ยวกับสัตว์ ภาพวาดที่เต็มไปด้วยชีวิตจิตใจของสกุลช่างแห่งเมืองแร็งส์โดยเฉพาะใน "หนังสือเพลงสวดสดุดีอูเทร็คท์" ที่เป็นภาพวาดลายเส้นที่เป็นภาพที่มีคุณลักษณะของการแสดงออกอย่างธรรมชาติเป็นงานที่มีอิทธิพลต่อศิลปะของยุคกลางของทางตอนเหนือของยุโรปเป็นเวลาอีกหลายร้อยปีต่อมาจนกระทั่งมาถึงสมัยศิลปะโรมาเนสก์ต่อมา

ลักษณะอีกลักษณะหนึ่งที่พัฒนาขึ้นมาในสำนักสงฆ์ของนักบุญมาร์ตินแห่งทัวร์เป็นงานพระคัมภีร์ไบเบิลขนาดใหญ่ที่มีภาพประกอบที่มีอิทธิพลมาจากงานเขียนภาพประกอบของปลายยุคโบราณ พระคัมภีร์ไบเบิลขนาดใหญ่สามฉบับโดยเฉพาะฉบับสุดท้ายที่เป็นฉบับที่ดีที่สุดสร้างขึ้นสำหรับชาร์ลส์เดอะบอลด์เรียกว่า "พระคัมภีร์วิเวียน" สกุลช่างแห่งเมืองตูร์มาสิ้นสุดลงอย่างกะทันหันเมื่อถูกรุกรานโดยนอร์มันในปี ค.ศ. 853 แต่ลักษณะการเขียนก็จารึกอย่างถาวรตามศูนย์กลางการสร้างงานหนังสือวิจิตรในจักรวรรดิ

สังฆมณฑลเมท์ซก็เป็นศูนย์กลางอีกศูนย์กลางหนึ่งของศิลปะการอแล็งเฌียง ระหว่าง ค.ศ. 850 จนถึง ค.ศ. 855 ก็ได้มีการสร้างหนังสือประกอบคริสต์ศาสนพิธีให้แก่สังฆราชโดรโกแห่งเมท์ซที่เรียกว่า "หนังสือประกอบคริสต์ศาสนพิธีโดรโก" หนังสือโดรโกที่ตกแต่งด้วยอักษรตัวต้นประดิษฐ์กลายมามีอิทธิพลมาจนถึงสมัยศิลปะโรมาเนสก์ต่อมา และเป็นการผสานระหว่างอักษรคลาสสิกเข้ากับฉากภาพที่ประกอบด้วยรูปลักษณ์

ในครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 9 ธรรมเนียมนิยมของครึ่งศตวรรษแรกก็ยังคงดำเนินต่อมา พระคัมภีร์ไบเบิลหลายฉบับได้รับการสร้างขึ้นสำหรับชาร์ลส์เดอะบอลด์โดยผสานระหว่างลักษณะศิลปะของยุคโบราณตอนปลายเข้ากับลักษณะที่พัฒนาขึ้นมาที่แร็งส์และตูร์ ในช่วงเดียวกันนี้ลักษณะฟรังโค-แซกซันก็เริ่มปรากฏขึ้นทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ที่รวมการใช้ลายสอดประสานของศิลปะไฮเบอร์โน-แซกซันที่กลายมาเป็นลักษณะเด่นที่ใช้กันต่อมาอีกร้อยปีหลังจากสมัยการอแล็งเฌียง

ชาร์ลส์เดอะบอลด์ก็เช่นเดียวกับพระอัยกา พระองค์ทรงก่อตั้งสำนักศึกษาขึ้นในราชสำนัก ที่ตั้งนั้นไม่ทราบแน่นอนแต่งานต้นฉบับระบุว่าสร้างโดยสำนักศึกษาของราชสำนักดังกล่าว ที่รวมทั้ง "พระวรสารลอร์สช" (ค.ศ. 870) (ภาพ:พระเจ้าชาร์ลส์บนบัลลังก์) ที่เป็นงานเขียนชิ้นสุดท้ายอันงดงาม งานเขียนมีทั้งอิทธิพลของแร็งส์และของตูร์ และผสานเข้ากับลักษณะการเขียนที่มาจากการเขียนแบบทางการของสำนักศึกษาของราชสำนักของจักรพรรดิชาร์เลอมาญ

เมื่อชาร์ลส์เดอะบอลด์เสด็จสวรรคตการอุปถัมภ์การสร้างหนังสือวิจิตรก็เสื่อมโทรมลงตามไปด้วย และเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นการเสื่อมโทรม แต่ก็ยังมีการสร้างงานกันต่อมาอยู่บ้าง เช่น "หนังสือเพลงสวดสดุดีโฟลชาร์ด" (ค.ศ. 883) ที่สร้างโดยแอบบีเซนต์กอลล์ และ "หนังสือเพลงสวดสดุดีฉบับทอง" ในปีเดียวกัน ลักษณะการเขียนแบบแอบบีเซนต์กอลล์เป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ขาดระดับความสามารถทางเทคนิคเช่นที่เห็นในบริเวณอื่น

หนังสืออันวิจิตรของสมัยการอแล็งเฌียงเป็นหนังสือที่สร้างขึ้นให้มีหน้าปกที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ที่สร้างด้วยโลหะมีค่าฝังอัญมณีรอบแผ่นงาช้างแกะสลักตอนกลางของหน้าปก - หน้าปกของหนังสือบางฉบับเป็นหน้าปกที่ได้รับการอุทิศให้สร้างขึ้นภายหลังที่ตัวหนังสือเองสร้างเสร็จแล้ว มีเพียงหน้าปกที่ไม่ได้รับความเสียหายเพียงไม่กี่ชิ้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แต่ส่วนที่เป็นงาช้างที่แยกออกมาจากตัวปกนั้นยังคงมีเหลืออยู่หลายชิ้น เพราะอาจจะมาจากเมื่อมีการทำลายหน้าปกเพื่อเอาโลหะมีค่าและอัญมณี หัวข้อของหนังสือมักจะเป็นฉากบรรยายเรื่องราวทางศาสนาแนวตั้ง ตามแบบงานเขียนและงานแกะสลักของสมัยปลายยุคโบราณ เช่นเดียวกับรูปลักษณ์ที่มาจากบานพับกงสุลหรือศิลปะของราชสำนักต่าง ๆ เช่นปกหน้าและหลังของ "พระวรสารลอร์สช"

จักรพรรดิชาร์เลอมาญทรงฟื้นฟูการหล่อสัมริดขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อทรงก่อตั้งโรงหล่อขึ้นที่อาเคิน ที่ทรงใช้ในการหล่อประตูของชาเปลพาเลไทน์ในอาเคินที่เป็นประตูที่เลียนแบบลวดลายออกแบบของโรมัน แต่กางเขนที่มีรูปลักษณ์ของพระเยซูที่ทำด้วยทองขนาดเท่าคนจริงที่เคยมีอยู่ในชาเปลนั้นหายไป งานชิ้นนี้เป็นแบบอย่างชิ้นแรกของงานลักษณะนี้ที่ต่อมามามีความสำคัญต่อศิลปะคริสต์ศาสนาของยุคกลาง รูปพระเยซูอาจจะแกะจากไม้แล้วหุ้มทองเช่นเดียวกับพระแม่มารีทองแห่งเอสเซิน

งานชิ้นที่งามที่สุดของฝีมือช่างทองของการอแล็งเฌียงก็ได้แก่แท่นบูชาทอง (ค.ศ. 824-ค.ศ. 859) (ภาพ:แท่นบูชา) หรือที่เรียกว่า "Paliotto" ที่เป็นของบาซิลิกาซานอัมโบรโจที่มิลาน แท่นบูชาสี่ด้านตกแต่งด้วยรูปลักษณ์ที่ทำด้วยทองและเงินโดยวิธีที่เรียกว่าการดุนลาย ล้อมรอบด้วยกรอบที่เป็นทองถัก, หินมีค่า และ เครื่องเคลือบ

งานโมเสกภายในชาเปลพาเลไทน์ในอาเคินเป็นภาพพระเยซูบนบัลลังก์พร้อมด้วยสัญลักษณ์สักการะของประกาศกทั้งสี่ และผู้อาวุโสยี่สิบสี่คนจากพระธรรมวิวรณ์ งานโมเสกชิ้นนี้ไม่มีเหลืออยู่แล้ว แต่ชิ้นที่ได้รับการปฏิสังขรณ์จนเกินขนาดยังคงเหลืออยู่ในมุขโค้งด้านสกัดที่โอราทรีที่แชร์มิญญี-เดส์-เพรส์ (ค.ศ. 806) ที่เป็นภาพหีบพันธสัญญาชื่นชมโดยเทวดา งานชิ้นนี้พบเมื่อปี ค.ศ. 1820 ภายใต้ชั้นปูนพลาสเตอร์

คฤหาสน์ติดกับโอราทรีเป็นของสังฆราชทีโอดุลฟแห่งออร์เลอองส์ผู้ใกล้ชิดคนสำคัญของจักรพรรดิชาร์เลอมาญ คฤหาสน์ถูกทำลายในปลายคริสต์ศตวรรษ ที่มีจิตรกรรมฝาผนังในรูปของ สัปตศิลปศาสตร์, สี่ฤดูกาล และ แผนที่โลกยุคกลาง (Mappa mundi) เราทราบจากหลักฐานทางลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับจิตรกรรมฝาผนังอื่น ๆ ในคริสต์ศาสนสถานและวังที่ส่วนใหญ่สูญหายไปแล้ว พระราชวังอาเคินของจักรพรรดิชาร์เลอมาญมีจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับศิลปศาสตร์ และฉากเรื่องราวจากการรณรงค์ทางทหารของพระองค์ในสเปน วังของหลุยส์เดอะไพอัสที่อิงเกิลไฮม์ มีภาพประวัติศาสตร์จากยุคโบราณมาจนถึงรัชสมัยของจักรพรรดิชาร์เลอมาญ และชาเปลของพระราชวังเป็นภาพเขียนของฉากจากทั้งพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่เคียงข้างกัน

ชิ้นส่วนของภาพเขียนที่ยังคงมีเหลืออยู่บ้างก็มีอยู่ที่โอแซร์, โคเบลนซ์, ลอร์สช, โคโลญ, ฟุลดา, คอร์วีย์, เทรียร์, มึสแตร์, มาลส, นาเทิร์นส, ชิวาดาเล, เบรสเชีย และ มิลาน

"Spolia" หรือ "การนำวัสดุโบราณมาใช้ใหม่" เป็นภาษาละตินที่เป็นคำเดียวกับคำว่า "spoils" ที่หมายถึงสิ่งที่ริบมา เป็นคำที่ใช้สำหรับการนำอนุสรณ์สถานโบราณหรืองานศิลปะอื่นมาใช้ใหม่ หรือ ย้ายไปยังสถานที่ใหม่ เป็นที่ทราบกันแล้วว่าในช่วงนี้ได้มีการขนหินอ่อนและคอลัมน์จากกรุงโรมขึ้นมาใช้ทางตอนเหนือของยุโรป

วัสดุโบราณชิ้นสำคัญที่ถูกนำมาใช้ใหม่ในสมัยการอแล็งเฌียงก็ได้แก่ตำนานเกี่ยวกับอนุสาวรีย์คนขี่ม้า เมื่อประทับอยู่ที่กรุงโรมจักรพรรดิชาร์เลอมาญทอดพระเนตรเห็นอนุสาวรีย์มาร์คัส ออเรลิอัสขี่ม้าที่วังแลเตอร์รัน งานประติมากรรมชิ้นนี้เป็นงานชิ้นเดียวที่ยังคงเหลืออยู่ของจักรพรรดิโรมันก่อนสมัยคริสเตียน เดิมเชื่อกันว่าเป็นพระรูปของจักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 ฉะนั้นจึงมีความสำคัญเป็นอันมาก—จักรพรรดิชาร์เลอมาญจึงทรงนำมาจากราเวนนามายังอาเคิน เพราะทรงเชื่อว่าเป็นพระรูปของพระเจ้าธีโอดอริคมหาราชเพื่อจะได้คู่กับพระรูปของจักรพรรดิคอนสแตนตินในกรุงโรม


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301