ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ (???? Itsukushima Jinja) เป็นศาลเจ้าลัทธิชินโตบนเกาะอิสึกุชิมะ เมืองฮะสึไกชิ จังหวัดฮิโระชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก และรัฐบาลญี่ปุ่นได้ยกฐานะอาคารต่าง ๆ ในศาลเจ้าให้เป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น
ประวัติความเป็นมาของศาลเจ้าย้อนหลังไปได้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 การก่อสร้างสำเร็จจนมีลักษณะอย่างในปัจจุบันตั้งแต่ปี พ.ศ. 1711 โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากแม่ทัพคิโยโมริ ศาลเจ้าแห่งนี้เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ของเกาะ ในอดีตชาวบ้านสามัญชนจะถูกห้ามไม่ให้ย่างเท้าขึ้นบนเกาะ และต้องเดินทางโดยเรือผ่านเสาประตูที่ลอยอยู่กลางทะเล
เสาโทะริอิของศาลเจ้าอิสึกุชิมะเป็นจุดท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น และทิวทัศน์ของเสาประตูที่อยู่หน้าภูเขามิเซนบนเกาะ ยังได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งในสามทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น (Three Views of Japan) เสาโทะริอิถูกสร้างขึ้นในบริเวณนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 1711 แต่เสาที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2418 ตัวเสาทำจากไม้การบูร มีความสูงประมาณ 16 เมตร มีเสาเล็ก ๆ เป็นฐานรองอีก 4 เสา
ในเวลาที่น้ำขึ้น เสาโทะริอิจะดูเหมือนลอยอยู่กลางทะเล เมื่อน้ำลง จะปรากฏให้เห็นพื้นโคลนเลนที่เสาตั้งอยู่ และสามารถเดินเท้าไปจากเกาะได้ ผู้มาเยือนมักจะวางเหรียญเงินไว้ที่ขารองเสาแล้วอธิษฐานขอพร การเก็บหอยเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่เป็นนิยมเวลาน้ำลง และเวลากลางคืนจะมีแสงไฟจากชายฝั่งส่องไปที่เสาให้ดูงดงามยิ่งขึ้น
การรักษาความสะอาดบริสุทธิ์ในศาลเจ้าถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ก่อนปี พ.ศ. 2421 ภายในศาลเจ้าจะไม่มีการอนุญาตให้มีการเกิดและการตาย แม้จนทุกวันนี้การฝังศพบนเกาะก็ยังเป็นสิ่งต้องห้าม
ในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2547 ศาลเจ้าถูกพายุไต้ฝุ่นซงด่าพัดจนเสียหายหนัก ทางเดินและหลังคาอาคารถูกทำลาย ทำให้ต้องปิดศาลเจ้าชั่วคราว แล้วเปิดให้เข้าชมอีกครั้งในปี พ.ศ. 2549 แต่ก็ยังคงต้องดำเนินการซ่อมแซมต่อไป
ศาลเจ้าอิสีกุชิมะได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 20 เมื่อปี พ.ศ. 2539 ที่เมืองเมรีดา ประเทศเม็กซิโก ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังต่อไปนี้