วันในสัปดาห์ ถูกตั้งชื่อตามวัตถุบนท้องฟ้าที่สำคัญ ได้แก่ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ และ ดาวเสาร์ ซึ่งเป็นวัตถุบนท้องฟ้าที่สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่ในสมัยโบราณ ตั้งแต่มนุษย์เริ่มสนใจในเรื่องของฟากฟ้าแล้ว
วันเสาร์และวันอาทิตย์ถูกเรียกกันโดยทั่วไปว่าเป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ วันแห่งการพักผ่อนหรือนันทนาการในประเทศตะวันตก ส่วนวันศุกร์และวันเสาร์ เป็นวันแห่งการพักผ่อนในประเทศมุสลิมบางประเทศ ในอิสราเอล ถือว่าวันเสาร์และวันศุกร์หรือวันอาทิตย์เป็นวันพักผ่อนของสัปดาห์ตามโอกาส แต่ในบางประเทศ เช่น อิหร่าน มีวันหยุดของสัปดาห์เพียงแค่หนึ่งวัน คือ วันศุกร์เท่านั้น และสัปดาห์ใหม่จะเริ่มขึ้นในวันเสาร์ ประเทศมุสลิมอื่น ๆ มักจะมีวันหยุดเป็นวันพฤหัสบดีและวันศุกร์
วันอาทิตย์เป็นวันแรกของสัปดาห์ตามวิชาโหราศาสตร์ ในศาสนายูดาย และใน Ecclesiastical Latin รวมไปถึงในสหรัฐอเมริกา และในบางประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ รวมไปถึง ประเทศไทย ด้วย ส่วนประเทศจำนวนมากในยุโรป อเมริกาใต้ และบางส่วนของเอเชีย ถือว่าวันจันทร์เป็นวันแรกของสัปดาห์ ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างนานาชาติมาตรฐานสำหรับการใช้วันและเวลา ISO 8601 ซึ่งกำหนดให้วันจันทร์เป็นวันแรกของสัปดาห์ และวันอาทิตย์เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์
ชื่อภาษาอังกฤษของวันทั้งเจ็ดได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมากจากภาษาเยอรมัน และบางส่วนก็มาจากภาษาโรมัน
วันในสัปดาห์ได้แก่วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดี วันศุกร์ วันเสาร์และวันอาทิตย์ หน่วยงานทางธุรกิจและสังคมจำนวนมากในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาได้ถือเอาว่าวันอาทิตย์เป็นวันแรกของสัปดาห์ ส่วนในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลียและแอฟริกาใต้ถือว่าวันจันทร์เป็นวันแรกของสัปดาห์ และวันอาทิตย์เป็นวันที่เจ็ด วันอาทิตย์ถือว่าเป็นวันแรกของสัปดาห์ในทางโหราศาสตร์ ทางความเชื่อของภาษาฮีบรูและภาษาลาตินของคาทอลิกในช่วงสหัสวรรษแรก
ในศาสนายูดายและวัฒนธรรมคริสต์ วันแรกของวันทั้งเจ็ดได้แก่ วันอาทิตย์ ตามพระคัมภีร์ไบเบิล พระเจ้าได้สร้างโลกในเวลาหกวัน และพักผ่อนในวันที่เจ็ด วันแซบเบท วันเสาร์ นี่ทำให้วันอาทิตย์กลายเป็นวันแรกของสัปดาห์ ในขณะที่วันเสาร์เป็นวันสำหรับเฉลิมฉลองและพักผ่อน วันอาทิตย์เป็นวันแรกของสัปดาห์ แต่ว่าถูกแทนที่โดยวันแห่งการเฉลิมฉลองและการพักผ่อน เรียกว่า "วันแห่งพระเจ้า" ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้วันอาทิตย์ถูกมองว่าเป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์
นอกจากนั้น ยังมีความแตกต่างกันของหลักฐานเกี่ยวกับการบันทึกเรื่องของวันในภาษาต่างๆ - เช่น ในภาษาฮีบรู อารบิก กรีก ละตินคาทอลิก และโปรตุเกส บางภาษาได้เรียกวันเป็นตัวเลขเรียงตามลำดับของวัน และเรียกวันอาทิตย์ว่าเป็นวันที่หนึ่ง ส่วนในภาษาอื่นๆ เช่น กลุ่มภาษาสลาฟ ก็เรียกว่าวันเป็นตัว้ลขเช่นกัน แต่ว่าใช้วันจันทร์เป็นวันแรกของสัปดาห์ และการเรียกวันในกลุ่มภาษาสลาฟไม่ได้เรียงตามลำดับวันในสัปดาห์ แต่เรียงตามระยะห่างจากวันอาทิตย์ ด้วยเหตุนี้ วันพุธ จึงถูกเรียกว่าเป็น "วันกลางสัปดาห์"
ในยุโรปส่วนใหญ่ปัจจุบันนี้ และบางประเทศอื่นๆ วันจันทร์ได้กลายเป็นวันแรกของสัปดาห์ และถูกตั้งชื่อในภาษาต่างๆ เช่น ??? (แปลว่า ช่วงดาวหนึ่ง) ในภาษาจีนกลาง และ pirmadienis ในภาษาลิธัวเนีย ข้อตกลง ISO ได้กำหนดว่าวันจันทร์เป็นวันแรกของสัปดาห์ เช่นเดียวกับ ISO-8601 สำหรับซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์
จากหลายๆ แหล่งที่มาพบว่าวันทั้งเจ็ดนั้นต่างก็มีที่มาจากอารยธรรมบาบิโลน หรือ สุเมเรียน แต่ก็มีผู้ที่กล่าวว่าพวกมันเกิดก่อนหน้านั้นอีกนัก ส่วนวันทั้งเจ็ดที่เกี่ยวกับดาวเคราะห์นั้นมีที่มาจากอารยธรรมอียิปต์ (สมัยอยู่ภายใต้การปกครองของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช)
การจดบันทึกที่เก่าแก่ที่สุดที่เคยค้นพบมาจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ในหลักธรรมสิบประการของพระเจ้า อพยพ 20:11 ว่า "พระเจ้าใช้เวลาหกวันในการสร้างสวรรค์และแผ่นดิน มหาสมุทร และพักผ่อนในวันที่เจ็ด" ซึ่งมีความหมายย้อนกลับไปถึงสัปดาห์ของการสร้าง ปฐมกาล 1 และ 2 วันทั้งเจ็ดนั้นกะคร่าวๆ ว่าเป็นช่วงการโคจรรอบโลกของดวงจันทร์ (ขึ้น 15 ค่ำ, ขึ้น 8 ค่ำ, แรม 8 ค่ำ และแรม 15 ค่ำ) แต่ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม วันทั้งเจ็ดนั้นตั้งอยู่บนสวรรค์ที่ส่งไปทั้งทางตะวันตกและตะวันออก ตั้งแต่อารยธรรมกรีกไปจนถึงอารยธรรมโรมัน ตั้งแต่อารยธรรมญี่ปุ่นจนถึงอรายธรรมแมนนิเชียน ตั้งแต่อารยธรรมจีนจนถึงอารยธรรมอินเดีย
ในอารยธรรมฮินดู ก็ได้มีการใช้วันทั้งเจ็ดจากเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งเขียนเป็นภาษาสันสกฤตราว 500 ปีก่อนคริสตกาล โดยใช้คำว่า Bhanu-vaar หมายถึง วันอาทิตย์ Soma-vaar หมายถึง วันจันทร์ และต่อๆ ไป
การอ้างอิงที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบอยู่ในงานเขียนของจีน ซึ่งถูกระบุว่าเป็นของ ฟาน หนิง มีชีวิตอยู่ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 4 ส่วนในประเทศอินเดียนั้นก็มีการบันทึกเกี่ยวกับงานเขียนของพระสงฆ์จีนชื่ออี ชิง และพระสงฆ์จากเกะลังกาชื่อบู คง ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 8 การถ่ายตัวอักษรจีนเรื่องระบบดาวเคราะห์นั้นภายหลังได้ถูกนำไปสู่ดินแดนญึ่ปุ่นโดยพระสงฆ์ชาวญี่ปุ่น โคโบ ไดชิ
วันทั้งเจ็ดนั้นได้ถูกใช้มาแล้วเป็นเวลากว่าสองสหัสวรรษ และมีทั้ง ปฏิทินอเล็กซานเดรียน ปฏิทินจูเลียนและปฏิทินเกรโกเรียน
ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 1-3 ของจักรวรรดิโรมัน นั้นได้คอ่ยๆ เปลี่ยนปฏิทินโรมันแบบสัปดาห์ละแปดวันลดลงเหลือเพียงเจ็ดวัน โดยผู้ที่อธิบายถึงการเรียงลำดับของวันนี้ คือ เวตติอุส วาเลนส์กับไดโอ แคสซุส ตามที่ทั้งสองเขียนเอาไว้ มันคือหลักทางดาราศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสวรรค์ (วัตถุบนฟากฟ้า) และแนวคิดนี้ก็ได้ส่งต่อสืบกันมา ระบบพโตเลมีได้ยืนยันถึงการเรียงลำดับวัตถุบนฟากฟ้า (ลำตัวของสวรรค์) จากไกลที่สุดมาหาใกล้ที่สุดไว้ดังนี้: ดาวเสาร์ ดาวพฤหัสบดี ดาวอังคาร ดวงอาทิตย์ ดาวพุธและดวงจันทร์ (เป็นแนวคิดของลัทธิสโตอิกของกรีกในสมัยโบราณ)
ตามทฤษฎีดาราศาสตร์ ไม่เพียงแค่วันในสัปดาห์เท่านั้น แต่ว่ายังมีอิทธิพลกับแต่ละชั่วโมงของวันอีกด้วย ถ้าหากในชั่วโมงแรกของวันนั้นอยู่ภายใต้อิทธิพลของดาวเสาร์ () ชั่วโมงที่สองของวันก็จะอยู่ภายใต้อิทธิพลของดาวพฤหัสบดี () ชั่วโมงที่สาม ก็จะเป็นดาวอังคาร () และต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้นทุกๆ เจ็ดชั่วโมง ดาวเคราะห์ทั้งเจ็ดดวงจะหมุนเวียนกันไป นอกเหนือจากนี้ ในชั่วโมงที่ยี่สิบห้า ซึ่งก็คือชั่วโมงแรกของวัดถัดไป จะอยู่ภายใต้อิทธิพลของดวงอาทิตย์ และชั่วโมงที่สี่สิบเก้า คือ วันแรกของอีกสองวันข้างหน้า จะอยู่ภายใต้อิทธิพลของดวงจันทร์