เป็นวันที่มีเกียรติในศาสนาอื่นด้วย เช่น ศาสนายิว เพราะเป็นวันที่ท่านนบีมูซา อะลัยฮิสสลาม ได้รับความปลอดภัยจากฟิรเอานฺ จึงเป็นวันแห่งการขอบคุณของบนีอิสรออีล และเป็นที่รู้กันดีว่าท่านนบีมูซาได้ถือศีลอดในวันนี้ เมื่อท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อพยพไปยังเมืองมะดีนะฮฺ และท่านได้ทราบว่าชาวยิวที่อาศัยอยู่ในเมืองมะดีนะฮฺกำลังถือศีลในวันนั้น ท่านนบีจึงประกาศให้เป็นวันถือศีลอดของชาวมุสลิมด้วย โดยกล่าวว่า “ฉันมีข้อเกี่ยวพันกับมูซามากกว่าพวกท่าน(โอ้ชาวยิว)” ท่านนบีจึงถือศีลอดวันนั้นและใช้ให้บรรดามุสลิมีนถือศีลอดด้วย” (บันทึกโดยบุคอรียฺและมุสลิม)
บรรดานักปราชญ์อิสลามชี้แจงว่า ในช่วงแรกการถือศีลอดวันอาชูรออฺ(สิบมุฮัรรอม)เป็นวาญิบ(จำเป็นต้องปฏิบัติ) เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่มีการใช้ให้ถือศีลอดเดือนรอมฎอน จึงถือเป็นการถือศีลอดฟัรฎูของมุสลิม แต่หลังจากที่มีบทบัญญัติใช้ให้บรรดามุสลิมีนถือศีลอดเดือนรอมฎอนเป็นฟัรฎูแล้ว ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็ไม่ได้บังคับให้ถือศีลอดในวันนี้ แต่ยืนยันในความประเสริฐด้วยถ้อยคำอันชัดเจน ท่านนบีถูกถามถึงการถือศีลอดในวันอาชูรออฺ ท่านตอบว่า “ลบล้างความผิดตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา”
อาชูรออ์ แปลว่า วันที่ 10 เป็นวันไว้อาลัยโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นต่ออิมามฮุเซน บินอะลีย์ บินอะบีฏอลิบ เนื่องจากถูกสังหารในแผ่นดินกัรบาลา เมื่อวันที่ 10 มุฮัรรอม ฮ.ศ. 61 ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 1223 อิมามฮุเซนและครอบครัวและบรรดาซอฮาบะฮของท่านได้ร่วมกันต่อสู้กับกองทหารของอิบนีซิยาด ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาบ่าย ซึ่งในการต่อสู้ครั้งนี้ท่านอิมามฮุเซน ลุงอับบาส ลีอัซกัร อาลีอักบัร กอซิม โฮรซึ่งเป็นทาศผิวดำ และบรรดาซอฮาบะฮของท่านและเหลือท่านอิมามซัยนุลอาบิดีนบุตรชายคนหนึ่งของท่านที่ไม่สามารถออกรบได้ เพราะป่วยอยู่ในขณะนั้น และยังเหลือบรรดาสตรี ท่านหญิงซัยนับ รูกัยยะอ สุกัยนะ อุมมุนกุลซูมซึ่งพวกเขาถูกจับเป็นเชลยไปยังเมืองชาม
ชาวมุสลิมชีอะหฺจะไว้อาลัยฮุเซนในวันอาชูรออ์ โดยจัดพิธีกรรม เช่นการเล่าเรื่องอิมามฮุเซนจากประวัติศาสตร์ การขอดุอาอ์ การร้องไห้ การเลี้ยงอาหารและน้ำให้แก่คนยากจน สถานที่จัดคือที่มัสยิด หรือฮุซัยนียะหฺ
อาชูรอคือเสียงป่าวร้องของการต่อสู้กับการบิดเบือนอิสลาม คือเสียงป่าวร้องต่อต้านการทำเป็นทองไม่รู้ร้อนและการวางเฉยในสงครามระหว่างธรรมะกับอธรรม และอาชูรอคือสุรเสียงแห่งการคัดค้านของอิมามฮุซัยน์ (อ) หัวหน้าของบรรดาชะฮีดนั่งเก้าอี้ปกครองประชาชาติอิสลามของเหล่าคนพาล อาชูรอประณามการวางเฉยของรัฐเกี่ยวกับประเด็นสำคัญสามประการ: ความจริง, ความยุติธรรม และศีลธรรมอันดีงาม อาชูรอถือว่าการปกป้องและเข้าข้างความเท็จ ความอธรรม และความเสื่อมเสียนั้นคือความชั่วทางสังคมที่ร้ายแรงที่สุด ซึ่งอิมามฮุซัยน์ (อ) อิมามแห่งบรรดาชะฮีดได้ลุกขึ้นต่อต้านความชั่วร้ายนั้นพร้อมกับแบกรับความเจ็บปวดรวดร้าวทั้งหมดไว้ในการบำราบความชั่วที่ร้ายแรงดังกล่าว ขบวนการของอิมามฮุซัยน์ (อ) มิใช่การการเดินทางท่องเที่ยว ค้าขาย หรือแม้กระทั่งการเดินทางด้วยเจตนาไปทำหัจญ์และอุมเราะฮ์ หรือการเดินทางไปเยี่ยมเยียนศาสนสถาน แต่การเดินทางไปกัรบะลาของอิมามฮุซัยน์ (อ) นั้นเป็นการอพยพในมิติของการปกป้อง มิติของการเคารพภักดีพระเจ้า และมิติของการเผยแผ่สาส์นด้วยเจตนาทำหน้าที่อันสำคัญและหนักอึ้ง หน้าที่ของการต่อสู้อันเป็นสากล อาชูรอมีบทเรียน อนุสติ และภาพลักษณ์ที่ฉายออกมาให้เห็นมากมายซึ่งทุกปีจะถูกกล่าวซ้ำและนำเสนอโดยปวงปราชญ์ นักวิชาการศาสนา นักเผยแผ่ที่เคร่งครัด และนักกวีแห่งกัรบะลา