แผนภูมิสวรรค์ (จีน: ??; พินอิน: g?nzh? กานจือ) คือระบบเลขฐาน 60 แบบวนรอบที่เขียนด้วยอักษรจีน ซึ่งประกอบด้วยส่วนย่อย 2 ส่วน ได้แก่ ภาคสวรรค์ เรียกว่า "ราศีบน" มี 10 ตัวอักษร (??; ti?ng?n เทียนกาน) และภาคปฐพี เรียกว่า "ราศีล่าง" มี 12 ตัวอักษร (??; d?zh? ตี้จือ) แผนภูมิสวรรค์ใช้สำหรับการนับวันและปีแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในโหราศาสตร์ของจีน นอกจากจีนแล้วประเทศในเอเชียตะวันออกอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม ก็ใช้ระบบเลขนี้ด้วย
ชาวจีนใช้แผนภูมิสวรรค์มาตั้งแต่สหัสวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล จากหลักฐานบนกระดูกทำนาย (oracle bone) ในสมัยราชวงศ์ซาง (??) ด้วยความหมายของการตั้งชื่อวัน (คล้ายกับชื่อวันในสัปดาห์ในปัจจุบัน) การใช้แผนภูมิสวรรค์แทนชื่อวันมีใช้เรื่อยมาจนกระทั่งสมัยราชวงศ์โจว (??) มีการใช้แผนภูมิสวรรค์นับการครบรอบฤดูกาล (ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง) ส่วนการนับแทนปีเริ่มขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (??) เมื่อประมาณ 202 ปีก่อนคริสตกาล ถึง ค.ศ. 8 ซึ่งอยู่ในช่วงปลายของยุคไฟสงครามของจีน
ในประเทศญี่ปุ่น เริ่มมีการเผยแพร่แผนภูมิสวรรค์ที่ใช้นับแทนปีจากจีนใน พ.ศ. 1096 (ค.ศ. 553) แต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยมจนกระทั่งยุคของจักรพรรดิซุยโกะ (????) การนับปีดังกล่าวมีการใช้ในเรื่องของการเมืองการปกครอง และในปี พ.ศ. 1147 (ค.ศ. 604) ชาวญี่ปุ่นได้นำการนับปีแบบจีนมาใช้อย่างเป็นทางการ และเป็นปีที่หนึ่งที่เริ่มนับตามระบบเลข
แผนภูมิสวรรค์ประกอบด้วยอักษรจีน 2 ตัว ซึ่งตัวแรกแทนพลังงานของภาคสวรรค์และตัวหลังแทนพลังงานของภาคปฐพี อักษรภาคสวรรค์มี 10 ตัว ส่วนภาคปฐพีมี 12 ตัว ซึ่งจะเปลี่ยนพร้อมกันและวนรอบใหม่ทุกครั้งเมื่อจบลำดับ เช่น ???????? เป็นต้น การรวมกันของอักษรทั้งสองภาคทำให้เกิดชื่อเรียกได้ 60 แบบ เนื่องจากตัวคูณร่วมน้อยของ 10 กับ 12 เท่ากับ 60 นั่นคือพลังงานในแต่ละปีจะมีการเรียงกันไปตามลำดับจนครบ 60 คู่ก็จะกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุผลให้ชาวจีนจะจัดงานวันเกิดครบรอบ 60 ปีที่เรียกว่า "แซยิก" อย่างยิ่งใหญ่ เพราะถือมาได้มีชีวิตอยู่จนมาครบรอบเดียวกันกับพลังงานที่ตนเกิดอย่างแท้จริง
ปีพ.ศ. พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) จะเป็นปี ?? และปีพ.ศ. พ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2008)ก็จะเป็นปี ?? (ซึ่งเปลี่ยนศักราช ณ วันเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ คือประมาณวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ไม่ใช่วันตรุษจีน)อย่างที่บุคคลทั่วไปเข้าใจกัน
เพื่อให้ง่ายแล้ว เราสามารถคำนวณว่าปีนั้นจะมีอักษรประจำปีเป็นแบบใด โดยตั้งพุทธศักราชปีที่ต้องการจะหานั้นลงเป็นสองฐาน เอา 6 ลบ ฐานบน (อักษรภาคฟ้า) เอา 10 หาร ยกลัพธ์เสียเอาแต่เศษ ฐานล่าง (อักษรภาคดิน) เอา 12 หาร ยกลัพธ์เสียเช่นเดียวกัน จากนั้นพิจารณาว่าเศษเป็นแบบใดตามในตาราง นำอักษรที่ได้ทั้งภาคฟ้าและดินมาเรียงกันเป็นอักษรประจำปีตามที่ต้องการ
ตัวอักษรของราศีบนและราศีล่างนั้น นอกจากจะใช้เพื่อระบุกาลเวลาในปฏิทินของจีนแล้ว ยังสามารถใช้ทำนายดวงชะตาซึ่งเป็นระบบที่แพร่หลายที่สุดในสังคมชาวจีนมาในตั้งแต่อดีตที่เรียกว่า "โป๊ยหยี่ซี้เถียว" หรือ "แปดอักขระสี่แถว" คือแถวปีก็จะประกอบด้วยราศีบนและล่าง 1 ชุด ในขณะที่แถวเดือน แถววัน และแถวยาม ก็จะมีราศีบนและล่างอีกอย่างละ 1 ชุด รวมเป็น 8 อักษร โดยแต่ละตัวจะมีค่าทางพลังงานเป็นธาตุต่างๆ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 5 ธาตุ คือ ไม้ ไฟ ดิน ทอง น้ำ แล้วนำมาวิเคราะห์หาสัมพันธ์ปฏิกิริยาระหว่างธาตุ ว่าธาตุใดมีมากเกินไป ธาตุใดน้อยเกิน ธาตุใดพิฆาตธาตุใด คล้ายกับการเล่นหมากรุก เพื่อจะหาว่าธาตุใดเป็นธาตุที่ให้คุณและธาตุใดเป็นธาตุที่ให้โทษ ซึ่งในปีใดที่เป็นราศีของธาตุที่ให้คุณเข้ามาก็จะทำนายว่าเป็นปีที่ดวงดี ส่วนในปีที่ธาตุให้โทษเข้ามาก็ถือว่าเป็นปีที่ดวงไม่ดี