วังสวนบ้านแก้ว ตั้งอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี เป็นพระราชฐานของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ วังสวนบ้านแก้วมีทัศนียภาพที่สวยงาม มีลำคลองบ้านแก้วไหลพาดผ่าน มีทิวทัศน์ พรรณไม้ สนามกอล์ฟที่สวยงาม
เมื่อสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ได้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจากประเทศอังกฤษกลับสู่ประเทศไทย ในพุทธศักราช ๒๔๙๒ นั้น รัฐบาลได้ใช้พระตำหนักวังศุโขทัยเป็นสถานที่ทำงานของกระทรวงสาธารณสุข สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจึงได้เชิญเสด็จสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ไปประทับ ณ พระตำหนักของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในวังสระปทุม
แต่เนื่องจากสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ทรงมีพระราชหฤทัยที่อ่อนโยน ไม่ต้องพระราชประสงค์ที่จะทรงรบกวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในการประทับ ณ พระตำหนักวังสระปทุมนานเกินควร อีกทั้งทรงมีพระราชประสงค์ที่จะมีที่ประทับสำหรับพักผ่อนพระราชอิริยาบถ จึงถวายบังคมทูลลาออกจากวังศุโขทัย เพื่อมาสร้างวังบ้านสวนแก้ว ขึ้นในจังหวัดจันทบุรี ในวันที่ ๒๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๙๓
ในการก่อสร้างพระตำหนักและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในสวนบ้านแก้ว สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ โปรดให้เป็นไปด้วยความประหยัดมากที่สุด โปรดให้จ้างชาวจีนมาสอนข้าราชบริพาร สร้างโรงทำอิฐเผาอิฐ เผากระเบื้องมุงหลังคา เนื่องจากในการก่อสร้างพระตำหนักใหญ่ต้องใช้อิฐเป็นจำนวนมาก การขนส่งมาจากกรุงเทพฯ เป็นเรื่องยุ่งยากและเสียค่าใช้จ่ายสูง อิฐของสวนบ้านแก้วจึงเป็นอิฐคุณภาพดี ขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับอิฐบางบัวทองมีสัญลักษณ์เป็นตัวอักษรว่า ส.บ.ก. ใช้ก่อสร้างเฉพาะในสวนบ้านแก้วเท่านั้น
ต่อมาในปี พุทธศักราช ๒๕๑๕ พระองค์ทรงมีพระชมมายุสูงขึ้น และพระพลานามัยไม่สมบูรณ์นัก ดังนั้น เมื่อรัฐบาลได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอรับพระราชทานที่ดินสวนบ้านแก้ว เพื่อจัดตั้งวิทยาลัยครูจันทบุรี โดยทูลถวายเงินเพียง ๑๘ ล้านบาท ด้วยพระราชปณิธานและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ในการพระราชทานโอกาสทางการศึกษาแก่ประชาชนในจังหวัดจันทบุรี จึงทรงเสียสละพระราชทานสวนบ้านแก้วแก่กระทรวงศึกษาธิการกระทรวงศึกษาธิการ และได้ย้ายไปประทับ ณ วังศุโขทัย จวบจนวาระสุดท้ายของพระองค์
พระตำหนักใหญ่(ตำหนักเทา) เป็นพระตำหนักครึ่งตึกครึ่งไม้ชั้นครึ่งสถาปัตยกรรมแบบยุโรปทาสีเทาชั้นบนเป็นห้องพระบรรทมของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีและมีเฉลียงสำหรับพระองค์ทรงทอดพระเนตรทัศนียภาพรอบๆวัง
พระตำหนักดอนแค(ตำหนักแดง) เป็นพระตำหนัก2ชั้นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปสร้างด้วยไม้สักทาสีแดงมีสระน้ำใหญ่อยู่ด้านหลังพระตำหนักจัดเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีกับหม่อมเจ้าผ่องผัสมณี จักรพันธุ์ ราชเลขานุการในพระองค์จนกระทั้งเสด็จกลับวังศุโขทัย
พระตำหนักเทา เป็นพระตำหนักครึ่งตึกครึ่งไม้ทาสีเทาสถาปัตยกรรมแบบยุโรปออกแบบโดย หม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร
พระตำหนักแดง เป็นพระตำหนัก2ชั้นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปสร้างด้วยไม้สักทาสีแดงจัดเป็นที่ประทับของเจ้านายชั้นผู้ใหญ่และราชเลขานุการ
เรือนเทา เป็นเรือนไม้ชั้นเดียวทาสีเทายกใต้ถุนสูงจัดเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีในระหว่างการก่อสร้างพระตำหนักใหญ่
เรือนแดง เป็นเรือนไม้ชั้นเดียวทาสีแดงทั้งหลังยกใต้ถุนสูงจัดเป็นบ้านพักของข้าหลวงที่ตามเสด็จมาจากกรุงเทพ
เรือนเขียว เป็นเรือนไม้ชั้นเดียวทาสีเขียวทั้งหลังยกใต้ถุนสูงจัดเป็นบ้านพักของราชเลขานุการปัจจุบันเป็นที่ทำการของผู้ที่มาติดต่อขอเข้าชมวังสวนบ้านแก้ว
ศาลากลมหรือซุ้มดอกเห็ด เป็นศาลาทรงกลมรูปดอกเห็ดมีทางเข้า2ทางในอดีตเคยเป็นที่เสวยพระสุธารสชา
สวนส่วนพระองค์(สวนผลไม้) เป็นสวนก่ออิฐถือปูนเพื่อกั้นๆรอบๆบริเวณโดยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีใช้เป็นสถานที่เลี้ยงเป็ด ห่าน ไก่ และนกหงส์หยก
สวนส่วนพระองค์(สวนดอกไม้) เป็นสวนดอกไม้ส่วนพระองค์มีสระสำหรับเลี้ยงเต่าและเลี้ยงปลาจัดเป็นสถานที่พักผ่อนพระราชหฤทัยส่วนพระองค์
ปัจจุบันพระตำหนักองค์ต่างๆในวังสวนบ้านแก้วตั้งอยู่ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี