ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

ลิงคินพาร์ก

ลิงคินพาร์ก (อังกฤษ: Linkin Park) เป็นวงดนตรีร็อกชาวอเมริกันจากอะกูราฮิลส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2539 เป็นศิลปินแนวนูเมทัล ประกอบไปด้วยบทเพลงที่น่าสนใจ และเต็มไปด้วยความหลากหลายของดนตรี ได้แก่ เมทัล ฮิปฮอป อิเล็กทรอนิกส์ อินดัสเตรียล มีกลิ่นอายของฮิปฮอป และมีความเป็นป็อปอยู่ด้วย ประสบความสำเร็จกับอัลบั้มเปิดตัวของวง ไฮบริดทีโอรี ทำให้วงมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยยอดจำหน่าย 24 ล้านแผ่น โดยอัลบั้มชุดแรกนี้ได้รับการรับรองระดับเพชรโดย อาร์ไอเอเอ ในปี พ.ศ. 2548 และในระดับทองคำขาวในอีกหลายประเทศ สตูดิโออัลบั้มชุดต่อมา เมทีโอรา ที่ประสบความสำเร็จ ด้วยการติดอันดับ 1 ในชาร์ต บิลบอร์ด 200 ในปี พ.ศ. 2546 และตามด้วยการออกงานแสดงคอนเสิร์ตทัวร์และการกุศลทั่วโลก ในปี พ.ศ. 2546 เอ็มทีวี 2 ได้จัดให้ลิงคินพาร์กเป็นหนึ่งในหกวงดนตรีที่ดีที่สุดของยุคมิวสิกวิดีโอ และเป็นหนึ่งในสามวงดนตรียอดเยี่ยมแห่งสหัสวรรษใหม่บิลบอร์ด จัดอันดับให้ลิงคินพาร์กอยู่ในอันดับที่ 19 ในชาร์ตศิลปินยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ ลิงคินพาร์กได้รับการคัดเลือกให้เป็นศิลปินที่ดีที่สุดในยุคปี 2543 ของแบรกเกตแมดเนสโพลล์ในวีเอชวัน ในปี พ.ศ. 2557 ลิงคินพาร์กได้รับการประกาศโดย เคอร์แรง! ว่าเป็น วงดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนี้

ลิงคินพาร์กได้ทดลองแนวเพลงในแบบอื่นในสตูดิโออัลบั้มชุดถัดมา มินิตส์ทูมิดไนต์ ในปี พ.ศ. 2550 อัลบั้มนี้ได้อันดับหนึ่งในชาร์ต บิลบอร์ด และเป็นอัลบั้มยอดเยี่ยมที่เปิดตัวในสัปดาห์แรกในปีนั้น และได้ทดลองเปลี่ยนแปลงแนวเพลงในการสร้างเสียงรูปแบบใหม่ ๆ ในอัลบั้มชุดที่สี่ อะเทาซันด์ซันส์ ในปี พ.ศ. 2553 ด้วยเสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่มากขึ้น ในอัลบั้มชุดที่ห้า ลิฟวิงทิงส์ ในปี พ.ศ. 2555 ประกอบด้วยองค์ประกอบหลายอย่างจากอัลบั้มที่ผ่านมาทั้งหมด และอัลบั้มชุดที่หก ซึ่งเป็นอัลบั้มชุดล่าสุด เดอะฮันติงปาร์ตี ในปี พ.ศ. 2557 ได้กลับมาทำผลงานที่มีแนวเพลงแบบฮาร์ดร็อก และได้ทำงานร่วมกับศิลปินรับเชิญหลายท่าน ที่โดดเด่นที่สุดคือการทำผลงานกับนักร้องแร็ป เจย์-ซี เมื่อปี พ.ศ. 2547 โดยนำเพลงมาผสมกันในอีพี คอลลิชันคอร์ส และมีผลงานรีมิกซ์อัลบั้ม ได้แก่ รีแอนิเมชัน และ รีชาจด์ ลิงคินพาร์กได้คว้ารางวัลแกรมมีมาแล้วสองครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2545 และ พ.ศ. 2549 และทำยอดจำหน่ายอัลบั้มได้มากกว่า 60 ล้านชุดทั่วโลก รวมทั้งยังก่อตั้งองค์กรมิวสิกฟอร์รีลีฟ ร่วมกับสภากาชาดสากลเมื่อต้นปี พ.ศ. 2548 เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์สึนามิเมื่อปลายปี พ.ศ. 2547 และต่อต้านภาวะโลกร้อน

ไมค์ ชิโนะดะ ได้ชมคอนเสิร์ตของวงแอนแทรกซ์และพับลิกเอเนมี ในช่วง พ.ศ. 2532-2533 และการแสดงในช่วงที่แฟนเพลงเรียกร้องให้ขึ้นเวทีอีกครั้ง ทั้งสองวงลุกขึ้นมาแสดงดนตรีร่วมกันในบทเพลง "บริงเดอะนอยส์" ซึ่งเป็นการจุดประกายให้ไมค์อยากทำงานในทิศทางเพลงนูเมทัล ลิงคินพาร์กจึงเริ่มต้นจากไมค์ ชิโนะดะ ผู้คลั่งไคล้ในวัฒนธรรมดนตรีฮิปฮอป กับแบรด เดลสัน มือกีตาร์สมัครเล่น ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่เกรด 7 (ประมาณ 13 ปี) ที่โรงเรียนมัธยมอะกูราฮิลส์ ในเมืองอะกูราฮิลส์ ชานเมืองของลอสแอนเจลิส โดยในช่วงแรก ไมค์รับหน้าที่ทำจังหวะบีทให้วงฮิปฮอป หลังจากนั้นจึงได้พบกับร็อบ บัวร์ดอน มือกลองในโรงเรียนใกล้ ๆ ในแถบซานเฟอร์นานโดวัลเลย์ และได้โจ ฮาห์น ดีเจผู้รู้จักกับไมค์ขณะศึกษาที่อาร์ตเซ็นเตอร์คอลเลจในแพซาดีนา รวมถึงเดฟ ฟีนิกซ์ ฟาร์เรล และมาร์ก เวกฟีลด์ มาเป็นหนึ่งในสมาชิกด้วย แล้วร่วมตั้งวงดนตรีชื่อ ซีโร (Xero) ในปี พ.ศ. 2539 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดการแสดงดนตรีเล็ก ๆ สร้างความครื้นเครงและความสนุกสนาน ในงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านเพื่อน และเริ่มบันทึกผลงานเพลงด้วยสตูดิโอชั่วคราวเล็ก ๆ ในห้องนอนของไมค์ในปี พ.ศ. 2539 ด้วยผลงานเทปเดโมที่มีชื่อว่า ซีโร ในเวลานั้นนักร้องนำของวง มาร์ก เวกฟีลด์ ได้ออกจากวงเพื่อหาโครงการอื่นทำ และเดฟ ฟาร์เรลก็ได้ออกจากวงเพื่อออกทัวร์กับวงอื่น ๆ

เมื่อซีโรมีโอกาสได้ไปแสดงดนตรีที่วิสกีอะโกโก คลับดังของลอสแอนเจลิส และด้วยฝีมือการแสดงดนตรีอันโดดเด่น จึงเป็นที่ถูกใจ เจฟฟ์ บลู แห่งซอมบามิวสิกพับลิชชิง และได้เซ็นสัญญาในที่สุด ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์สำคัญและผลักดันให้ซีโรมีโอกาสในวงการดนตรีมากขึ้น เนื่องจากเจฟฟ์มีส่วนผลักดันให้ผลงานเพลงตัวอย่างของซีโร ให้เป็นที่รู้จักของผู้คนในวงการเพลงมากขึ้น ต่อมาซีโรได้เซ็นสัญญากับวอร์เนอร์บราเธอร์สเรเคิดส์อย่างเป็นทางการ ภายหลังจากนั้นไม่นาน เจฟฟ์ได้ย้ายตามไปทำงานร่วมกันโดยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการผลิตด้วย ขณะนั้นซีโรต้องการสมาชิกเพิ่มในตำแหน่งนักร้องนำ เชสเตอร์ เบนนิงตัน จากรัฐแอริโซนาจึงเข้ามาเป็นสมาชิกคนต่อไปในฐานะนักร้องนำ โดยเชสเตอร์ได้รับเทปตัวอย่างที่ซีโรทำขึ้นจากสตูดิโอในห้องนอนของไมค์ นอกจากนี้ทั้งเชสเตอร์และไมค์รู้จักกันผ่านทางสำนักทนาย ไมเนียตเฟลปส์แอนด์เฟลปส์ ที่ทั้งคู่ใช้บริการ เชสเตอร์สนใจที่จะร่วมงานกับซีโรมาก จนถึงกับแอบหนีงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบ 23 ปีของตนไปอย่างหน้าตาเฉย เพื่อรีบไปบันทึกเสียงร้องของตนลงเทปตัวอย่างกลางดึก จากนั้นได้โทรศัพท์เปิดเทปตัวอย่างให้กับทางวงฟัง ซึ่งทุกคนชอบมาก จึงรับเชสเตอร์เป็นสมาชิกใหม่ทันที

จากนั้นสมาชิกซีโรทั้งหมดตกลงใจเปลี่ยนชื่อวงเป็น ไฮบริดทีโอรี (Hybrid Theory) แต่บังเอิญไปซ้ำกับชื่อวงดนตรีของศิลปินกลุ่มอื่น จนในที่สุดจำต้องเปลี่ยนชื่อมาเป็นวง ลิงคินพาร์ก (Linkin Park) ซึ่งเป็นชื่อที่แผลงตัวสะกดมาจาก ลินคอล์นพาร์ก (Lincoln Park) ซึ่งมีที่มาที่ไปจากการมองการณ์ไกลไปถึงการสร้างเว็บไซต์ประจำวง เนื่องจากมีการจดทะเบียนซื้อขายชื่อโดเมน ลินคอล์นพาร์ก.คอม (lincolnpark.com) ก่อนที่ทางวงจะไปขึ้นทะเบียนวงดนตรีของพวกตนไปเรียบร้อยแล้ว และหากยังคงต้องการใช้ชื่อนั้น ก็ต้องเตรียมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลแน่นอน นอกจากนี้ในสหรัฐอเมริกามีสวนสาธารณะชื่อลินคอล์นพาร์กอยู่หลายแห่ง ดังนั้นหากไปเปิดการแสดงดนตรีที่ใดก็ตาม จะกลายเป็นเหมือนกับวงดนตรีท้องถิ่นทั่วไป ที่สำคัญคือทุกคนชอบชื่อ ลินคอล์นพาร์ก เป็นสถานที่ที่เชสเตอร์ขับรถผ่านภายหลังจากซ้อมดนตรีเสร็จเป็นประจำ ลินคอล์นพาร์กเป็นสถานที่แห่งหนึ่งของชนชั้นกลาง และคนจรจัดของเมืองแซนตามอนิกา และต่อมาลิงคินพาร์กได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์ชื่อดังอย่างดอน กิลมอร์ ผู้เคยร่วมงานกับศิลปินชื่อดังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพิร์ล แจม, เอเพ็กซ์ ทีโอรี, ชูการ์ เรย์

ลิงคินพาร์กออกจำหน่ายผลงานอัลบั้มชุดแรกในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2543 จะใช้ชื่ออะไรไปไม่ได้นอกจากชื่อที่ยังคาใจทุกคนอยู่ นั่นก็คือ ไฮบริดทีโอรี (Hybrid Theory) ทุกคนยอมรับว่าเป็นวลีที่สรุปจุดมุ่งหมายของวงได้ดีที่สุด และต้องมีการใส่วงเล็บเพิ่มลงไปด้วย ซึ่งอัลบั้มนี้แสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าของการทำผลงานของวงมาครึ่งทศวรรษ ไฮบริดทีโอรี ได้ประสบความสำเร็จในเชิงการค้าอย่างมาก โดยออกจำหน่ายได้มากกว่า 4.8 ล้านแผ่นภายในปีแรกที่ออกวางขาย จัดอยู่ในอันดับอัลบั้มเพลงที่มียอดขายสูงสุดในปี พ.ศ. 2544 ซิงเกิลในอัลบั้มนี้ เช่น "ครอว์ลิง" (Crawling) และ "วันสเต็ปโคลเซอร์" (One Step Closer) ได้เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นเพลงเด่นของนักจัดรายการวิทยุเพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อกทั่วโลกในปีนั้น นอกจากนี้ ซิงเกิลอื่น ๆ จากอัลบั้มนี้ได้นำไปเป็นเพลงประกอบให้กับภาพยนตร์ในหลาย ๆ เรื่อง เช่น Dracula 2000, Little Nicky, และ Valentineไฮบริดทีโอรี ได้ชนะรางวัลแกรมมีในผลงานเพลง "ครอว์ลิง" และได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงอีก 2 รายการ คือ ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และอัลบั้มเพลงร็อกยอดเยี่ยม เอ็มทีวีได้มอบรางวัลให้กับลิงคินพาร์ก ในสาขาวิดีโอเพลงร็อกยอดเยี่ยม และรางวัลงานกำกับยอดเยี่ยมในผลงานเพลง "อินดิเอ็นด์" และผ่านเข้าไปเป็นผู้ชนะรางวัลแกรมมีในสาขาการแสดงดนตรีฮาร์ดร็อกยอดเยี่ยมในปี พ.ศ. 2544 ความสำเร็จโดยรวมของอัลบั้ม ไฮบริดทีโอรี ได้ทำให้ลิงคินพาร์กเป็นวงดนตรีที่หลาย ๆ คนรู้จัก

ในช่วงเวลานี้ ลิงคินพาร์กได้รับเชิญให้ไปแสดงดนตรีอีกมากมาย และออกทัวร์ในเทศกาลดนตรี แฟมิลีแวลูส์ (Family Values) ออซเฟสต์ (Ozzfest) และออลโมสต์อะคูสติกคริสต์มาส (KROQ Almost Acoustic Christmas) วงได้ทำงานด้วยกันกับ เจสซิกา สกลาร์ เพื่อก่อตั้งกลุ่มแฟนคลับของวงอย่างเป็นทางการ "ลิงคินพาร์กอันเดอร์กราวด์" ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2544 ลิงคินพาร์กยังได้ก่อตั้งทัวร์ของวงเอง พรอเจกต์เรโวลูชัน (Projekt Revolution) ซึ่งร่วมกับศิลปินที่โดดเด่นอื่น ๆ เช่น ไซเพรสส์ฮิลล์ (Cypress Hill) อะดีมา (Adema) และสนูป ด็อกก์ (Snoop Dogg) ลิงคินพาร์กได้ออกแสดงทัวร์คอนเสิร์ตมากกว่า 320 คอนเสิร์ต ประสบการณ์และการแสดงของวงนี้ได้บันทึกลงในผลงานดีวีดีแรก แฟรตปาร์ตีแอตเดอะแพนเค้กเฟสติวัล ซึ่งเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2544 และได้ชักชวนให้ฟีนิกซ์ (Pheonix) มือกีตาร์เบสของวงกลับเข้าร่วมงานด้วยกันอีกครั้ง ในฐานะสมาชิกคนที่ 6 ของลิงคินพาร์ก (แต่ในปกผลงานชุด ไฮบริดทีโอรี ลงเครดิตเพียงแค่ 5 คนเท่านั้น) ลิงคินพาร์กได้เริ่มทำผลงานอัลบั้มรีมิกซ์ชุดแรก ชื่อว่า รีแอนิเมชัน ซึ่งจะรวมผลงานเพลงรวมถึงโบนัสแทร็กจากอัลบั้ม ไฮบริดทีโอรี มารีมิกซ์รีแอนิเมชัน ออกจำหน่ายในวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 ร่วมกับศิลปินรับเชิญ ได้แก่ แบล็ก ทอต โจนาธาน เดวิส แอรอน ลูอิส และอื่น ๆ อีกมากมายรีแอนิเมชัน เข้าสู่อันดับสองใน บิลบอร์ด 200 และมียอดจำหน่ายได้เกือบ 270,000 แผ่นภายในสัปดาห์แรกไฮบริดทีโอรี ยังได้ถูกจัดอันดับใน ยอดอัลบั้ม 100 อันดับ ของสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา อีกด้วย

หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับ อัลบั้ม ไฮบริดทีโอรี และ รีแอนิเมชัน ลิงคินพาร์กได้ใช้เวลาออกแสดงคอนเสิร์ตทัวร์รอบสหรัฐอเมริกา สมาชิกวงได้เริ่มทำงานโดยใช้เวลาว่างที่อยู่ในสตูดิโอของรถบัสทัวร์คอนเสิร์ตทำผลงานอัลบั้มใหม่ และประกาศอย่างเป็นทางการที่จะมีสตูดิโออัลบั้มใหม่ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2545 แสดงให้เห็นถึงแรงบันดาลใจที่มาจากยอดเขาเมทีโอราในประเทศกรีซ ซึ่งมีวัดหรืออารามจำนวนมากที่ตั้งอยู่บนยอดของภูเขาหิน เปรียบเหมือนเพลงร็อกในอัลบั้ม เมทีโอรา โดยมีการผสมผสานของแนวเพลงนูเมทัล และแร็ป ด้วยเสียงใหม่ ๆ รวมถึงเสียงจากเครื่องดนตรีที่ชื่อว่าชากุฮะชิ (ฟลุตญี่ปุ่นทำมาจากไม่ไผ่) และอื่น ๆ อัลบั้มที่สองของลิงคินพาร์กนี้ได้ออกจำหน่ายในวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2546 และได้รับการยอมรับจากผู้ฟังทั่วโลก เข้าสู่อันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร และอันดับ 2 ในออสเตรเลีย

เมทีโอรา จำหน่ายได้มากกว่า 800,000 แผ่นภายในสัปดาห์แรก และถูกจัดให้เป็นอัลบั้มที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในชาร์ตบิลบอร์ดในเวลานั้น ซิงเกิลในอัลบั้มนี้ ประกอบด้วย "ซัมแวร์ไอบีลอง", "เฟนต์", "นัมบ์", "ฟรอมดิอินไซด์" และ "เบรกกิงเดอะแฮบิต" โดยในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2546 เมทีโอรา ใกล้จำหน่ายได้ 3 ล้านชุด ลิงคินพาร์กจึงจัดพรอเจกต์เรโวลูชัน หรืองานเทศกาลดนตรีของลิงคินพาร์ก ซึ่งรวมวงดนตรีและศิลปินอื่นมาในงานนี้ด้วย ได้แก่ มัดเวน, ไบลนด์ไซด์ และเอกซ์ซิบิต นอกจากนี้ เมทัลลิกาได้เชิญลิงคินพาร์กมาเล่นที่งานซัมเมอร์แซนนิเทเรียมทัวร์ ในปี พ.ศ. 2546 ซึ่งรวมการแสดงจากศิลปินที่เป็นที่รู้จักอย่าง ลิมป์บิซกิต, มัดเวน และเดฟโทนส์ ลิงคินพาร์กออกจำหน่ายอัลบั้มบันทึกการแสดงสดชื่อว่า ไลฟ์อินเทกซัส ซึ่งประกอบด้วยแทร็กออดิโอและวิดีโอจากการแสดงดนตรีบางส่วนของวงที่เทกซัสระหว่างการออกทัวร์ ในต้นปี พ.ศ. 2547 ลิงคินพาร์กได้เริ่มทัวร์ที่มีชื่อว่า เมทีโอราเวิลด์ทัวร์ รวมถึงวงดนตรีที่สนับสนุนการทัวร์ครั้งนี้ ได้แก่ ฮูบาสแตงก์, พี.โอ.ดี., สตอรีออฟเดอะเยียร์ และวงเพีย

เมทีโอรา ทำให้วงได้รับรางวัลในหลายรายการ โดยได้ชนะในรางวัลเอ็มทีวีในสาขาวิดีโอเพลงร็อกยอดเยี่ยมสำหรับเพลง "ซัมแวร์ไอบีลอง" และสาขาวิดีโอขวัญใจผู้ชมสำหรับเพลง "เบรกกิงเดอะแฮบิต" ลิงคินพาร์กยังได้รับการยอมรับในงานเรดิโอมิวสิกอะวอดส์ในปี พ.ศ. 2547 ชนะรางวัลศิลปินแห่งปีและรางวัลเพลงแห่งปีสำหรับเพลง "นัมบ์" ถึงแม้ว่า เมทีโอรา จะไม่ประสบความสำเร็จเท่ากับ ไฮบริดทีโอรี แต่ก็ได้เป็นอัลบั้มที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดอันดับสามในสหรัฐอเมริกาในช่วงปี พ.ศ. 2546 ลิงคินพาร์กใช้เวลาสองสามเดือนแรกในปี พ.ศ. 2547 ในการทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลก โดยครั้งแรกได้จัดทัวร์พรอเจกต์เรโวลูชันครั้งที่ 3 และอีกหลายคอนเสิร์ตต่อมาในยุโรป ในเวลาเดียวกัน ความสัมพันธ์ของวงกับวอร์เนอร์บราเธอร์สเรเคิดส์ได้เสื่อมถอยลงด้วยปัญหาทางการเงิน หลังจากปัญหาที่เกิดขึ้น วงก็ได้เจรจาต่อรองข้อตกลงในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2548

หลังจากความสำเร็จของอัลบั้ม เมทีโอรา ลิงคินพาร์กได้เลื่อนการทำผลงานอัลบั้มใหม่ และเริ่มงานไซด์พรอเจกต์ เชสเตอร์ได้ร่วมงานกับดีเจลีทัล (DJ Lethal) ในผลงานเพลง "สเตตออฟเดอะอาร์ต" และร่วมงานกับวงเดดบายซันไรส์ ส่วนไมค์ได้ร่วมงานกับดีเพชเชโมด ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลิงคินพาร์กได้ทำอัลบั้ม คอลลิชันคอร์ส ที่นำเพลงจากอัลบั้มเก่ามาผสมร่วมกับผลงานเพลงของเจย์-ซี นอกจากนี้ ไมค์ยังได้ก่อตั้งไซด์พรอเจกต์ใหม่ของเขา ฟอร์ตไมเนอร์ (Fort Minor) พร้อมกับออกจำหน่ายอัลบั้มชุดแรก เดอะไรซิงไทด์

ลิงคินพาร์กยังได้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการกุศลเป็นจำนวนมาก โดยที่โดดเด่นที่สุดคือการบริจาคเงินเพื่อผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์พายุเฮอร์ริเคนชาร์ลีย์ ในปี พ.ศ. 2547 และเหตุการณ์พายุเฮอร์ริเคนแคทรีนา ซึ่งเกิดขึ้นต่อมาในปี พ.ศ. 2548 ลิงคินพาร์กทำเงินบริจาคได้ 75,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับมูลนิธิหน่วยรบปฏิบัติการพิเศษ ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2547 และยังได้ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย พ.ศ. 2547 โดยจัดคอนเสิร์ตเพื่อการกุศล และจัดตั้งกองทุนที่เรียกว่า มิวสิกฟอร์รีลีฟ อย่างไรก็ตามวงก็ได้มีส่วนร่วมในงานคอนเสิร์ตไลฟ์เอท ชุดการแสดงคอนเสิร์ตเพื่อการกุศลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดีให้กับโลก ซึ่งได้ทำการแสดงคอนเสิร์ตไลฟ์เอทด้วยกันกับเจย์-ซี ที่ฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ต่อมาวงได้กลับมารวมตัวกับเจย์-ซีที่งานมอบรางวัลแกรมมีปี พ.ศ. 2549 ในการแสดงในผลงานเพลง "นัมบ์/อานคอร์" ซึ่งเป็นผู้ชนะรางวัลในสาขาแร็ป/ร้องยอดเยี่ยม และได้ร่วมขึ้นแสดงกับพอล แม็กคาร์ตนีย์ ซึ่งได้เพิ่มเนื้อร้องจากเพลง "เยสเตอร์เดย์" ต่อมาพวกเขาก็ได้ไปแสดงคอนเสิร์ตที่งานเทศกาลดนตรีซัมเมอร์โซนิกในปี พ.ศ. 2549 ซึ่งจัดโดยเมทัลลิกาที่ประเทศญี่ปุ่น

ในปี พ.ศ. 2549 ลิงคินพาร์กได้กลับเข้าสตูดิโออีกครั้ง และเปลี่ยนแนวเพลง สำหรับโปรดิวเซอร์ของอัลบั้มนี้ คือ ริก รูบิน ถึงแม้จะมีการกล่าวว่าอัลบั้มใหม่จะออกในปี พ.ศ. 2549 แต่ก็ได้เลื่อนไปจนถึงปี พ.ศ. 2550 ไมค์ได้กล่าวว่าอัลบั้มเสร็จไปแล้วครึ่งทาง ในขณะที่ลิงคินพาร์กบันทึกเพลงได้สามสิบถึงห้าสิบเพลงในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2549 ต่อมาเชสเตอร์ได้กล่าวเพิ่มว่าอัลบั้มใหม่นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงให้แตกต่างออกไปจากอัลบั้มที่แล้วที่เป็นแนวนูเมทัลวอร์เนอร์บราเธอร์สเรเคิดส์ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าสตูดิโออัลบั้มชุดที่สามของลิงคินพาร์ก จะมีชื่อว่า มินิตส์ทูมิดไนต์ และจะออกจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกาในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 หลังจากที่ใช้เวลาไปสิบสี่เดือนทำผลงานอัลบั้ม สมาชิกในวงได้ปรับอัลบั้มโดยคัดเลือกเพลงออกให้เหลือเพียงสิบสองเพลงจากเดิมที่มีอยู่สิบเจ็ดเพลง ชื่ออัลบั้มนั้นได้แนวคิดมาจากนาฬิกาโลกาวินาศซึ่งมาจากนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชิคาโก หลังจากสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูใส่ญี่ปุ่นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะสิ้นสุดลง แสดงให้เห็นถึงเนื้อหาในเพลงในรูปแบบใหม่ของวงมินิตส์ทูมิดไนต์ มียอดจำหน่ายมากกว่า 625,000 แผ่นภายในสัปดาห์แรก ทำให้เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่เปิดตัวในสัปดาห์แรกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งปี นอกจากนี้อัลบั้มนี้ยังติดอันดับหนึ่งในชาร์ตบิลบอร์ดอีกด้วย

ซิงเกิลแรกของอัลบั้ม "วอตไอฟ์ดัน" ออกจำหน่ายในวันที่ 2 เมษายน และออกเผยแพร่เป็นครั้งแรกในเอ็มทีวีและฟิวส์ทีวีภายในสัปดาห์เดียวกัน ซิงเกิลนี้ได้รับการชื่นชมจากผู้ฟัง และเป็นเพลงที่อยู่ในอันดับหนึ่งในชาร์ตเพลงอัลเทอร์เนทีฟและเพลงเมนสตรีมร็อกของบิลบอร์ด เพลงนี้ยังได้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2550 ในเรื่อง ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส มหาวิบัติจักรกลสังหารถล่มจักรวาล ไมค์ ชิโนะดะยังได้เป็นศิลปินรับเชิญให้กับวงสไตลส์ออฟบียอนด์ ในผลงานเพลง "เซคันด์ทูนัน" ซึ่งได้รวมเป็นเพลงประกอบของภาพยนตร์นี้อีกด้วย ในปีต่อมา ลิงคินพาร์กได้ชนะในรางวัล "ศิลปินแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อกยอดเยี่ยม" ในงานอเมริกันมิวสิกอะวอร์ด ลิงคินพาร์กได้ประสบความสำเร็จจากซิงเกิลที่เหลือในอัลบั้ม ได้แก่ "บลีดอิตเอาต์" "แชโดว์ออฟเดอะเดย์" "กิฟเวนอัป" และ "ลีฟเอาต์ออลเดอะเรสต์" ซึ่งได้ออกจำหน่ายในช่วงปี พ.ศ. 2550 และต้นปี พ.ศ. 2551 และยังได้ทำงานเป็นศิลปินรับเชิญร่วมกับบัสตา ไรมส์ ในซิงเกิล "วีเมดอิต" ซึ่งออกจำหน่ายในวันที่ 29 เมษายน

ลิงคินพาร์กได้เริ่มจัดงานคอนเสิร์ตทัวร์รอบโลก ในชื่อว่า "มินิตส์ทูมิดไนต์เวิลด์ทัวร์" ได้โปรโมตการออกจำหน่ายของอัลบั้มนี้โดยจัดทัวร์พรอเจกต์เรโวลูชันครั้งที่สี่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รวมการแสดงจากนักดนตรีและวงดนตรีหลาย ๆ ท่านด้วยกันอย่าง มายเคมิคอลโรแมนซ์ เทกกิงแบ็กซันเดย์ ฮิม พลาซีโบ และอื่น ๆ อีกมากมาย และยังได้เล่นในโชว์เป็นจำนวนมากในยุโรป เอเชีย และออสเตรเลีย ซึ่งรวมการแสดงที่ไลฟ์เอิร์ทเจแปนในวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 และงานดาวน์โหลดเฟสติวัล ในดอนิงตันพาร์ก ประเทศอังกฤษ และงานเอดจ์เฟสต์ ในดาวส์วิวพาร์ก ที่โทรอนโต ประเทศแคนาดา ลิงคินพาร์กเสร็จสิ้นการทัวร์ในพรอเจกต์เรโวลูชันครั้งที่สี่ ก่อนที่จะจัดงานทัวร์รอบสหราชอาณาจักรในเมืองต่าง ๆ ได้แก่ นอตทิงแฮม เชฟฟีลด์ และแมนเชสเตอร์ ก่อนที่จะเสร็จงานที่จัดสองคืนที่ดิโอทูอาเรนาในลอนดอน เชสเตอร์ได้กล่าวว่าลิงคินพาร์กวางแผนที่จะออกผลงานชุดต่อมาจาก มินิตส์ทูมิดไนต์ อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้กล่าวว่าวงจะเริ่มจัดทัวร์ที่สหรัฐอเมริกาเพื่อรวบรวมแรงบันดาลใจที่จะทำอัลบั้ม ลิงคินพาร์กเริ่มจัดทัวร์พรอเจกต์เรโวลูชันอีกในปี พ.ศ. 2551 เป็นทัวร์ครั้งแรกของพรอเจกต์เรโวลูชันที่จัดขึ้นในยุโรปด้วยการแสดงสามครั้งที่เยอรมนีและหนึ่งครั้งที่สหราชอาณาจักร โปรเจ็คต์เรโวลูชันทัวร์ยังได้จัดในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ซึ่งร่วมกับ คริส คอร์เนลล์, เดอะเบรเวอรี, แอชเชสดิไวด์, สตรีตดรัมคอปส์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ลิงคินพาร์กได้สำเร็จการออกทัวร์ด้วยการแสดงครั้งสุดท้ายที่เทกซัส ไมค์ ชิโนะดะได้ประกาศออกอัลบั้มบันทึกการแสดงสด ชื่อว่า โรดทูเรโวลูชัน: ไลฟ์แอตมิลตันคีนส์ ซึ่งเป็นวิดีโอบันทึกการแสดงสดจากพรอเจกต์เรโวลูชันที่จัดขึ้นในมิลตันคีนส์ ในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ซึ่งออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2552 ลิงคินพาร์กได้ประกาศว่ากำลังทำผลงานสตูดิโออัลบั้มชุดที่สี่ ซึ่งวางแผนว่าจะออกจำหน่ายภายในปี พ.ศ. 2553 ไมค์ได้บอกกับไอจีเอ็นว่าอัลบั้มใหม่จะเป็นการดัดแปลงแนวเพลง โดยองค์ประกอบโดยรวมของเพลงยังคงคล้าย ๆ กับอัลบั้ม มินิตส์ทูมิดไมต์ นอกจากนี้เขายังกล่าวว่าอัลบั้มนี้จะเป็นการทดลองที่ทำให้เพลงมีลักษณะที่ทันสมัยมากขึ้นและ เชสเตอร์ยังได้พูดถึงสื่อที่จะยืนยันว่า ริก รูบิน จะกลับเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับอัลบั้มใหม่นี้ด้วย ต่อมาลิงคินพาร์กได้ประกาศว่าอัลบั้มนี้จะมีชื่อว่า อะเทาซันด์ซันส์ ขณะกำลังทำผลงานอัลบั้มใหม่ ลิงคินพาร์กก็ได้ทำงานกับนักแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จ ฮันส์ ซิมเมอร์ เพื่อผลิตดนตรีประกอบให้กับภาพยนตร์เรื่อง ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส อภิมหาสงครามแค้น และออกซิงเกิล "นิวดิไวด์" ประกอบภาพยนตร์นี้อีกด้วย อีกทั้งโจ ฮาห์น ก็ได้กำกับมิวสิกวิดีโอให้กับเพลงนี้อีกด้วย ซึ่งจะมีภาพจากภาพยนตร์ปรากฏอยู่ในมิวสิกวิดีโอ ในวันที่ 22 มิถุนายน หลังจากที่ภาพยนตร์นี้ออกฉายครั้งแรกแล้ว ลิงคินพาร์กได้แสดงดนตรีเล็ก ๆ ที่เวสต์วูดวิลเลจ ลอสแอนเจลิส และหลังจากนั้นลิงคินพาร์กก็กลับมาทำผลงานอัลบั้มต่อจนเสร็จ

ในวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553 ลิงคินพาร์กได้ออกเกม "8-บิตรีเบลเลียน!" (8-Bit Rebellion!) สำหรับไอพอด ไอโฟน และไอแพด จุดเด่นของเกมคือมีตัวละครในเกมเป็นสมาชิกในวง ภายในเกมประกอบด้วยเพลง "แบล็กเบิร์ดส" จะถูกปลดล็อกเมื่อผู้เล่นเล่นเกมจบ ต่อมาเพลงนี้ได้รวมอยู่ในโบนัสแทร็กในอัลบั้ม อะเทาซันด์ซันส์ อีกด้วย และในวันที่ 6 มิถุนายน ลิงคินพาร์กเปิดเผยว่าอัลบั้มใหม่ใกล้เสร็จแล้ว จนในวันที่ 8 กรกฎาคม ลิงคินพาร์กประกาศกำหนดวันออกอัลบั้มอย่างเป็นทางการ รวมทั้งประกาศรายชื่อเพลงในอัลบั้ม กำหนดการจัดคอนเสิร์ตครั้งแรกของปี พ.ศ. 2553 ที่เบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน

อะเทาซันด์ซันส์ ออกจำหน่ายในวันที่ 8 กันยายน และออกซิงเกิลแรก "เดอะแคทาลิสต์" ในวันที่ 2 สิงหาคม ลิงคินพาร์กได้โปรโมตอัลบั้มใหม่โดยเปิดตัวทัวร์คอนเสิร์ต ซึ่งได้เริ่มในลอสแอนเจลิสในวันที่ 7 กันยายน ลิงคินพาร์กยังได้ใช้มายสเปซในการโปรโมตอัลบั้ม และได้ออกเพลงอีกสองเพลง ได้แก่ "เวตติงฟอร์ดิเอ็นด์" ซึ่งเป็นซิงเกิลที่สองของอัลบั้ม และ "แบล็กเอาต์" ในวันที่ 8 กันยายน นอกจากนี้ ยังได้ทำสารคดีเกี่ยวกับการผลิตอัลบั้มนี้ มีชื่อว่า เดอะมีตติงออฟอะเทาซันด์ซันส์ อยู่ในหน้ามายสเปซของลิงคินพาร์ก โดยในวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553 มีการประกาศว่าลิงคินพาร์กจะทำการแสดงสดซิงเกิลในอัลบั้มเป็นครั้งแรกที่งานเอ็มทีวีวิดีโอมิวสิกอะวอดส์ 2010 ในวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553 สถานที่จัดงานของการเปิดตัวการแสดงสดนี้อยู่ที่หอดูดาวกริฟฟิท สถานที่อันเป็นสัญลักษณ์ของภาพยนตร์ฮอลลีวูด

ลิงคินพาร์กได้เข้าสู่อันดับ 8 ใน บิลบอร์ด โซเชียล 50 ซึ่งเป็นอันดับชาร์ตของศิลปินที่ทำผลงานอย่างต่อเนื่องในเครือข่ายสังคมชั้นนำของโลก ลิงคินพาร์กได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบิลบอร์ดหกรางวัลในปี พ.ศ. 2554 ได้แก่ ยอดกลุ่มดนตรี อัลบั้มเพลงร็อกยอดเยี่ยมสำหรับอัลบั้ม อะเทาซันด์ซันส์ ยอดศิลปินร็อก ยอดศิลปินอัลเทอร์เนทีฟ ยอดเพลงอัลเทอร์เนทีฟสำหรับเพลง "เวตติงฟอร์ดิเอ็นด์" และยอดอัลบั้มเพลงอัลเทอร์เนทีฟสำหรับอัลบั้ม อะเทาซันด์ซันส์ แต่ก็ไม่ได้เป็นผู้ชนะรางวัล

ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 เชสเตอร์บอกกับ โรลลิงสโตน ว่าลิงคินพาร์กตั้งเป้าหมายที่จะผลิตอัลบั้มใหม่ในทุก 18 เดือน และเขาจะตกใจถ้าอัลบั้มใหม่ไม่ได้ออกในปี พ.ศ. 2555 หลังจากที่เขาเปิดเผยในการให้สัมภาษณ์อื่น ๆ ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2554 ว่าวงยังคงอยู่ในช่วงเริ่มทำผลงานอัลบั้ม เขาบอกว่า "เราเพิ่งจะเริ่มต้น เราอยากจะเก็บสิ่งสร้างสรรค์ต่าง ๆ ที่เราคิด เราจึงพยายามที่จะเก็บมันซึ่งมันจะหายไปจากความคิดเราตลอดเวลา...เราจะไปในทิศทางที่เรากำลังจะไป" ต่อมา ในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555 ไมค์ได้ยืนยันว่าวงกำลังถ่ายทำมิวสิกวิดีโอของเพลง "เบิร์นอิตดาวน์" โดยมี โจ ฮาห์น เป็นผู้กำกับมิวสิกวิดีโอ ไมค์บอกกับ โค.ครีเอต เกี่ยวกับภาพหน้าปกอัลบั้ม เขาบอกว่า "มันจะทำให้แฟนคลับประทับใจ...ในแบบที่คนทั่วไปจะไม่สามารถทำได้แค่มองดูภาพแล้วก็ไป ผมเข้าใจว่ามันเพิ่งเสร็จสมบูรณ์ มันจะไม่เป็นเพียงแค่รูป แต่การสร้างรูปนี้ขึ้นมามันจะเป็นวิธีที่ใหม่โดยสิ้นเชิง มันจะเป็นแบบนั้น"

ในวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2555 ไมค์ได้ประกาศว่า ลิฟวิงทิงส์ จะเป็นชื่อของอัลบั้มที่ห้าของลิงคินพาร์ก ไมค์ได้กล่าวว่าพวกเขาเลือกชื่อ ลิฟวิงทิงส์ ก็เพราะว่าเป็นอัลบั้มที่เกี่ยวกับเรื่องราว ความสัมพันธ์ของบุคคล และใช้บุคคลมากกว่าอัลบั้มที่แล้ว ลิงคินพาร์กได้โปรโมตอัลบั้มนี้ในงาน ฮอนด้าซีวิกทัวร์ ด้วยกันกับวงอินคูบัส โดยเล่นเพลง "เบิร์นอิตดาวน์" ที่งานประกาศผลรางวัลบิลบอร์ดมิวสิกอะวอร์ดประจำปี 2555 โดยในวันที่ 24 พฤษภาคม ได้ออกเผยแพร่มิวสิกวิดีโอของเพลง "เบิร์นอิตดาวน์" และเปิดตัวเพลง "ไลส์กรีดมิสเซอรี" อีกเพลงจาก ลิฟวิงทิงส์ ออกทางบีบีซีเรดิโอ 1 และเพลง "พาวเวอร์เลส" เพลงลำดับที่สิบสองและลำดับสุดท้ายของอัลบั้ม ได้นำไปเป็นเพลงปิดของภาพยนตร์ อับราฮัม ลินคอล์น: แวมไพร์ฮันเตอร์

ลิฟวิงทิงส์ ออกจำหน่ายได้มากกว่า 220,000 แผ่นภายในสัปดาห์แรก ติดอันดับ 1 ในชาร์ตอัลบั้มสหรัฐอเมริกา ซิงเกิลของลิงคินพาร์ก "คาสเซิลออฟกลาส" ได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงใน 'เพลงประกอบเกมยอดเยี่ยม' ในงานประกาศผลรางวัลสไปก์วิดีโอเกมอะวอร์ดประจำปี 2555 และยังแสดงดนตรีในงานมอบรางวัลในวันที่ 7 ธันวาคม อีกด้วย แต่ได้พลาดรางวัล และผู้ชนะคือเบ็ก ในผลงานเพลง "ซิตีส์" ลิงคินพาร์กยังได้เล่นเพลงที่งานซาวด์เวฟ (Soundwave) เทศกาลดนตรีในออสเตรเลีย โดยได้ร่วมเวทีกับเมทัลลิกา, พาร์อะมอร์, สเลเยอร์ และซัม 41

ในวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ลิงคินพาร์กได้ร่วมงานกับนักดนตรีชาวอเมริกัน สตีฟ อะโอะกิ ในผลงานเพลง "อะไลต์แดตเนเวอร์คัมส์" ประกอบเกมออนไลน์แนวปริศนาผจญภัยของลิงคินพาร์ก แอลพีรีชาร์จ (LP Recharge, ย่อมาจาก Linkin Park Recharge) ซึ่งเปิดตัวให้เล่นในเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ แอลพีรีชาร์จ ในวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2557 ในวันที่เกมนี้ออก ลิงคินพาร์กก็ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กว่าเพลงที่ใช้ในเกมนี้จะรวมอยู่ในอัลบั้มรีมิกซ์ชุดใหม่ของวง มีชื่อว่า รีชาจด์ ซึ่งออกจำหน่ายในวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ในรูปแบบแผ่นซีดี, ไวนิล และดิจิตอลดาวน์โหลด คล้ายกันกับ รีแอนิเมชัน โดยอัลบั้ม รีชาจด์ นี้จะใช้ผลงานเพลงจากอัลบั้ม ลิฟวิงทิงส์ นำมารีมิกซ์ และได้ทำงานร่วมกับศิลปินอื่น เช่น ริว จากสไตลส์ออฟบียอนด์, พุชาที, แดตซิก, คิลล์โซนิก, บันบี, มันนีมาร์ก และริก รูบิน ลิงคินพาร์กยังได้ทำผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์ มอลล์ (Mall) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดยโจ ฮาห์น

ในระหว่างการสัมภาษณ์กับฟิวส์ ไมค์ได้ยืนยันว่าลิงคินพาร์กจะเริ่มบันทึกสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 6 ของวงในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 และได้ออกซิงเกิลแรกจากอัลบั้มที่กำลังจะออกจำหน่าย ในผลงานเพลง "กิลตีออลเดอะเซม" ในวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557 ผ่านทางชาแซม ในวันต่อมาได้ออกจำหน่ายซิงเกิลโดยผ่านวอร์เนอร์บราเธอร์สเรเคิดส์ และเข้าสู่อันดับที่ 28 ในบิลบอร์ดร็อกแอร์เพลย์ชาร์ต (Billboard Rock Airplay charts) ก่อนที่จะติดอันดับ 1 ในชาร์ตเมนสตรีมร็อก ในสัปดาห์ต่อมา ในเวลาไม่นานหลังจากซิงเกิลนี้ได้ออกจำหน่าย ลิงคินพาร์กก็ได้ประกาศชื่ออัลบั้มใหม่ในชื่อว่า เดอะฮันติงปาร์ตี อัลบั้มนี้มีไมค์ ชิโนะดะ และแบรด เดลสัน เป็นโปรดิวเซอร์ ผู้ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างองค์ประกอบทางดนตรีในสตูดิโออัลบั้มชุดแรก ไฮบริดทีโอรี ซึ่งจะนำแนวเพลงจากอัลบั้มชุดแรกกลับมาอยู่ในอัลบั้มนี้ด้วย ไมค์ได้ออกความเห็นว่าอัลบั้มนี้เป็น "การบันทึกเพลงร็อกแบบยุค 90" เขาอธิบายว่า "มันคือการบันทึกเพลงร็อก มันเสียงดังและมันร็อก แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกในแบบที่คุณเคยได้ยินมาก่อน ซึ่งมันจะเหมือนกับ 'ฮาร์ดคอร์-พังก์-แทรชในยุค 90' " อัลบั้มนี้มีศิลปินรับเชิญมาทำงานร่วมกันกับลิงคินพาร์ก ได้แก่ ราคิม, เพจ แฮมิลตัน จากเฮลเมต, ทอม โมเรลโล จากเรจอะเกนสต์เดอะแมชชีน และดารอน มาลาเคียน จากซิสเตมออฟอะดาวน์ อัลบั้ม เดอะฮันติงปาร์ตี ออกจำหน่ายในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ในประเทศส่วนใหญ่ และต่อมาได้ออกจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 17 มิถุนายน

ลิงคินพาร์กแสดงคอนเสิร์ตที่งานดาวน์โหลดเฟสติวัล (Download Festival) ในวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557 โดยเล่นเพลงทั้งหมดจากอัลบั้มแรกของวง ไฮบริดทีโอรี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เล่นเพลงครบทุกเพลงในอัลบั้มนี้ ลิงคินพาร์กได้ออกแสดงคอนเสิร์ตร็อกแอมริงและร็อกอิมพาร์ก (Rock am Ring and Rock im Park) ในปี พ.ศ. 2557 พร้อมกับเมทัลลิกา คิงส์ออฟลีออน และไอเอิร์นเมเดน และจะออกคอนเสิร์ตกับไอเอิร์นเมเดนอีกครั้งในงานกรีนฟีลด์เฟสติวัล (Greenfield Festival) ในปี พ.ศ. 2557 ในวันที่ 22 มิถุนายน ลิงคินพาร์กได้ออกงานอย่างเงียบ ๆ และเซอร์ไพรส์ที่งานแวนส์วาปด์ทัวร์ (Vans Warped Tour) โดยเล่นกับสมาชิกวงอิสชูส์ เดอะเดวิลแวรส์พราดา อะเดย์ทูรีเมมเบอร์ เยลโล่คาร์ด เบรทแคโรลินา ฟินช์ และแมชชีน กัน เคลลี ในเดือนกรกฎาคม พวกเขาได้ประกาศออกทัวร์คอนเสิร์ตว่าจะจัดในยุโรปในเดือนพฤศจิกายน และจะมีวงดนตรีเมทัลคอร์อย่างออฟไมซ์แอนด์เมนมาเป็นผู้สนับสนุนหลักของวงด้วย ลิงคินพาร์กยังมีกำหนดที่จะเริ่มดำเนินการออกทัวร์ ชื่อว่า คาร์นิวอรส์ทัวร์ (Carnivores Tour) กับวงดนตรีร็อกชาวอเมริกัน เทอร์ตีเซคันส์ทูมาส์ ซึ่งจะใช้เวลา 25 วันในเดือนสิงหาคมและกันยายน พ.ศ. 2557 ในอเมริกาเหนือ

ลิงคินพาร์กมีการแสดงที่ เดอะวิลเทิร์น ในลอสแอนเจลิส เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงการฉลองครบรอบ 50 ปีของ กีตาร์เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นเครือข่ายของร้านค้าขายปลีกเครื่องดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นในวันที่ 24 ตุลาคม และมีการแสดงที่งานร็อกอินริโอยูเอสเอเฟสติวัลในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ด้วยกันกับเมทัลลิกา, โนเดาต์, เทย์เลอร์ สวิฟต์, จอห์น เลเจนด์, และเดฟโทนส์

ในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553 ลิงคินพาร์กได้ออกซิงเกิลใหม่ในชื่อว่า "นอตอะโลน" เป็นส่วนหนึ่งของอัลบั้มรวมเพลงโดยองค์การมิวสิกฟอร์รีลีฟ ซึ่งมีชื่ออัลบั้มว่า ดาวน์โหลดทูโดเนตฟอร์เฮติ เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเฮติ และในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ลิงคินพาร์กได้ออกเผยแพร่มิวสิกวิดีโออย่างเป็นทางการของเพลงนี้ที่หน้าแรกของเว็บลิงคินพาร์ก ซิงเกิลนี้ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ในวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554 ได้ออกจำหน่ายอัลบั้มที่เป็นภาคต่อของ ดาวน์โหลดทูโดเนตฟอร์เฮติ ในชื่อว่า ดาวน์โหลดทูโดเนตฟอร์เฮติ เวอร์ชัน 2.0 ด้วยเพลงที่มากขึ้น และลิงคินพาร์กได้รวมผลงานรีมิกซ์ของเพลง "เดอะแคทาลิสต์" ซึ่งรีมิกซ์โดย คีตัน ฮะชิโมะโตะ จากการประกวด "ลิงคินพาร์กฟีเจอร์ริงยู" (Linkin Park featuring YOU) รวมเข้าไปในอัลบั้มรวมเพลงฉบับปรับปรุงใหม่นี้ด้วย

ไมค์ ชิโนะดะได้ออกแบบเสื้อเชิ้ตจำหน่าย ซึ่งเงินที่ได้นำไปให้กับองค์กรมิวสิกฟอร์รีลีฟ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554 มิวสิกฟอร์รีลีฟได้ออกจำหน่ายอัลบั้มรวมเพลง ดาวน์โหลดทูโดเนต: สึนามิรีลีฟเจแปน ซึ่งเงินที่ได้นำไปบริจาคให้กับมูลนิธิเซฟเดอะชิลเดรน (Save the Children) และลิงคินพาร์กได้ออกเพลงที่มีชื่อว่า "Issho Ni" ซึ่งมีความหมายว่า "เราอยู่ด้วยกันที่นี่" ในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554 รวมอยู่ในอัลบั้ม ดาวน์โหลดทูโดเนต: สึนามิรีลีฟ

หลังจากเหตุการณ์พายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนที่พัดเข้าโจมตีฟิลิปปินส์ ลิงคินพาร์กได้แสดงคอนเสิร์ต "Music for Relief: Concert for the Philippines" ในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อนำยอดบริจาคไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยคอนเสิร์ตได้ออกอากาศในช่องแอกเซสทีวี (AXS TV) ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ และมีศิลปินอื่นเข้ามาร่วมคอนเสิร์ตในครั้งนี้ด้วย ได้แก่ ดิออฟสปริง (The Offspring), Bad Religion, ฮาร์ต (Heart) และ The Filharmonic

อัลบั้ม ไฮบริดทีโอรี และ เมทีโอรา ทั้งคู่เป็นแนวเพลงอัลเทอร์เนทีฟเมทัลนูเมทัลแร็ปร็อก และมีกลิ่นอายของป็อป ฮิปฮอป อัลเทอร์เนทีฟ และอิเล็กทรอนิกา และเพิ่มโปรแกรมคอมพิวเตอร์แต่งเสียงและใช้เครื่องสังเคราะห์เสียงช่วยเพิ่มรูปแบบเสียงที่มีความแปลกใหม่และสนุกยิ่งขึ้น ทำให้เป็นแนวเพลงที่ไม่ซ้ำแบบใครและมีสไตล์เป็นตัวของตัวเองอีกด้วย

อัลบั้ม มินิตส์ทูมิดไนต์ ได้ทดสอบเสียงหลายรูปแบบและค้นหารูปแบบเสียงเพลงแบบใหม่ ๆ และได้รับอิทธิพลจากผลงานเพลงของศิลปินวงยูทู และในผลงานชิ้นนี้มีจังหวะเพลงส่วนใหญ่ที่เป็นเพลงแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อก มากกว่าที่จะเป็นแนวเพลงนูเมทัลและแร็ปร็อก ซึ่งมีเพียงสองเพลงเท่านั้นที่มีท่อนแร็ป และในผลงานชิ้นนี้เป็นอัลบั้มแรกที่มีจังหวะโซโลกีต้าซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในอัลบั้มอื่น ๆเอ็นเอ็มอี นิตยสารดนตรีที่วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับแนวทางของวงได้บอกว่า "เสียงของวงนั้นกำลังพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงเอกลักษณ์ใหม่"

การร้องเพลงประสานเสียงคู่กันระหว่างเชสเตอร์ เบนนิงตัน และไมค์ ชิโนะดะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในดนตรีของลิงคินพาร์ก ด้วยเชสเตอร์เป็นนักร้องนำ และไมค์เป็นนักร้องแร็ป โดยในอัลบั้มที่สามของลิงคินพาร์ก มินิตส์ทูมิดไนต์ ไมค์ได้ทำหน้าที่เป็นนักร้องนำแทนเชสเตอร์ในเพลง "อินบีทวีน", "แฮนส์เฮลด์ไฮ" และเพลงบีไซด์ "โนโรดส์เลฟต์" ในหลายเพลงจากอัลบั้มที่สี่ของวง อะเทาซันด์ซันส์ เช่น ซิงเกิลทั้งสี่ของอัลบั้มนี้ที่ทั้งคู่ได้ร้อง โดยเพลงส่วนใหญ่ที่อยู่ในอัลบั้มนั้น มีจุดเด่นคือการใช้จังหวะกลองอิเล็กทรอนิกส์ ได้มีความคิดเห็นโดยนักวิจาร์ณที่มีชื่อเสียงว่าอัลบั้มนี้เป็นจุดหักเหแนวดนตรีของวง และอธิบายว่าเป็นอัลบั้มแบบอิเล็กทรอนิกส์ร็อก เจมส์ มอนต์กอเมอรี จากเอ็มทีวี ได้เปรียบเทียบผลงานอัลบั้มชุดนี้ว่าคล้ายคลึงกับอัลบั้ม คิดเอ ของเรดิโอเฮด ในขณะที่จอร์ดี คาสโก จาก รีวิว, รินส์, รีพีต ได้เปรียบเทียบอัลบั้มว่าคล้ายกับ คิดเอ และอัลบั้ม เดอะดาร์กไซด์ออฟเดอะมูนของพิงก์ ฟลอยด์ ไมค์กล่าวว่าเขาและสมาชิกวงคนอื่น ๆ ได้รับอิทธิพลอย่างแท้จริงจากชักดี และพับลิกเอเนมี โดยที่แนวเพลงในอัลบั้นนี้ได้ทำแนวเพลงที่ต่างไปจากอัลบั้มก่อน ๆ เนื้อหาเพลงและจังหวะดนตรียังมีความเป็นนูเมทัล และมีเนื้อหาด้านการเมืองอยู่ในหลาย ๆ เพลงของอัลบั้ม ซึ่งมีเพลงหนึ่งในผลงานที่มีเนื้อหาด้านการเมืองมีคำกล่าวสุนทรพจน์โดยนักการเมืองชาวอเมริกันด้วย

อัลบั้มชุดที่ห้า ลิฟวิงทิงส์ เป็นอัลบั้มแนวเพลงอิเล็กทรอนิกส์ร็อก ที่รวมแนวเพลงจากองค์ประกอบหลายอย่างจากอัลบั้มที่ผ่านมาทั้งหมดในการสร้างเสียงรูปแบบใหม่ ๆ และได้กลับไปสร้างแนวเพลงที่หนักหน่วงอีกครั้ง เมื่อเทียบกับอัลบั้มสามชุดที่แล้ว ในผลงานอัลบั้ม เดอะฮันติงปาร์ตี ซึ่งในอัลบั้มชุดนี้มีแนวเพลงเป็นแบบอัลเทอร์เนทีฟเมทัลและฮาร์ดร็อก

ลิงคินพาร์กยอมรับว่าได้รับอิทธิพลดนตรีมาจากเดฟโทนส์, ไนน์อินช์เนลส์, เอเฟ็กซ์ ทวิน และเดอะรูตส์

ลิงคินพาร์กเป็นวงดนตรีร็อกวงแรกที่ประสบความสำเร็จจากยอดการเข้าชมที่มากกว่าหนึ่งพันล้านในยูทูบ นอกจากนี้ ลิงคินพาร์กยังเป็นหนึ่งในสิบห้าหน้าในเฟซบุ๊กที่มีการกดถูกใจมากที่สุด ตามหลัง เลดี้ กาก้า และนำหน้าวง แบล็กอายด์พีส์


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301