ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

ลัทธิทำลายรูปเคารพ

ลัทธิทำลายรูปเคารพ (อังกฤษ: Iconoclasm) เป็นแนวคิดและการปฏิบัติเพื่อไม่ให้มีการใช้รูปเคารพ การทำลายศิลปะหรือรูปสัญลักษณ์ทางศาสนา การทำลายสัญลักษณ์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่สัญลักษณ์ทางศาสนา หรือ การทำลายอนุสาวรีย์โดยจงใจภายในสังคมใดสังคมหนึ่ง ซึ่งมักจะเป็นผลจากการกระทำเพื่อศาสนาหรือการเมือง การกระทำเช่นนี้มักจะเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการเปลี่ยนแปลงทางศาสนาหรือทางการเมืองภายในสังคมเดียวกัน ลัทธิทำลายรูปเคารพตรงกันข้ามกับ "ลัทธิบูชารูปเคารพ" (Iconodule)

ลัทธิทำลายรูปเคารพ แตกต่างจากการทำลายโดยวัฒนธรรมจากภายนอกหรือจากการสงคราม เช่น การรุกรานของประเทศสเปนที่มีผลทำลายศิลปะและสิ่งก่อสร้างท้องถิ่นในอเมริกาใต้ และมิได้หมายถึงการทำลายสัญลักษณ์ทางวัตถุของประมุขที่เพิ่งเสียชีวิตไปหรือถูกโค่นอำนาจไป เช่น ประเพณีที่ทำกันเมื่อพระเจ้าแผ่นดินสวรรคตในสมัยอียิปต์โบราณ หรือในจักรวรรดิโรมัน

ผู้ที่มีส่วนร่วมหรือสนับสนุนลัทธิทำลายรูปเคารพเรียกว่า “นักทำลายรูปเคารพ” (Iconoclasts) ซึ่งความหมายแปลงมาเป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับความเชื่อหรือการปฏิบัติที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป

การทำลายรูปเคารพอาจจะทำโดยผู้ที่นับถือศาสนาต่างกันแต่ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากความแตกต่างกันทางปรัชญาทางศาสนาระหว่างลัทธิย่อยภายในศาสนาเดียวกัน ยกเว้นการแตกแยกระหว่างจักรวรรดิไบแซนไทน์สองจักรวรรดิระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 8 และ 9 ซึ่งมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งในความเชื่อเรื่องการบูชารูปเคารพ อันเป็นสาเหตุหลักแทนที่จะเป็นสาเหตุที่เป็นผลมาจากความขัดแย้งอื่น[ต้องการอ้างอิง] ในศาสนาคริสต์การทำลายรูปเคารพมักจะมีผลมาจากการตีความหมายของบัญญัติ 10 ประการซึ่งห้ามการบูชา “รูปเคารพ”

ความหมายตรงกันข้ามของผู้ทำลายรูปเคารพ คือ ผู้ที่มีความเชื่อในการนับถือบูชาและสักการะรูปเคารพที่เรียกว่า “นักบูชารูปเคารพ” Idolators ในสมัยไบเซนไทน์เมื่อกล่าวถึง ลัทธิบูชารูปเคารพ ก็จะใช้คำว่า Iconodules หรือ Iconophiles

ผลที่เราเห็นจากลัทธิทำลายรูปเคารพก็จะมักจะเป็นรูปปั้นเพราะศิลปะรูปแบบอื่นคงถูกทำลายไปหมด รูปปั้นเหล่านี้ส่วนหัวจะหักไปหมด เช่น ตามอนุสาวรีย์ของโรมัน หรืออนุสาวรีย์หน้าโบสถ์และรูปปั้นหรืออนุสรณ์ผู้ตายภายในโบสถ์โดยเฉพาะที่เป็นรูปปั้นเล็ก ๆ ถ้าเป็นหัวรูปปั้นใหญ่ที่ค่อนข้างทำลายยาก นักทำลายรูปเคารพก็มักจะทุบจนหักบิ่น

ความขัดแย้งกันในเรื่องความเชื่อทำลายรูปเคารพไม่จำกัดเฉพาะในกลุ่มนักบวช หรือเป็นความแตกแยกทางปรัชญาทางเทววิทยาเท่านั้น บางครั้งความขัดแย้งก็อาจจะเป็นผลมาจากความกลัวการรุกรานทางทหารโดยผู้นับถือศาสนาอิสลาม เป็นที่เชื่อกันว่าการทำลายรูปเคารพได้รับการสนับสนุนบางส่วนจากจักรวรรดิไบแซนไทน์ตะวันออกและผู้ลี้ภัยที่มาจากบริเวณที่ถูกยึดครองโดยผู้นับถือศาสนาอิสลาม นอกจากนั้นก็ยังได้รับอิทธิพลบางส่วนจากกองกำลังบัลคานซึ่งไม่นิยมในการบูชา “รูปเคารพ” เท่าใดนัก อิทธิพลที่ว่านี้อาจจะมีบทบาทสำคัญต่อสถาบันการปกครองในการเริ่มและการลงเอยของลัทธิการทำลายรูปเคารพ

การใช้ “รูปเคารพ” แพร่หลายขี้นเป็นเวลานานก่อนที่เกิดการต่อต้าน การทำลายครั้งสำคัญเกิดขึ้นเมื่อปี ค. ศ. 695 เมื่อพระเจ้าจัสติเนียนที่ 2 โปรดให้ประทับพระพักตร์พระเยซูบนหลังเหรียญกษาปณ์ทองของพระองค์ ผลจากการเปลี่ยนในทางลัทธิการทำลายไม่เป็นที่ทราบแน่นอน แต่ที่ทราบแน่ก็คือเคาะลีฟะฮ์Abd al-Malik ทรงแยกตัวอย่างถาวรจากการใช้เหรียญกษาปณ์ของจักรวรรดิไบแซนไทน์มาผลิตเหรียญกษาปณ์แบบอิสลามเองโดยมีแต่ตัวอักษรไม่มีภาพ จดหมายจากบิชอปเจอร์มานุส (Germanus) ซึ่งเขียนก่อนปี ค.ศ. 726 ถึงบาทหลวง 2 องค์ที่มีความเชื่อในลัทธิกล่าวว่า “ขณะนี้ทั้งเมืองและคนจำนวนมากมีความไม่พึงพอใจในกรณีนี้” แต่เราไม่ทราบว่าหัวข้อนี้ทำให้เกิดปฏิกิริยาเท่าใด

ระหว่างปี ค.ศ. 726 ถึงปี ค.ศ. 730 จักรพรรดิไบแซนไทน์ลีโอที่ 3 ทรงสั่งให้เอารูปของพระเยซูซึ่งตั้งอยู่อย่างเด่นชัดที่หน้าประตูชอล์ค (Chalke gate) ซึ่งเป็นประตูเมืองเอกที่ใช้เป็นทางเข้าพระราชวังคอนแสตนติโนเปิลออกและติดแทนด้วยกางเขน ผู้ที่ถูกสั่งให้เอารูปพระเยซูออกก็โดนถูกฆ่าตายโดยกลุ่มผู้ต่อต้าน

เหตุผลของการทำลายรูปเคารพมักจะมาจากหลักฐานข้อเขียนของ “นักบูชารูปเคารพ” เป็นส่วนใหญ่ ฉะนั้นการที่จะเข้าใจในเหตุผลของลัทธิทำลายรูปเคารพเราต้องเข้าใจว่า:

ผู้ที่คัดค้านกับลัทธิทำลายรูปเคารพทางเทววิทยาคือนักบุญจอห์นแห่งดามัสกัส (John of Damascus) ผู้อาศัยในบริเวณที่ปกครองโดยมุสลิมและผู้เป็นที่ปรึกษาของเคาะลีฟะฮ์แห่งดามัสกัส นักบุญจอห์นแห่งดามัสกัสอยู่ใกลจากไบแซนไทน์พอที่จะพ้นจากการถูกลงโทษของผู้สนับสนุนลัทธิทำลายรูปเคารพ อีกผู้หนึ่งคือนักบุญทีโอดอร์สตูไดท์ (Theodore the Studite) ผู้เป็นนักพรตอยู่ที่อารามสตูดิโอสที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล นักบุญจอห์นประกาศว่าท่านไม่ได้บูชารูปเคารพแต่บูชาผู้สร้างรูปเคารพ ขณะเดียวกันท่านก็กล่าวว่าท่านบูชาสิ่งที่ราวกับได้มาจากอำนาจของพระเจ้า ซึ่งก็รวมถึงหมึกที่พระวรสารใช้เขียนและภาพเขียน ไม้ของกางเขน และพระมังสะและพระโลหิตของพระเยซู

สิ่งสำคัญที่ควรกล่าวเกี่ยวกับประวัติศาสนาอิสลามคือการนำ “เทวรูป” ออกจากมัสยิดฮะรอมซึ่งเป็นที่ตั้งของกะอฺบะหฺสำหรับผู้นับถือศาสนาอิสลามถือว่าเป็นเหตุการณ์สัญลักษณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของศาสนาอิสลาม

โดยทั่วไปแล้วในศาสนาอิสลามเลี่ยงการสร้างรูปเหมือนของผู้ที่หรือสิ่งที่มีชีวิตภายในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาเช่นมัสยิด การห้ามการใช้รูปเคารพมิได้มาจากคัมภีร์อัลกุรอานโดยตรงแต่มาจากประเพณีหลายประเพณีในประวัติที่เล่าต่อกันมาเกี่ยวกับมุฮัมมัด (Hadith) การห้ามใช้รูปเคารพนี้มิได้ห้ามในที่อยู่อาศัยซึ่งจะเห็นได้จากศิลปะการสร้างรูปเคารพทางศิลปะอิสลาม

นักเขียนทางตะวันตกมักจะกล่าวว่าการห้ามการใช้รูปเคารพในสังคมอิสลามเป็นวัฒนธรรมที่สร้างสมมาจากการทำลายรูปเคารพอย่างรุนแรงมาตลอด เช่นการทำลายพระพุทธรูปแห่งบามิยันเมื่อปี พ.ศ. 2544 ซึ่งนักประชาสัมพันธ์ทางตะวันตกสรุปว่าเป็นผลมาจากวัฒนธรรมการต่อต้านการใช้รูปเคารพ การสรุปเช่นนั้นเป็นการมองข้ามความอยู่ร่วมกันระหว่างพุทธศาสนิกชนและผู้นับถือศาสนาอิสลามที่มีมาร่วมพันปีก่อนที่จะเกิดการทำลาย และรูปปั้นที่ถูกทำลายก็มีการพยายามทำลายมาก่อนหน้านั้นสองครั้งแล้วแต่ไม่สำเร็จ ตามความเห็นของฟลัด (Flood) เหตุผลในการการทำลายพระพุทธรูปเมื่อปี ค.ศ. 2001 เป็นเหตุผลทางการเมืองมากกว่าจะเป็นเหตุผลทางศาสนา

การทำลายรูปสัญลักษณ์ครั้งแรกของมุสลิมเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 630 เมื่อมีการทำลายรูปปั้นเทพราว 300 องค์ ของศาสนาดั้งเดิมของชาวเมกกะ ที่ตั้งอยู่ในมัสยิดฮะรอมซึ่งเป็นที่ตั้งของกะอฺบะหฺ แต่กล่าวกันว่ามุฮัมมัดมิได้ทำลายจิตรกรรมฝาผนังของพระแม่มารีย์ การทำลายครั้งนี้เป็นการหยุดยั้งการบูชา “เทวรูป” ซึ่งตามความเห็นของศาสนาอิสลามถือว่าเป็นการแสดงออกของความไร้การศึกษา

การทำลายรูปรูปเคารพที่เมกกะมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเชื่อถือในศาสนาอื่นที่อยู่ภายใต้การปกครองของมุสลิมหลังจากการขยายอำนาจของเคาะลีฟะฮ์ คริสต์ศาสนิกชนภายใต้การปกครองของมุสลิมยังคงสร้างรูปเคารพและใช้รูปเคารพตกแต่งวิหารอย่างที่เคยเป็นมา ยกเว้นเพียงครั้งเดียวระหว่างการใช้ “กฤษฎีกายาซิด” (Edict of Yaz?d) ของเคาะลีฟะฮ์ยาซิดที่สอง ระหว่างปี ค.ศ. 722 ถึงปี ค.ศ. 723 ซึ่งสั่งให้ทำลายกางเขนและรูปเคารพทางคริสต์ศาสนาภายใต้รัฐเคาะลีฟะฮ์

หลักฐานทางโบราณคดีที่แสดงให้เห็นการทำลายรูปเคารพโดยลอกรูปออกจากพื้นโมเสกพบที่ประเทศจอร์แดน แต่การทำลายครั้งนี้ก็มิได้เกิดขึ้นทุกวิหาร และ “กฤษฎีกายาซิด” ก็มิได้มีการปฏิบัติต่อมาโดยผู้สืบการปกครองต่อจากเคาะลีฟะฮ์ยาซิดที่สอง ฉะนั้นการสร้างรูปสัญลักษณ์ของบริเวณตะวันออกกลางก็เป็นการหยุดยั้งเพียงชั่วคราวก่อนที่จะทำต่อเนื่องกันมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 6 มาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 9

นักปฏิรูปศาสนาโปรเตสแตนต์โดยเฉพาะอันเดรียส คาร์ลชตัท (Andreas Karlstadt), ฮุลดริช ซวิงลี และฌ็อง กาลแว็งสนับสนุนการทำลายรูปเคารพโดยอ้างว่าบัญญัติ 10 ประการบ่งว่าห้ามการมีรูปเคารพและการสร้างรูปพระเจ้า ซึ่งเป็นผลที่ทำให้มีการทำลายรูปเคารพทางศาสนา การโจมตีผู้นิยมรูปเคารพ และการก่อความไม่สงบต่าง ๆ ทั่วไปในยุโรป แต่การทำลายรูปเคารพทางศาสนาทั่ว ๆ ไปเป็นไปอย่างไม่มีการก่อความไม่สงบ

การจลาจลที่เกิดจากการทำลายรูปเคารพเกิดขึ้นที่เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี ค.ศ. 1523, ที่เมืองโคเปนเฮเกน เมื่อปี ค.ศ. 1530, เมืองมึนสเตอร์เมื่อปี ค.ศ. 1534, เจนีวา เมื่อปี ค.ศ. 1535, อ็อกสเบิร์ก เมื่อปี ค.ศ. 1537 และ และ สกอตแลนด์ เมื่อปี ค.ศ. 1559 สิบเจ็ดมณฑลในประเทศเนเธอแลนด์และเบลเยียม และบางส่วนทางตอนเหนือของฝรั่งเศสได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการโจมตีของผู้นับถือนิกายโปรเตสแตนต์จากผู้สนับสนุนการทำลายรูปเคารพทางศาสนาเมื่อฤดูร้อนปี ค.ศ. 1566 การโจมตีครั้งนี้เรียกว่า “เบลเดนสตรอม” (Beeldenstorm) ซึ่งทำลายรูปปั้นภายในอารามเซนต์ลอเรนซ์ที่สตีนวูรด์ (Steenvoorde) หลังจากการเทศนากลางแปลงโดยเซบาสเตียน แม็ท (Sebastiaan Matte) และการปล้นอารามเซนต์แอนโทนีหลังจากการเทศนาโดยเจคอป เดอ บุยเซีย (Jacob de Buysere) “Beeldenstorm” เป็นจุดเริ่มต้นของ “สงครามแปดสิบปี” เพื่อต่อต้านกองกำลังสเปนและคริสตจักรคาทอลิก

ระหว่างสงครามกลางเมืองอังกฤษ บิชอปโจเซฟ ฮอลแห่งนอริช (Bishop Joseph Hall of Norwich) บรรยายเหตุการณ์เมื่อ ค.ศ. 1643 เมื่อกองทหารและประชาชนที่ถูกยุยงโดยรัฐสภาให้ต่อต้านความเชื่องมงายและรูปเคารพเข้ามาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในโบสถ์ไม่ว่าจะเป็นกระจกหน้าต่าง ผนัง รูปอนุสรณ์ หรือเก้าอี้อิง ทิ้งเหล็กและทองเหลืองออกจากหน้าต่าง ทำลายรูปปั้น, ออร์แกน ห้องแต่งตัวของนักบวช เลื่อยไม้กางเขนจากแท่นเทศน์ เผาหนังสือสวดมนต์ และอื่น ๆ การบันทึกการทำลายเช่นนี้ทำให้เราเห็นภาพพจน์ของความรุนแรงและความเสียหายที่เกิดขึ้นในยุคนี้ได้อย่างชัดเจน

วิลเลียม เดาซิง (William Dowsing) ผู้เป็นนักปฏิรูปศาสนาคนสำคัญถูกจ้างโดยรัฐบาลให้ไปดูงานการทำลายรูปเคารพตามโบสถ์ต่างๆ ในหมู่บ้านและเมืองในบริเวณอีสท์อังเกลีย เดาซิงบันทึกการทำลายไว้ที่ยังคงอยู่คือการทำลายในบริเวณซัพฟิคและเคมบริดเชอร์

ไม่ใช่ชาวโปรเตสแตนต์ทุกคนจะเห็นด้วยกับลัทธิทำลายรูปเคารพของศาสนาหรือการใช้รูปเคารพในการสักการบูชา มาร์ติน ลูเทอร์ผู้เป็นผู้นำในการแยกตัวจากนิกายโรมันคาทอลิกเองกล่าวว่าผู้นับถือศาสนาคริสต์ควรจะมีเสรีภาพในการบูชารูปทางศาสนาใด ๆ ก็ได้ตราบที่ไม่เป็นการบูชารูปแทนพระเป็นเจ้า แต่ฮุลดริช ซวิงลีผู้พยายามอนุรักษ์คำสอนของพระเจ้าเป็นปฏิปักษ์ต่อรูปสัญลักษณ์ทุกชนิด มาร์ติน ลูเทอร์ผู้ต้องการอนุรักษ์คำสอนเช่นกันเห็นว่างานศิลปะทุกอย่างเป็นงานที่ทำเพื่อพระวรสาร มาร์ติน ลูเทอร์นอกจากจะไม่เห็นด้วยกับการทำลายศิลปะเช่นที่ผู้มีความคิดเห็นรุนแรงต้องการจะทำแล้วยังสนับสนุนการสร้างศิลปะเพื่อศาสนาด้วย โดยเฉพาะดนตรีซึ่งลูเทอร์เห็นว่าเป็นที่สร้างขึ้นเพื่อพระเจ้าและประทานให้โดยพระเจ้า ลูเทอร์ยกตัวอย่างจากภาพของพระเจ้า ทูตสวรรค์ มนุษย์ และสัตว์ในคัมภีร์ไบเบิล โดยเฉพาะงานของนักบุญยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสาร หรือหนังสือโมเสส และหนังสือโยชูวา และยังเสนอให้มีภาพเขียนเหล่านี้บนผนังโบสถ์เช่นเดียวกับคัมภีร์เพื่อเป็นความเพิ่มความเข้าใจในศาสนามากขึ้น


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301