ราชวงศ์อังกฤษ คือ กลุ่มพระประยูรญาติสนิทของพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร ทั้งยังหมายรวมถึงกลุ่มคนที่มีความสัมพันธ์กับพระมหากษัตริย์ในฐานะพระประมุขแห่งในดินแดนเครือจักรภพ บางครั้งจึงแตกต่างจากคำเรียกทางการในประเทศสำหรับราชวงศ์ สมาชิกในราชวงศ์อยู่ใน หรืออภิเษกสมรสเข้ามาในราชวงศ์วินด์เซอร์ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ทรงเปลี่ยนชื่อมาจากราชวงศ์แซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา เมื่อปี พ.ศ. 2460
ถึงแม้ว่าจะไม่มีคำจำกัดความที่เป็นทางการหรือทางกฎหมายเคร่งครัดว่าผู้ใดเป็นราชวงศ์หรือไม่ และรายนามแตกต่างกันมีบุคคลไม่เหมือนกัน แต่ผู้ที่ถือครองพระอิสริยยศเป็น His หรือ Her Majesty, His หรือ Her Royal Highness หรือ Their Royal Highnesses นั้นโดยทั่วไปแล้วถือเป็นสมาชิกในราชวงศ์ ซึ่งใช้เรียกพระมหากษัตริย์ คู่สมรสของพระมหากษัตริย์ คู่สมรสของกษัตริย์ที่สวรรคตไปแล้ว พระราชโอรสและพระราชธิดา พระราชนัดดาในสายพระราชโอรส คู่สมรสและคู่สมรสที่เป็นม่ายของพระราชโอรสในพระประมุขและพระราชนัดดาในสายพระราชโอรส
เมื่อปี พ.ศ. 2460 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 มีพระราชวโรกาสประกาศว่าพระองค์และเชื้อสายในพระราชโอรสทุกพระองค์จะอยู่ในราชวงศ์วินด์เซอร์ ผู้สืบทอดราชบัลลังก์ของพระองค์ต่อไปยังคงทรงปกครองประเทศอีกสิบหกประเทศ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครือจักรภพ สมาชิกและเครือญาติในราชวงศ์วินด์เซอร์ได้เป็นตัวแทนองค์พระประมุขในประเทศของเครือจักรภพ โดยบางครั้งอยู่ในวาระที่ยืดออกไปของการเป็นอุปราช หรือ ข้าหลวงใหญ่ และบางครั้งเข้าร่วมพิธีการหรืองานเลี้ยงเฉพาะกิจต่างๆ
บุคคลต่อไปนี้เป็นทายาทสืบเชื้อสาย (หรือ เป็นม่าย) ของพระราชโอรสและธิดาพระองค์อื่นของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 และสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5
เอิร์ลแห่งแฮร์วูดเป็นพระญาติชั้นที่หนึ่งของสมเด็จพระราชินีนาถ ในสายพระราชธิดาในพระเจ้าจอร์จที่ 5 ส่วนดยุกแห่งไฟฟ์ มาร์ควิสแห่งมิลด์ฟอร์ดฮาเว็น เคานท์เตสเมานท์แบ็ตเต็นแห่งพม่า เลดี้ซัลทูน พร้อมทั้งครอบครัวที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงเชื้อสายของลอร์ดแฮร์วูด ห่างไกลจากพระประมุของค์ปัจจุบันมากเสียจนกระทั่งเป็นเหมือนญาติมากกว่าสมาชิกของราชวงศ์
บุคคลเหล่านี้ไม่ได้รับเงินเบี้ยหวัดจากรัฐบาลหรือปฏิบัติพระราชภารกิจทางการแทนสมเด็จพระราชินีนาถ แต่กระนั้นสมเด็จพระราชินีนาถได้ทรงเชิญให้มางานเลี้ยงส่วนพระองค์ในราชวงศ์และเข้าร่วมในวโรกาสเป็นทางการต่างๆ ดังเช่น พิธีสวนสนาม งานเฉลิมฉลองพระราชพิธีกาญจนาภิเษก และงานพระศพแบบรัฐพิธีหรือราชพิธี
ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระชายาองค์แรกในเจ้าฟ้าชายแห่งเวลส์ สิ้นพระชนม์ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี พ.ศ. 2540 ทั้งสองพระองค์ทรงหย่าขาดจากกันในปี พ.ศ. 2539 เจ้าหญิงไดอานาทรงถูกถอดฐานันดรศักดิ์ Her Royal Highness ออกแต่ยังคงดำรงพระอิสริยยศ "เจ้าหญิงแห่งเวลส์" และเป็นสมาชิกของราชวงศ์ ในฐานะที่เป็นพระมารดาของรัชทายาทอันดับสองและสามแห่งราชบัลลังก์คือ เจ้าชายวิลเลียม และ เจ้าชายเฮนรี ("แฮร์รี")
นอกเหนือไปจากสหราชอาณาจักร สมเด็จพระราชินีนาถและสมาชิกพระองค์อื่นของราชวงศ์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอยู่เป็นประจำในกลุ่มประเทศเครือจักรภพอีกสิบห้าประเทศ ซึ่งสมเด็จพระราชินีนาถทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ เมื่อราชบัลลังก์ภายในประเทศเหล่านี้แยกออกจากราชบัลลังก์ของสหราชอาณาจักรอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จะให้เงินทุนสนับสนุนประเทศเหล่านี้แยกจำเพาะเป็นรายประเทศ โดยผ่านกระบวนการจัดสรรงบประมาณทางนิติบัญญัติมาตรฐาน เงินทุนที่จัดสรรให้ส่วนใหญ่แล้วจะสนับสนุนภารกิจการงานของตัวแทนของพระประมุขในประเทศนั้นๆ ซึ่งเรียกว่า ข้าหลวงใหญ่ ผู้ว่าการ และผู้ช่วยผู้ว่าการ แม้ว่าเงินบางส่วนจะใช้ในการเยือนอย่างเป็นทางการต่างๆ
พระอิสริยยศในชั้น His หรือ Her Majesty (HM) ใช้กับสมเด็จพระราชาธิบดี สมเด็จพระราชินีนาถ สมเด็จพระราชินี และอดีตสมเด็จพระราชินี (สมเด็จพระพันปี หรือ สมเด็จพระบรมราชชนนี)
การใช้พระอิสริยยศ His หรือ Her Royal Highness (HRH) และฐานันดรศักดิ์เจ้าชายและเจ้าหญิงมีผลจากพระราชหัตถเลขาที่ออกโดยสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2460 และตีพิมพ์ลงในหนังสือราชกิจจานุเบกษาลอนดอนในวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2460 พระราชหัตถเลขากล่าวว่านับแต่นี้ต่อไปพระราชโอรสธิดาในพระประมุข พระโอรสธิดาในพระราชโอรสของพระประมุข พระโอรสองค์โตของพระโอรสองค์โตของเจ้าชายแห่งเวลส์ "จะถือครองโดยตลอดพระอิสริยยศ อิสริยศักดิ์ และคุณสมบัติชั้น Royal Highness พร้อมกับฐานันดรศักดิ์เจ้าชายและเจ้าหญิงนำมาก่อนหน้าพระนามทางศาสนาคริสต์หรือบรรดาศักดิ์ประดับเกียรติ" และยังต่อไปอีกว่า "พระราชนัดดาของพระประมุขผ่านทางพระราชโอรสสายตรง (ยกเว้นพระโอรสองค์โตของพระโอรสองค์ใหญ่ในเจ้าชายแห่งเวลส์) จะมีพระอิสริยยศและฐานันดรศักดิ์ของบุตรและธิดาของดยุก"
ภายใต้ธรรมเนียมปฏิบัติดังกล่าว พระราชโอรสธิดาในสมเด็จพระราชินีนาถและพระโอรสธิดาในเจ้าชายแห่งเวลส์ ดยุกแห่งยอร์ค และเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์ จึงทรงดำรงฐานันดรศักดิ์เจ้าชายหรือเจ้าหญิง และมีพระอิสริยยศ Royal Highness แต่กระนั้นในการอภิเษกสมรสของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดในปี พ.ศ. 2542 ได้มีการประกาศว่าพระโอรสและธิดาของพระองค์จะมีฐานันดรศักดิ์เทียบเท่ากับบุตรีของเอิร์ล แต่ยังไม่มีพระราชหัตถเลขาออกมารับรอง ดยุกแห่งกลอสเตอร์ ดยุกแห่งเคนต์ เจ้าฟ้าหญิงอเล็กซานดรา เลดี้โอกิลวี และ เจ้าชายไมเคิลแห่งเคนต์ ทรงดำรงฐานันดรศักดิ์เป็นเจ้าชายและเจ้าหญิงพร้อมทั้งพระอิสริยยศ Royal Highness ในฐานะพระราชนัดดาผ่านทางสายพระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แต่อย่างไรก็ตาม พระโอรสและธิดาของทุกพระองค์ไม่ทรงมีฐานันดรศักดิ์ทางราชวงศ์อะไรเลย เช่น พระโอรสและธิดาของเจ้าชายไมเคิลจะเป็นเพียง ลอร์ด เฟรเดอริค วินด์เซอร์ และ เลดี้ กาเบรียลลา วินด์เซอร์ ตามฐานันดรศักดิ์ของบุตรธิดาของดยุก ไม่มีการแต่งตั้งฐานันดรศักดิ์ทางราชวงศ์ พระโอรสธิดาของเจ้าฟ้าหญิงพระราชกุมารี เจ้าหญิงอเล็กซานดรา และ เจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ต เคานท์เตสแห่งสโนว์ดอน ไม่มีฐานันดรศักดิ์ทางราชวงศ์เนื่องจากเจ้าหญิงไม่สามารถส่งผ่านฐานันดรศักดิ์ไปสู่พระโอรสและธิดา แต่มีข้อยกเว้นเกิดขึ้นเมื่อสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 มีพระราชหัตถเลขาให้เจ้าหญิงเอลิซาเบธ รัชทายาทโดยนิตินัยส่งผ่านฐานันดรศักดิ์ทางราชวงศ์สู่พระโอรสและธิดาได้ พระโอรสในเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตดำรงฐานันดรศักดิ์ไวส์เคานท์ลินเลย์ในฐานะบุตรชายและทายาทของเอิร์ลแห่งสโนว์ดอน ในขณะที่พระธิดาดำรงฐานันดรศักดิ์เลดี้ พระโอรสธิดาในเจ้าฟ้าหญิงวรราชกุมารีและเจ้าหญิงอเล็กซานดราไม่มีฐานันดรศักดิ์ทางราชวงศ์เลย เนื่องมาจากว่ามาร์ค ฟิลลิปส์และ เซอร์ แองกัส โอกิลวี ไม่ได้ขอรับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ขุนนางในวันอภิเษกสมรส
หญิงสาวที่แต่งงานกับพระราชโอรสหรือพระราชนัดดาในสายพระราชโอรสของพระประมุขจะดำรงพระอิสริยยศเป็น Her Royal Highness แล้วก็ตามด้วยรูปแบบที่เปลี่ยนเป็นเพศหญิงของฐานันดรศักดิ์อันสูงสุดของพระสวามี ดังนั้นพระชายาของขุนนางในทางราชวงศ์จึงเป็นที่รู้จักกันว่า "เจ้าฟ้าหญิงดัชเชสแห่ง......." หรือ "เจ้าฟ้าหญิงเคานท์เตสแห่ง......." เพราะฉะนั้นพระชายาของดยุกแห่งเคนต์ ดยุกแห่งกลอสเตอร์ และเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์ก็คือ "เจ้าฟ้าหญิงดัชเชสแห่งเคนต์" "เจ้าฟ้าหญิงดัชเชสแห่งกลอสเตอร์" และ "เจ้าฟ้าหญิงเคานท์เตสแห่งเวสเซ็กส์" เป็นลำดับ ก่อนการหย่าร้าง ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ได้ทรงดำรงพระอิสริยยศและฐานันดรศักดิ์เป็น "เจ้าฟ้าหญิงแห่งเวลส์" อย่างไรก็ตาม เมื่อหญิงสาวแต่งงานกับบุคคลที่ไม่ได้มีบรรดาศักดิ์ขุนนางก็จะเป็นที่รู้จักว่า เจ้าฟ้าหญิง (พระนามทางศาสนาคริสต์ของพระสวามี) แล้วตามด้วยราชทินนามเกี่ยวกับดินแดนหรือทางฐานันดรศักดิ์นั้น ดังเช่น บารอนเนส มารี-คริสตีน ฟอน ไรบ์นิตซ์ ดำรงพระอิสริยยศและฐานันดรศักดิ์ "เจ้าฟ้าหญิงไมเคิลแห่งเคนต์" และไม่ใช่ "เจ้าฟ้าหญิงมารี-คริสตีนแห่งเคนต์" เช่นเดียวกันคือ บริจิตต์ อีวา ฟาน ดอยรส์ ดำรงพระอิสริยยศและฐานันดรศักดิ์ "เจ้าฟ้าหญิงริชาร์ดแห่งกลอสเตอร์" หลังจากการอภิเษกสมรสจนกระทั่งถึงการสืบทอดตำแหน่งดยุกต่อจากพระชนกของพระสวามีในปี พ.ศ. 2517 พระชายาม่ายของเจ้าชายยังคงดำรงพระอิสริยยศเจ้าฟ้า หรือ HRH แต่กระนั้นตามพระราชหัตถเลขาของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ลงวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2539 พระชายาที่หย่าขาดจากเจ้าชายแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ "จะไม่มีสิทธิที่จะถือครองหรือดำรงพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์ และคุณสมบัติของ Royal Highness"
นอกจากนั้นยังมีการยกเว้นในเรื่องของข้อปฏิบัติซึ่งพระชายาของเจ้าชายต้องดำรงพระอิสริยยศของพระสวามี ในพระราชหัตถเลขาลงวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ไม่ทรงยอมรับพระอิสริยยศเจ้าฟ้าแก่พระชายาของดยุกแห่งวินด์เซอร์ ซึ่งทรงเป็นอดีตสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ดังเช่นนั้นนางวอลลิส วอร์ฟิลด์ ซิมป์สัน จึงเป็นที่รู้จักว่า "ดัชเชสแห่งวินด์เซอร์" (Her Grace The Duchess of Windsor) ไม่ใช่ "เจ้าฟ้าหญิงดัชเชสแห่งวินด์เซอร์"
ยังเป็นที่สังเกตอีกอย่างหนึ่งว่าเนื่องจากความลังเลของสาธารณชนในการยอมรับกันถ้วนหน้าต่อพระชายาองค์ที่สองในเจ้าชายแห่งเวลส์ จึงมีประกาศจากตำหนักคลาเรนซ์ว่าถ้าเจ้าชายแห่งเวลส์เสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ เจ้าฟ้าหญิงดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ พระชายาจะไม่ได้เป็นสมเด็จพระราชินี แต่มีฐานันดรศักดิ์รองลงมาคือ เจ้าฟ้าหญิงพระวรราชชายา นอกจากความเคารพต่อไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ผู้ล่วงลับ ยังได้มีประกาศอีกว่าเจ้าฟ้าหญิงดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์จะไม่ได้เป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์ด้วย
พระราชธิดาและพระราชนัดดาผู้หญิงในสายพระราชโอรสของพระประมุขจะไม่ทรงสูญเสียฐานันดรศักดิ์ทางราชวงศ์ไปในการอภิเษกสมรส บุรุษซึ่งสมรสกับพระราชธิดาและพระราชนัดดาผู้หญิงในสายพระราชโอรสของพระประมุข จะไม่ได้รับศักดินาทางราชวงศ์และพระอิสริยยศเจ้าฟ้าจากภรรยา มีข้อยกเว้นเดียวของธรรมเนียมปฏิบัตินี้คือ เจ้าชายฟิลิป ซึ่งประสูติเป็นเจ้าชายแห่งกรีซและเดนมาร์ก และหลังจากสิ้นสุดสงครามเพียงไม่นานจึงได้ทรงสละฐานันดรศักดิ์และเป็นชาวอังกฤษที่แปลงสัญชาติในฐานะเรือโท ฟิลิป เมานท์แบ็ตเต็น ร.น. (แม้ว่าจะทรงเป็นชาวอังกฤษอยู่แล้วในฐานะเชื้อสายพระองค์หนึ่งในเจ้าหญิงโซเฟีย) ในวันก่อนการอภิเษกสมรส พระองค์ทรงได้รับการสถาปนาให้เป็นดยุกแห่งเอดินเบอระ พร้อมกับพระอิสริยยศเจ้าฟ้าจากพระราชหัตถเลขาของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 แต่ก็ยังไม่ได้ทรงเป็นเจ้าชายแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือจนกระทั่งวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 นับแต่วันนั้นฐานันดรศักดิ์แบบเต็มของพระองค์คือ "เจ้าฟ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินเบอระ"
ในฐานะพระราชนัดดาของพระประมุขผ่านทางพระราชธิดา พระโอรสและธิดาของเจ้าหญิงเอลิซาเบธและดยุกแห่งเอดินเบอระจะไม่มีสิทธิใช้พระอิสริยยศเจ้าฟ้าและฐานันดรศักดิ์เจ้าชายหรือเจ้าหญิงแห่งสหราชอาณาจักรจนกระทั่งพระชนนีเสวยราชสมบัติเป็นสมเด็จพระราชินีนาถ หากพระอิสริยยศและฐานันดรศักดิ์เหล่านั้นไม่ได้รับพระราชทานจากพระราชหัตถเลขาจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ลงวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2491 นอกจากนั้นยังไม่สามารถดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าฟ้าชายและเจ้าฟ้าหญิงแห่งกรีซและเดนมาร์กผ่านทางพระชนกได้ เพราะว่าดยุกแห่งเอดินเบอระ พระชนกได้ทรงสละพระอิสริยยศและฐานันดรศักดิ์ไปแล้ว
พระมเหสีของพระประมุขโดยทั่วไปแล้วจะไม่ได้ทรงรับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ขุนนาง แต่ได้มีข้อยกเว้นอันน่าจดจำเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2075 เมื่อสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ทรงสถาปนาแอนน์ โบลีนเป็นมาร์ชเนสแห่งเพมโบรคก่อนการอภิเษกสมรส แต่กระนั้น ในบางครั้งเจ้าชายพระราชสวามีจะได้รับพระราชทานตำแหน่งดยุก พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ ทรงเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งสเปนอยู่แต่ก่อนแล้ว และพระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีแมรีที่ 2 นั้นเป็นพระประมุขร่วมกันในประเทศอังกฤษ ดังนั้นจึงไม่มีพระองค์ใดมีศักดินาขุนนาง เจ้าชายจอร์จแห่งเดนมาร์ก พระสวามีในเจ้าหญิงแอนน์ (ต่อมาเสวยราชสมบัติเป็น สมเด็จพระราชินีนาถแอนน์) ทรงได้รับการสถาปนาให้มีฐานันดรศักดิ์ดยุกแห่งคัมเบอร์แลนด์เมื่อปี พ.ศ. 2226 เจ้าชายอัลเบิร์ตแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา ซึ่งเป็นพระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ทรงได้รับพระราชทานพระอิสริยยศชั้นเจ้าฟ้าก่อนการอภิเษกสมรส ต่อมาในปี พ.ศ. 2400 สมเด็จพระราชินีนาถทรงสถาปนาเจ้าชายเป็นเจ้าชายพระราชสวามี แต่กระนั้นพระองค์ไม่ได้ทรงมีบรรดาศักดิ์ขุนนางของอังกฤษ ส่วนเจ้าชายฟิลิป พระสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถองค์ปัจจุบันทรงได้รับการสถาปนาเป็นดยุกแห่งเอดินเบอระและได้รับพระราชทานพระอิสริยยศชั้นเจ้าฟ้าในวันก่อนการอภิเษกสมรส (ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการเสวยราชสมบัติของสมเด็จพระราชินีนาถ)
โดยปกติแล้ว พระราชโอรสของพระประมุขทรงได้รับศักดินาขุนนางเพื่อแสดงถึงการเจริญพระชนม์สู่วัยผู้ใหญ่หรือการอภิเษกสมรส แต่เดิมพระราชโอรสพระองค์รองลงไปของพระประมุขจะไม่ได้ทรงรับพระราชทานฐานันดรศักดิ์เจ้าชาย (ยกเว้นก็แต่ เจ้าชายแห่งเวลส์) ดังนั้นเพื่อเป็นการชี้ให้เห็นถึงตำแหน่งอันสูงส่ง จึงทรงได้รับมอบศักดินาขุนนางแทน ตั้งแต่รัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 พระราชโอรสเกือบทุกพระองค์ในพระประมุขที่ทรงเจริญพระชนม์จนเป็นผู้ใหญ่จะเป็นดยุกทั้งสิ้น ตำแหน่งดยุกบางตำแหน่งจะถูกพระราชทานบ่อยครั้งมากกว่าตำแหน่งดยุกอื่นๆ รวมถึง ดยุกแห่งยอร์ค ออลบานี และ คลาเรนซ์ โดยทั่วไปแล้วเมื่อได้มอบบรรดาศักดิ์ขุนนางให้แก่สมาชิกของราชวงศ์พระองค์หนึ่งแล้วจะมอบให้แก่บุคคลอื่นนอกราชวงศ์หลังจากนั้นอีกไม่ได้ (ถึงแม้ว่าจะมีข้อยกเว้นบางอย่างเกิดขึ้นก็ตาม)
ตำแหน่งดยุกแห่งยอร์คโดยทั่วไปจะแต่งตั้งให้กับพระราชโอรสพระองค์ที่สองของพระประมุข การแต่งตั้งครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1927 และรวมเข้ากับราชบัลลังก์ในปี พ.ศ. 2026 ดยุกทุกพระองค์หลังจากนั้นมีทั้งสิ้นพระชนม์โดยปราศจากทายาทหรือเสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ ฉะนั้นตำแหน่งจึงมิได้ออกไปนอกราชวงศ์ รูปแบบการพระราชทานตำแหน่งดยุกให้พระราชโอรสพระองค์ที่สองในพระประมุขเป็นที่ไม่พอพระทัยแก่สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 1 ซึ่งได้พระราชทานตำแหน่งดยุกแห่งยอร์คและออลบานีให้พระอนุชา สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 2 พระราชทานตำแหน่งดยุกแห่งยอร์คและออลบานีนี้อีกกับพระราชโอรสพระองค์ที่สองซึ่งได้สิ้นพระชนม์ไปก่อนพระองค์ ตำแหน่งดยุกแห่งยอร์คและออลบานีได้มีบทบาทอีกเป็นครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2327 เมื่อสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 พระราชทานตำแหน่งนี้ให้แก่พระราชโอรสพระองค์ที่สอง นับแต่นั้นมาตำแหน่งดยุกก็ได้มีการตั้งชื่อเป็น ยอร์ค มากกว่า ยอร์คและออลบานี ดยุกแห่งยอร์คพระองค์ปัจจุบันคือ เจ้าฟ้าชายแอนดรูว์ พระราชโอรสพระองค์ที่สองในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
ตำแหน่งดยุกแห่งออลบานีแสดงบทบาทที่คล้ายคลึงกันกับดยุกแห่งยอร์คในประเทศสก็อตแลนด์ ตำแหน่งดยุกได้รับการแต่งตั้งครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 1941 แก่โรเบิร์ต สจ๊วร์ต พระอนุชาในสมเด็จพระเจ้าโรเบิร์ตที่ 3 ถึงเป็นตำแหน่งดยุกเพียงหนึ่งเดียวนอกเหนือไปจากตำแหน่งดยุกแห่งโรธเซย์ในเวลานั้น มีการแต่งตั้งตำแหน่งดยุกดังกล่าวอีกสามครั้งในประเทศสก็อตแลนด์ โดยสองครั้งแก่พระราชโอรสพระองค์ที่สองของพระประมุข และอีกหนึ่งครั้งแก่พระอนุชาในพระประมุข ตำแหน่งดยุกแห่งออลบานีได้ถูกแต่งตั้งเป็นครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2424 ให้แก่พระราชโอรสพระองค์ที่สี่ในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย และจากนั้นถูกระงับไปภายใต้พระราชบัญญัติการถอดถอนพระอิสริยยศหลังจากที่ผู้ถือครองตำแหน่งนี้ได้ต่อสู้ในฝ้ายเยอรมันช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1
นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งดยุกอื่นๆ ที่ได้นำมาใช้กับสมาชิกของราชวงศ์ คลาเรนซ์ได้ถูกนำมาใช้เป็นตำแหน่งดยุกเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 1905 โดยมากจะพระราชทานให้แก่พระราชโอรสพระองค์ที่สามของพระประมุข ตำแหน่งดยุกที่พระราชทานแก่พระโอรสพระองค์รองของพระประมุข ได้แก่ ออเมล แคมบริดจ์ คอนน็อต คัมเบอร์แลนด์ เอดินเบอระ กลอสเตอร์ เคนต์ และซัสเซ็กส์ ตำแหน่งดยุกบางประเภทจะใช้กับพระอนุชา พระราชนัดดาผู้ชาย และพระญาติผู้ชายของพระประมุข ตำแหน่งดยุกแห่งวินด์เซอร์เป็นตำแหน่งดยุกทางราชวงศ์เช่นกัน โดยแต่งตั้งให้แก่สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 หลังจากการสละราชสมบัติของพระองค์เพื่ออภิเษกสมรสอันขัดต่อข้อบัญญัติของศาสนาจักรแห่งอังกฤษ
พระราชโอรสในพระประมุขบ่อยครั้งทรงได้รับพระราชทานฐานันดรศักดิ์ที่เกี่ยวข้องกับประเทศอังกฤษและสก็อตแลนด์ ต่อมากับไอร์แลนด์ และกับเวลส์เมื่อไม่นานมานี้ เพราะฉะนั้นตำแหน่งดยุกแห่งสแตรเธิร์น (ที่ตั้งชื่อตามสถานที่หนึ่งในสก็อตแลนด์) ได้นำมาใช้ควบคู่กับตำแหน่งดยุกแห่งคอนน็อต (ที่ตั้งชื่อตามมณฑลหนึ่งของไอร์แลนด์) เคนต์และคัมเบอร์แลนด์ (ที่ตั้งตามสถานที่ในประเทศอังกฤษ) รูปแบบเช่นนี้ยังคงใช้กับราชวงศ์ในปัจจุบัน ดังเช่น ดยุกแห่งยอร์ค พระองค์ปัจจุบัน ทรงเป็นทั้งเอิร์ลแห่งอินเวอร์เนสและบารอนคิลลีเลียฟ ฐานันดรศักดิ์รองที่เกี่ยวข้องกับประเทศสก็อตแลนด์และไอร์แลนด์ตามลำดับอีกด้วย
ธรรมเนียมปฏิบัติในการพระราชทานตำแหน่งดยุกให้แก่สมาชิกอาวุโสของราชวงศ์สิ้นสุดลงเมื่อไม่นานในปี พ.ศ. 2542 เมื่อเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงได้รับการสถาปนาเป็นเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์ ตำแหน่งเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์มิเคยมีการแต่งตั้งจากประมุขของอังกฤษและบริเตนใหญ่มาก่อนนับแต่ปี พ.ศ. 1609 (ค.ศ. 1066) กล่าวกันว่าตำแหน่งดยุกแห่งเอดินเบอระจะพระราชทานให้แก่เอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์ แต่กระนั้นตำแหน่งดยุกดังกล่าวจะตกทอดสู่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ ไม่ใช่ของเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์ เมื่อเจ้าชายแห่งเวลส์เสวยราชสมบัติเป็นพระประมุข หรือเป็นพระประมุขแล้วเมื่อตำแหน่งดยุกตกทอดสู่พระองค์ ตำแหน่งนั้นจะรวมเข้ากับราชบัลลังก์และเพียงแต่รอการพระราชทานใหม่อีกครั้ง
ฐานันดรศักดิ์ขุนนางสูงสุดอันเป็นของเจ้าชายอาจสามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งในพระอิสริยยศของพระโอรสและธิดาในเจ้าชายพระองค์นั้น ดังนั้นพระโอรสใน เจ้าชายแห่งเวลส์เป็น เจ้าชายวิลเลียมแห่งเวลส์และเจ้าชายแฮร์รีแห่งเวลส์ พระธิดาในดยุกแห่งยอร์คเป็น เจ้าหญิงเบียทริซแห่งยอร์คและเจ้าหญิงยูจีนีแห่งยอร์ค พระธิดาในเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์เป็น เจ้าหญิงหลุยส์แห่งเวสเซ็กส์ (ในกรณีอันสุดท้ายนี้ โดยทั่วไปแล้วเจ้าหญิงทรงได้รับการเรียกขานเพียงแค่เลดี้ หลุยส์ วินด์เซอร์ ตามความประสงค์ของพระชนกและชนนี แต่โดยทางการแล้วยังคงทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าหญิงอยู่)
พระประมุขส่วนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 บางครั้งพระราชทานฐานันดรศักดิ์ขุนนางให้แก่พระโอรสนอกกฎหมาย โดยคนแรกคือ เจมส์ สก็อตต์ ซึ่งเป็นดยุกแห่งมอนเมาธ์ในปี พ.ศ. 2209 ตามมาด้วยการแต่งตั้งอีกหลายครั้งในทศวรรษ 2413 โดยส่วนมาเป็นตำแหน่งเอิร์ล เช่น ชาร์ลส์ ฟิตซ์ชาร์ลส์ เป็นเอิร์ลแห่งพลีมัธ ชาร์ลส์ ฟิตซ์รอย เป็นดยุกแห่งเซาแธมป์ตัน เฮนรี ฟิตซ์รอย เป็นเอิร์ลแห่งอูสตัน จอร์จ ฟิตซ์รอย เป็นเอิร์ลแห่งนอร์ธัมเบอร์แลนด์ ชาร์ลส์ โบเคลิร์ก เป็นเอิร์ลแห่งเบอร์ฟอร์ด และ ชาร์ลส์ เลนน็อกซ์ เป็นดยุกแห่งริชมอนด์และเลนน็อกซ์ เอิร์ลจำนวนมากมายซึ่งเป็นพระโอรสนอกกฎหมายของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ต่อมาได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นดยุก ในบรรดาดยุกสมัยปัจจุบัน ก็มีเชื้อสายจำนวนสี่สายผ่านทางบุตรชายของพระโอรสนอกกฎหมายในสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ได้แก่ ดยุกแห่งริชมอนด์ เลนน็อกซ์ และกอร์ดอน ดยุกแห่งบักเคลิชและควีนส์เบอร์รี่ ดยุกแห่งแกรฟตัน และดยุกแห่งเซนต์อัลบันส์