รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ (ญี่ปุ่น: ???? Tokugawa bakufu ?) หรือ รัฐบาลเอะโดะ (ญี่ปุ่น: ???? Edo bakufu ?) เป็นระบบการปกครองแบบศักดินา สถาปนาโดยโทะกุงะวะ อิเอะยะสุ (???? Tokugawa Ieyasu) มีผู้ปกครองสูงสุดเป็นโชกุน (?? sh?gun) ซึ่งต้องมาจากตระกูลโทะกุงะวะ (??? Tokugawa-shi) เท่านั้น ในสมัยที่ประเทศญี่ปุ่นถูกปกครองโดยรัฐบาลโชกุนนั้น จะเรียกว่ายุคเอะโดะ (???? edo-jidai) ตามชื่อเมืองเอะโดะ ซึ่งรัฐบาลโชกุนสถาปนาให้เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ ปัจจุบัน คือกรุงโตเกียว (?? T?ky?) มีปราสาทเอะโดะ (??? Edo-j?) เป็นศูนย์กลางการปกครองตั้งแต่ ค.ศ. 1603 - 1868 จนกระทั่งถูกสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ (???? Meiji-tenn?) ล้มล้างไปในการปฏิรูปสมัยเมจิ (???? Meiji Ishin)
หลังจากยุคเซงโงะกุ (???? Sengoku-jidai) หรือยุคไฟสงคราม โอดะ โนะบุนะงะ (?? ?? Oda Nobunaga) และโทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ (?? ?? Toyotomi Hideyoshi) ได้ร่วมกันรวมอำนาจสู่ศูนย์กลาง และตั้งเป็นรัฐบาลกลางขึ้นอีกครั้งในยุคอะซึจิ โมะโมะยะมะ (?????????? Azuchi momoyama jidai) ซึ่งเป็นยุคสั้นๆ ก่อนยุคเอะโดะ ต่อมา หลังจากยุทธการเซะกิงะฮะระ (?????? Sekigahara no Tatakai) ซึ่งเป็นการรบครั้งใหญ่ในค.ศ. 1600 การปกครองและอำนาจทั้งหมด ได้ตกอยู่ในมือของโทะกุงะวะ อิเอะยะสุโดยเบ็ดเสร็จ และสถาปนาตนเองเป็นโชกุนในปี ค.ศ. 1603 ซึ่งเป็นไปตามประเพณีโบราณ ที่ผู้เป็นโชกุนจะต้องสืบเชื้อสายจากต้นตระกูลมินะโมะโตะ (? Minamoto)
ในยุคของโทะกุงะวะ ต่างจากยุคโชกุนก่อนๆ คือมีการนำระบบชนชั้นที่เริ่มใช้โดยโทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ มาใช้อีกครั้งอย่างเข้มงวด โดยชนชั้นนักรบ หรือซามูไร (? Samurai) อยู่บนสุด ตามด้วยชาวนา ช่างฝีมือ และพ่อค้า การใช้ระบบชนชั้นอย่างเข้มงวดและไม่ยืดหยุ่นได้ทำให้เกิดจลาจลมาตลอดสมัย ภาษีที่เรียกเก็บจากชนชั้นชาวนานั้น อยู่ในอัตราคงที่โดยไม่คำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อหรือการเปลี่ยนแปลงอื่นๆของค่าเงิน ส่งผลให้รายได้ภาษีที่เรียกเก็บจากชนชั้นซามูไร ผู้เป็นเจ้าของที่ดินมีมูลค่าลดลงเรื่อยๆตลอดยุค ซึ่งสาเหตุนี้ ก่อให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างซามูไรผู้ทรงเกียรติแต่ฐานะทางการเงินต่ำลงเรื่อยๆจากการจ่ายภาษี กับชาวนาผู้มีอันจะกิน เกิดเป็นการปะทะกันหลายต่อหลายครั้งที่เริ่มจากเหตุการณ์เล็กๆรุกลามเป็นเหตุการณ์วุ่นวาย อย่างไรก็ตาม ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงระบบสังคมยุคเอะโดะได้ ตราบจนการเข้ามาของชาวตะวันตก
เมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 กลุ่มไดเมียวผู้มีอำนาจ เช่น ตระกูลชิมะสึ (??? Shimazu-shi) ได้ร่วมมือกับสมเด็จพระจักรพรรดิและพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งในสมัยเอะโดะเคยทรงเพียงศักดิ์แต่ไร้อำนาจ เพื่อโค่นล้มระบอบโชกุนในโดยสงครามโบะชิน (???? Boshin Sens?) ส่งผลให้เกิดการปฏิรูปเมจิโดยสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะถูกล้มล้างโดยสมบูรณ์ในค.ศ. 1868 โดยมีโทะกุงะวะ โยะชิโนะบุ (?? ?? Tokugawa Yoshinobu) เป็นโชกุนคนที่ 15 และเป็นโชกุนคนสุดท้ายของญี่ปุ่น จากนั้น ญี่ปุ่นก็เข้าสู่ยุคเมจิ (???? Meiji-jidai)อันมีการฟื้นฟูราชวงศ์มายังเมืองเอะโดะ และเปลี่ยนชื่อเป็นกรุงโตเกียวดังเช่นปัจจุบัน
การปกครองของรัฐบาลโชกุนเอะโดะนั้นเรียกว่า บะกุฮัง เทเซ (ญี่ปุ่น: ???? Bakuhan teisei ?) คือระบอบที่ประกอบไปด้วย บะกุฟุ (ญี่ปุ่น: ?? Bakufu ?) อันเป็นการปกครองส่วนกลาง และฮัง (ญี่ปุ่น: ? han ?) ซึ่งเป็นการปกครองส่วนภูมิภาค มีลักษณะการปกครองตามแบบระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ (Feudalism) คือการที่รัฐบาลส่วนกลางแบ่งสรรปันส่วนที่ดินให้แก่ขุนนางไปปกครอง โดยที่ขุนนางเหล่านั้นมีอำนาจเหนือประชาชนและทรัพยากรในแคว้นของตนเอง โดยที่จะต้องให้กองกำลังทหารแก่รัฐบาลกลางเมื่อร้องขอเป็นการตอบแทน
บะกุฟุ แปลว่า "ทำเนียบรัฐบาล" หมายถึงระบอบการปกครองที่นำโดยโชกุน โชกุน หรือชื่อตำแหน่งทางการว่า เซอิไทโชกุน (ญี่ปุ่น: ????? Seii Taish?gun ?) เป็นตำแหน่งที่แต่งตั้งโดยองค์พระจักรพรรดิที่เมืองเกียวโต มอบให้แก่ตระกูลผู้นำซะมุไรที่สืบเชื้อสายมาจากตระกูลมินะโมะโตะโบราณ ซึ่งในสมัยเอะโดะนั้นก็คือตระกูลโทะกุงะวะ ตำแหน่งโชกุนนั้นเป็นตำแหน่งที่สืบทอดภายในตระกูลโทะกุงะวะ ในทางทฤษฏีโชกุนมีหน้าที่รับใช้ราชสำนักเกียวโตในฐานะประมุขของชนชั้นซะมุไรทั้งมวลในญี่ปุ่น แต่ในทางปฏิบัตินั้นโชกุนคือผู้ปกครองมีอำนาจเหนือประเทศญี่ปุ่นที่แท้จริง
โชกุนโทะกุงะวะ อิเอะสึนะมีนโยบายลดทอนอำนาจของขุนนางอาวุโสในบะกุฟุ โดยดึงเอากลุ่มขุนนางอายุน้อยที่เป็นคนสนิทของตนเรียกว่า โซะบะโยะนิง (ญี่ปุ่น: ??? Sobay?nin ?) เข้ามามีอำนาจในบะกุฟุ เป็นผู้กำหนดนโยบายหลักของประเทศแทนที่โรจู นับแต่นั้นมารัฐบาลโชกุนเอะโดะจึงตกอยู่ภายใต้อำนาจของคนสนิทของโชกุน
ฮัง คือ แคว้นหรือหน่วยของที่ดินที่บะกุฟุมอบหมายให้ขุนนางซะมุไรที่เรียกว่า ไดเมียว ไปปกครอง โดยที่ไดเมียวเหล่านั้นไม่ได้รับเบี้ยหวัดจากรัฐบาลส่วนกลางแต่มีสิทธิ์อย่างเต็มที่ในทรัพยากรและผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ภายในฮังของตน ในสมัยเอะโดะฮังและไดเมียวมีสามประเภทได้แก่
ในค.ศ. 1635 โชกุนโทะกุงะวะ อิเอะมิสึ ต้องการที่จะลดอำนาจของไดเมียวโทะซะมะ จึงออกนโยบายซังคิง โคไต (ญี่ปุ่น: ???? Sankin k?tai ?) ให้ไดเมียวทุกแคว้นสร้างคฤหาสน์ภายในเมืองเอะโดะ แล้วพำนักอยู่ในเมืองเอะโดะเป็นเวลาหนึ่งปี สลับกับกลับไปพำนักที่แคว้นของตนอีกหนึ่งปี หมุนเวียนไปเรื่อย โดยที่ภรรยาเอกและทายาทของไดเมียวจะต้องอยู่ในเมืองเอะโดะตลอด การเดินทางไปยังเมืองเอะโดะและกลับไปยังแคว้นของตนนั้นเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายอย่างมาก สำหรับไดเมียวโทะซะมะซึ่งมักจะอยู่ห่างไกลจากเอะโดะ เป็นการตัดกำลังและลดอำนาจ