15,000 นาย กรีซ:
11,451 นาย ออสเตรเลีย:
7,100 นาย นิวซีแลนด์:
6,700 นายรวมทั้งสิ้น:
ราว 40,000 นาย (ในจำนวนนี้ยังไม่พร้อมรบ10,000 นาย)
พลร่ม 14,000 นาย[ต้องการอ้างอิง]
ทหารภูเขา 15,000 นาย[ต้องการอ้างอิง]
เครื่องบินทิ้งระเบิด 280 ลำ
เครื่องบินดำทิ้งระเบิด 150 ลำ
เครื่องบินขับไล่ 180 ลำ
เครื่องบินลำเลียงพล 500 ลำ
เครื่องร่อน 80 เครื่อง อิตาลี:
2,700 นาย
สหราชอาณาจักร:
เสียชีวิต 791 นาย
บาดเจ็บ 268 นาย
ตกเป็นเชลย 6,576 นาย ออสเตรเลีย:
เสียชีวิต 274 นาย
บาดเจ็บ 507 นาย
ตกเป็นเชลย 3,079 นาย นิวซีแลนด์:
เสียชีวิต 671 นาย
บาดเจ็บ 967 นาย
ตกเป็นเชลย 2,180 นาย กรีซ:
เสียชีวิต 426 นาย
ไม่ทราบจำนวนผู้บาดเจ็บ
ตกเป็นเชลย 5,255 นาย ราชนาวีบริเตน:
เสียชีวิต 1,828 นาย
บาดเจ็บ 183 นาย
เรือรบจม 9 ลำ
ได้รับความเสียหาย 18 ลำรวมทั้งสิ้น:
เสียชีวิต 3,990 นาย
ได้รับบาดเจ็บ 1,925 นาย
ถูกจับเป็นเชลย 17,090 นาย
เสียชีวิต 2,124 นาย
สูญหาย 1,917 นาย
ยอดรวมทั้งเสียชีวิตสูญหาย 4,041 นาย
บาดเจ็บ 2,640 นาย
ตกเป็นเป็นเชลยและหนีไปอียิปต์ 17 นายรวมทั้งสิ้น: เสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหาย 6,698 นาย
เครื่องบินรบถูกทำลายหรือได้รับความเสียหาย 370 ลำ
ยุทธการเกาะครีต (เยอรมัน: Luftlandeschlacht um Kreta; กรีก: ???? ??? ??????) เป็นชื่อของการรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งดำเนินไปบนเกาะครีต ประเทศกรีซ โดยเริ่มต้นในเช้าวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1941 เมื่อกองทัพนาซีเยอรมนีส่งกองกำลังพลร่ม (เยอรมัน: Fallschirmj?ger, อังกฤษ: parachute rangers) เข้ารุกรานเกาะครีตภายใต้ชื่อรหัส "ปฏิบัติการเมอร์คิวรี" (เยอรมัน: Unternehmen Merkur, อังกฤษ: Operation Mercury) ฝ่ายตั้งรับที่อยู่บนเกาะครีตประกอบด้วยกองทัพกรีซ กองกำลังของฝ่ายสัมพันธมิตร และพลเรือนชาวเกาะครีต
หลังการสู้รบดำเนินไปได้หนึ่งวัน ฝ่ายเยอรมนีต้องพบกับความสูญเสียอย่างหนักและยังไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ใดๆ ในการรบครั้งนี้ ในวันถัดมา ด้วยปัญหาการสูญเสียการติดต่อและความล้มเหลวในการควบคุมสถานการณ์ของฝ่ายสัมพันธมิตร สนามบินในเมืองมาเล็ม (Maleme) จึงเสียให้แก่ฝ่ายเยอรมนี ทำให้เยอรมนีได้รับกำลังเสริมและครองความเหนือกว่าฝ่ายที่ตั้งรับได้ การสู้รบได้ดำเนินต่อไปอีกเกือบ 10 วันจึงยุติลง
ยุทธการเกาะครีตได้สร้างประวัติการณ์ขึ้นใหม่ 3 ประการ คือ เป็นการรบครั้งแรกที่ใช้พลร่มเป็นกำลังรบหลัก เป็นการปฏิบัติการครั้งสำคัญครั้งแรกของฝ่ายสัมพันธมิตรในการใช้สายลับถอดรหัสลับเครื่องอีนิกมาของนาซีเยอรมนี และเป็นครั้งแรกที่การรุกของฝ่ายเยอรมนีที่ได้ประสบกับการต่อต้านอย่างหนักจากประชาชนพลเรือน ด้วยความเสียหายอย่างหนักที่กองกำลังพลร่มได้รับ ทำให้ฮิตเลอร์ได้สั่งยุติการปฏิบัติการขนาดใหญ่สำหรับกองกำลังพลร่ม อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสัมพันธมิตรรู้สึกประทับใจในศักยภาพของกองกำลังพลร่ม จึงได้ริเริ่มการจัดตั้งกองพลพลร่มของตัวเองขึ้นเช่นกัน