ยุทธการเกตตีสเบิร์ก (อังกฤษ: Battle of Gettysburg; 1 – 3 กรกฎาคม ค.ศ. 1863) เป็นส่วนหนึ่งของสงครามกลางเมืองอเมริกา โดยเป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายสหรัฐอเมริกา นำโดยนายพลจอร์จ กอร์ดอน มีด กับฝ่ายสมาพันธรัฐอเมริกา นำโดยนายพลโรเบิร์ต เอ็ดเวิร์ด ลี โดยสมรภูมิแห่งนี้ได้เกิดขึ้นในเมืองเกตตีสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย การปะทะกันกินเวลาทั้งสิ้น 3 วัน ยุทธการดังกล่าวนับว่าเป็นสมรภูมิที่นองเลือดมากแห่งหนึ่งในสงครามกลางเมืองอเมริกา โดยมียอดผู้เสียชีวิตเกือบ 10,000 คน และบาดเจ็บอีกเกือบ 30,000 คน สงครามครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนในสงครามกลางเมืองอเมริกัน เนื่องจาก กองทัพแห่งโปโตแมค ภายใต้การนำของ พลตรี จอร์จ กอร์ดอน มีด สามารถเอาชนะ กองทัพแห่งเวอร์จิเนียเหนือ ภายใต้การนำของ พลเอก โรเบิร์ต เอ็ดเวิร์ด ลี ซึ่งยุทธการนี้ เป็นการหยุดความพยายามของ โรเบิร์ต เอ็ดเวิร์ด ลี ในการโจมตีฝ่ายเหนือ
หลังจากที่นายพล โรเบิร์ต อี. ลี ประสบชัยชนะที่ ยุทธการชาร์ลอตส์วิลล์, เวอร์จิเนีย ในช่วง เดือน พฤษภาคม ค.ศ. 1863 นายพลลี ได้นำทัพผ่าน ช่องเขาเชอนานโดห์ เพื่อเริ่มการโจมตีฝ่ายเหนือเป็นครั้งที่สอง และเมื่อกองทัพของเขามีกำลังใจในการรบสูง ลีตั้งใจที่จะขยับการปะทะขึ้นไปทางเหนือของ เวอร์จิเนีย และหวังว่า นักการเมืองของฝ่ายเหนือ จะยอมเซ็นสนธิสัญญายอมแพ้ เมื่อเขาเข้าโจมตีเมือง แฮริสเบิร์ก , รัฐเพนซิลเวเนีย หรือแม้แต่เมืองที่ใหญ่ที่สุดของ รัฐเพนซิลเวเนีย, เมือง ฟิลาเดลเฟีย เพื่อเป็นการตอบโต้นายพลลี พลตรี โจเซฟ ฮุกเกอร์ จึงได้รับกการทาบทามจาก ประธานาธิบบดี อับราฮัม ลินคอล์น ให้ไล่ล่าลี แต่ฮุกเกอร์ ได้ถูกปลดจากตำแหน่งก่อนยุทธการเกติสเบิร์กราว 3 วัน และ ถูกทดแทนโดย พลตรี จอร์จ กอร์ดอน มีด
บางส่วนของทั้งสองกองทัพ ปะทะกันในวันที่ 1 กรกฎาคม บริเวณแนวสันเขาด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง ซึ่ง พลจัตวา จอหน์ บูฟอรด์ ผู้นำกองทหารม้าของฝ่ายเหนือ ได้ตั้งแนวป้องกันไว้ ค.ศ. 1863 นายพลลีจึงสั่งให้ทหารราบ สองกองพัน นำโดย พลจัตวา เจมส์ เจ. อาร์ชเชอร์ และ พลจัตวา โจเซฟ อาร์. เดวิสเข้าโจมตีจุดนั้นโดยทันที เพื่อเข้ายึดแนวสันเขา ก่อนที่กำลังเสริมของฝ่ายเหนือ ซึ่งเป็นทหารราบ สองกองพล จะมาถึง หลังจากนั้นไม่นาน ทหารราบฝ่ายใต้อีกสองกองพัน นำโดย พลตรี แฮรรี่ เฮทฮ์ ได้เข้าโจมตีทหารม้าฝ่ายเหนือ ซึ่งได้ลงจากหลังม้าแล้ว ทำให้ทหารฝ่ายเหนือล่าถอยเข้าไปในเมือง
ในวันที่สองของยุทธการเกตติสเบิร์ก ส่วนใหญ่ของทั้งสองกองทัพ ได้รวมกลุ่มใหม่แล้ว ฝ่ายเหนือได้ตั้งแนวป้องกัน เป็นรูปเบ็ดตกปลา ในช่วงบ่ายของวันที่ 2 กรกฎาคม นายพลลี ได้ส่งทหารจำนวนมากเข้าโจมตีปีกซ้ายของทหารฝ่ายเหนือ ที่ เขาลิตเตลราวน์ทอป, ทุ่งวิตฟิลล์, เดวิลส เดน และ ไร่พิชออร์ชารด์ และที่ปีกขวาของทหารฝ่ายเหนือ ที่ เขาคัลปส์ฮิลล์ และที่ เขาเซมิแทรีฮิลล์ ถึงแม้จะถูกโจมตีอย่างหนัก ฝ่ายเหนือสามารถคงแนวป้องกันไว้ได้
ในวันที่สามของยุทธการเกตติสเบิร์ก การปะทะยังดำเนินต่อไปที่เขาคัลปส์ฮิลล์ และการปะทะกับทหารม้าของฝ่ายเหนือ ท้งทางปีกซ้างและขวา แต่การปะทะครั้งใหญ่ที่สุดคือที่ เขาเซมิแทรีฮิลล์ รู้ในนามของ พิกก์เกตส์ ชารจ์ นำโดย จอรจ์ เอ็ดเวิรด์ พิกก์เกต์ ฝ่ายใต้ถูกต้านโดยระดมยิงปืนใหญ่ของฝ่ายเหนือ และปืนไรเฟิล ซึ่งมีระยะหวังผลมากกว่าปืนมัสเกตหลายเท่า ในที่สุด ฝ่ายใต้ได้ถอยทัพออกจากเมือง ด้วยความสูญเสียมหาสาร
นายพลลี ได้นำทหารราว 50,000 นาย ถอยทัพกลับสู่ เวอร์จิเนีย ผ่านสภาพอากาศที่เลวร้าย ในการปะทะสามวัน มีความสูญเสียทั้งสองฝ่าย รวมแล้ว ราว 46,000 นาย ถึง 51,000 นาย
ในวันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1863 ประธานาธิบบดี อับราฮัม ลินคอล์น ได้กล่าวสุนทรพจน์ ยกย่องทหารที่เสียชีวิตในยุทธการนี้ ในสุทรพจน์อันโด่งดังของเขา สุนทรพจน์เกตติสเบิรก์แอดเดรส
ในช่วงสงครามกลางเมืองก่อนจะเกิดการปะทะกันที่เกตตีสเบิร์กนั้น ฝ่ายสมาพันธรัฐอเมริกา หรืออเมริกาฝ่ายใต้ มักเป็นฝ่ายชนะในสงคราม อันเนื่องมาจากมีผู้บัญชาการฝีมือดีอย่างนายพลโรเบิร์ต อี. ลี แห่งกองทัพแห่งเวอร์จิเนียเหนือ ซึ่งถึงแม้ฝ่ายอเมริกาใต้จะเสียเปรียบอเมริกาเหนือในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านกำลังพลที่ฝ่ายเหนือมีมากกว่าฝ่ายใต้อย่างนับไม่ถ้วน แต่นายพลลีก็สามารถกำชัยเหนือฝ่ายเหนือมาได้หลายครั้ง ซึ่งในยุทธการเกตตีสเบิร์กครั้งนี้ก็เป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของฝ่ายใต้ ที่สร้างความเสียหายให้ชาวอเมริกันทั้ง 2 ฝ่ายอย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว
ในช่วงกลางปี ค.ศ. 1863 นายพลลีได้ส่งกองกำลังกว่า 70,000 คน รุกเข้าไปในรัฐเพนซิลเวเนีย โดยมีเป้าหมายที่จะยึดเมืองแฮร์ริสเบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองสำคัญด้านการขนส่งของฝ่ายเหนือ โดยเฉพาะทางรถไฟ โดยนายพลลีสามารถรุกเข้ามาได้ถึงเมืองเกตตีสเบิร์กได้ แต่ก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังฝ่ายเหนือกว่า 90,000 คน ซึ่งบัญชาการโดยนายพลจอร์จ กอร์ดอน มีด แห่งกองทัพโปโตแมค
กองทัพฝ่ายใต้ได้โจมตีกองกำลังฝ่ายเหนือของนายพลจอห์น บัลฟอร์ท ที่มีกำลังพลประมาณ 3,000 นาย ซึ่งกองกำลังฝ่ายเหนือได้ถอยร่นลงไปตั้งรับที่เนินเขาคีมีทีรีฮิลล์ ทางตอนใต้ของเมืองเพื่อตั้งหลัก และรอกำลังเสริมจากกองทัพฝ่ายเหนือของนายพลจอร์จ จี. มีด ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ซึ่งในวันแรกฝ่ายใต้มีชัยในสงคราม
กองทัพฝ่ายใต้ได้โจมตีแนวตั้งรับของฝ่ายเหนือด้านซ้ายและขวา แต่ด้วยชัยภูมิที่ได้เปรียบกว่าของฝ่ายเหนือ กล่าวคือเป็นเนินสูง ทำให้กองทัพฝ่ายใต้ถูกตีถอยกลับไปได้ทุกครั้ง ในขณะเดียวกันกองทัพฝ่ายเหนือของนายพลมีดก็ทยอยเข้าเสริมกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ แต่นายพลโรเบิร์ต อี. ลี ยังคงมั่นใจว่าจะต้องได้รับชัยชนะ ซึ่งในวันที่สองฝ่ายเหนือเริ่มมีโอกาสสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายใต้ได้มากขึ้น ฝ่ายใต้เริ่มบอบช้ำจากการโจมตีในชัยภูมิที่เสียเปรียบ
หลังจากการโจมตีโอบปีกทั้งซ้าย ขวาของฝ่ายใต้ประสบความพ่ายแพ้ ที่สำคัญกองกำลังที่ตีตลบหลังก็ถูกสกัดโดยนายพลจอร์จ อาร์มสตรอง คัสเตอร์ แห่งกรมทหารม้าที่ 7 ทำให้กองทัพฝ่ายใต้เริ่มวิตกกังวลอย่างหนัก แต่นายพลลียังคงมั่นใจว่าจะกำชัยเหนือฝ่ายเหนือได้ แต่ก็ถูกทัดทานจากนายพลเจมส์ ลองสตรีท ซึ่งนายพลลียังต้องการเข้าตีกองกำลังฝ่ายเหนือให้ถอยร่นกลับไปโดยไม่สนคำทัดทานใดๆ ซึ่งการที่ฝ่ายใต้ไม่สามารถตีแนวตั้งรับด้านข้างของฝ่ายเหนือได้ นายพลลีคิดว่าน่าจะเป็นเพราะฝ่ายเหนือป้องกันแนวตั้งรับด้านข้างมากกว่าด้านอื่นๆ จึงได้ตัดสินใจที่จะบุกแนวหน้าที่น่าจะมีการป้องกันเข้มข้นน้อยกว่าด้านอื่นๆ
ในวันที่สามของการรบ นายพลลีได้มอบหมายให้นายพลจอร์จ พิคเกตต์ นำกองกำลังกว่า 10,000 นายเข้าโจมตีแนวตั้งรับแนวหน้าของฝ่ายเหนือ ได้มีการระดมยิงปืนใหญ่ถล่มแนวหน้าของฝ่ายเหนืออยู่หลายชั่วโมง ก่อนจะเคลื่อนพลเข้าโจมตี แต่ทว่านายพลลีคาดการณ์แสนยานุภาพฝ่ายเหนือต่ำไป เพราะเข้าระยะยิงของปืนยาว ทหารฝ่ายเหนือก็ได้ระดมยิงกราดเข้าใส่ทหารฝ่ายใต้ ประกอบด้วยชัยภูมิที่ฝ่ายเหนือได้เปรียบ ทำให้ฝ่ายใต้ต้องประสบกับพ่ายแพ้ยับเยินกลับไปอีกครั้ง ซึ่งในการรบครั้งนี้เป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดในยุทธการเกตตีสเบิร์ก ทหารฝ่ายใต้และฝ่ายเหนือเสียชีวิตหลายพันนาย ยุทธการเกตตีสเบิร์กได้จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายเหนือ นายพลลีจึงต้องยกทัพกลับไปยังสมาพันธรัฐอเมริกา ก่อนที่สงครามกลางเมืองจะจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายเหนืออีกเช่นกันในอีกหลายปีต่อมา