ข้อมูลในหน้านี้อาจมีการดัดแปลงหลายครั้งตามนโยบายวิกิพีเดีย สำหรับข้อมูลต้นฉบับสามารถดูได้ที่ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา
1. การทับศัพท์ภาษาอาหรับตามหลักเกณฑ์นี้ยึดการออกเสียงภาษาอาหรับแบบที่ใช้ในการสื่อสารทั่วไป ไม่ได้ออกเสียงตามการอ่านพระคัมภีร์อัลกุรอาน หลักเกณฑ์นี้มีตารางเทียบอักษรอาหรับ เสียงของพยัญชนะอาหรับ (ในรูปสัทอักษร) อักษรไทยที่ใช้ในการทับศัพท์ อักษรโรมัน และมีตัวอย่างประกอบพร้อมความหมาย
2. ตัวอย่างของคำที่นำมาใช้ในหลักเกณฑ์นี้เป็นคำเดี่ยว คือคำที่ยังไม่ผันไวยากรณ์ และใช้วิธีการอ่านแบบหยุดคือไม่ออกเสียงท้าย ได้แก่ เสียงอุ ??? และเสียงอุน ??? เช่น อัลมัสญิดุ อ่านเป็น อัลมัสญิด, อะบุน อ่านเป็น อับ
3. การออกเสียงที่แสดงไว้ในตาราง ได้ให้สัทอักษรในระบบสัทอักษรสากล (International Phonetic Alphabet หรือ IPA) ซึ่งแสดงประเภทของเสียง ลักษณะการออกเสียง และฐานที่เกิดของเสียง เช่น
5. พยัญชนะในภาษาอาหรับหลายตัวไม่มีเสียงในภาษาไทย จำเป็นจะต้องเลือกอักษรไทยที่มีรูปต่างกันมาเทียบเพื่อแสดงให้เห็นว่าพยัญชนะในภาษาอาหรับเหล่านั้นมีเสียงต่างกัน[# 1] ดังนี้
9. การเขียนคำทับศัพท์ที่มี ???? (al) อยู่ข้างหน้า แม้ในอักษรโรมันจะเขียนโดยมีเครื่องหมายยัติภังค์คั่น เมื่อเขียนทับศัพท์ให้เขียนติดกัน เช่น
12. คำทับศัพท์ที่เป็นชื่อเฉพาะ ได้แก่ วัน เดือน ปี วันสำคัญทางศาสนาอิสลาม เวลาปฏิบัติละหมาด ชื่อคน ชื่อสถานที่ และคำอาหรับในปฏิทินหลวงได้จัดทำไว้เป็นภาคผนวก
1. การทับศัพท์ภาษาอาหรับตามหลักเกณฑ์นี้เป็นการถ่ายเสียงจากภาษาอาหรับที่เขียนด้วยอักษรโรมัน โดยเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาอาหรับที่เขียนด้วยอักษรอาหรับ
2. เนื่องจากในปัจจุบันการถ่ายเสียงคำและชื่อเฉพาะจากภาษาอาหรับด้วยอักษรโรมันมีวิธีเขียนที่หลากหลาย แม้ว่าองค์การมาตรฐานสากล (International Organization for Standardization หรือ ISO) จะได้จัดทำมาตรฐานการถ่ายเสียงภาษาอาหรับเป็นอักษรโรมันไว้แล้ว แต่ก็ยังมิได้ใช้กันทั่วไป ในตารางการถ่ายเสียงสระและพยัญชนะภาษาอาหรับตามหลักเกณฑ์นี้จึงได้รวบรวมอักษรโรมันที่เทียบเสียงสระและพยัญชนะภาษาอาหรับแบบต่าง ๆ มาแสดงไว้เท่าที่จะทำได้ รวมทั้งแบบของ ISO ด้วย โดยใส่ไว้ท้ายสุด เช่น
3. ในตารางเทียบเสียงสระและพยัญชนะอาหรับ ได้ให้สัทอักษรสากล (IPA) ไว้ด้วย เพื่อแสดงประเภทของเสียง ลักษณะการออกเสียง และฐานที่เกิดของเสียงของสระหรือพยัญชนะนั้น ๆ เช่น
4. เสียงพยัญชนะในภาษาอาหรับหลายเสียงไม่มีในภาษาไทย ในการทับศัพท์จึงได้เลือกพยัญชนะไทยที่มีเสียงใกล้เคียงและปรกติใช้เขียนคำที่รับจากภาษาบาลีสันสกฤตมาใช้แสดงเสียงเหล่านั้น เช่น
อนึ่ง พยัญชนะไทยที่เป็นอักษรสูง เช่น ศ ษ ซึ่งนำมาใช้แทนเสียงพยัญชนะอาหรับ เป็นการนำมาใช้เพื่อแสดงว่าพยัญชนะนั้นแทนเสียงที่แตกต่างกับพยัญชนะอื่นเท่านั้น ไม่ได้แสดงว่าพยัญชนะดังกล่าวออกเสียงสูงอย่างในภาษาไทย
5. เสียงสระในภาษาอาหรับแยกเป็นเสียงสระสั้นและเสียงสระยาว ซึ่งทำให้คำมีความหมายต่างกัน ในการกำหนดหลักเกณฑ์การทับศัพท์จึงได้ใช้สระเสียงสั้นและสระเสียงยาวในภาษาไทยมาใช้แยกเสียง ดังกล่าว เช่น
อย่างไรก็ดี ในทางปฏิบัติ คำและชื่อภาษาอาหรับที่เขียนด้วยอักษรโรมันตามที่ปรากฏในเอกสารต่าง ๆ มักไม่แสดงเครื่องหมายที่บ่งบอกว่าเป็นเสียงยาว ฉะนั้นในการทับศัพท์ ผู้ใช้อาจถอดเสียงสระเป็นเสียงสั้นหรือยาวตามความเหมาะสมในการออกเสียง
ยกเว้นพระนาม Allah ออกเสียงเป็น อัลเลาะฮ์ หรือ อัลลอฮ์ ทั้งนี้รวมทั้งคำนามที่เชื่อมกับพระนามนี้ด้วย เช่น Abdullah ออกเสียงเป็น อับดุลเลาะฮ์ หรือ อับดุลลอฮ์
7. เครื่องหมายทัณฑฆาตในภาษาไทยใช้ฆ่าอักษรที่ไม่ต้องการออกเสียง เช่น "ศัพท์" ในภาษาอาหรับจะออกเสียงพยัญชนะท้ายทุกเสียง เมื่อเป็นคำทับศัพท์ใส่เครื่องหมายทัณฑฆาตกำกับไว้เพื่อแสดงว่าเป็นเสียงพยัญชนะท้ายของพยางค์ ไม่ได้ฆ่าเสียงทั้งหมด มีหลักเกณฑ์ดังนี้
8. คำที่มีคำ al อยู่ข้างหน้า แม้เมื่อเขียนด้วยอักษรโรมันจะมีเครื่องหมายยัติภังค์คั่น เมื่อเขียนทับศัพท์เป็นภาษาไทยให้เขียนติดกัน เช่น
9. คำทับศัพท์ที่มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา เช่น คำในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, ชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง ใช้ตามนั้นได้ เช่น มะหะหมัด ฮิจเราะห์ ริยาด ราบัต กาตาร์
10. คำภาษาอาหรับที่รับมาใช้ในภาษาไทยเป็นเวลานานแล้ว และได้มีการเขียนคำไทยจนเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป อาจใช้ตามรูปคำที่เขียนกัน เช่น มัสยิด เมกกะ อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น
เกาหลี ? จีน ? ญี่ปุ่น ? ดัตช์ ? ฝรั่งเศส ? พม่า ? ฟิลิปปินส์ ? มลายู ? เยอรมัน ? รัสเซีย ? เวียดนาม ? สเปน ? อังกฤษ ? อาหรับ ? อิตาลี ? ฮินดี
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/มาตรฐานการถอดรูปอักษรอาหรับเป็นอักษรไทยแบบสยามิค