มลาอิกะฮ์ (อาหรับ: ??????)? เป็นคำพหูพจน์ของ มะลัก (อาหรับ: ????) มีความหมายเดียวกับทูตสวรรค์ในศาสนายูดาห์และศาสนาคริสต์ มีหน้าที่ถวายงานรับใช้แก่อัลลอฮ์
คำว่า "มลาอิกะฮ์" มีรากศัพท์มาจากภาษาอาหรับว่า "มะละกะ" หมายถึง การปกครอง การมีอำนาจ โดยถูกสร้างมาจากรัศมี (นูร) มีจำนวนมากมาย ไม่มีใครรู้จำนวนได้นอกจากอัลลอฮฺ มลาอิกะฮฺไม่มีเพศ ไม่บริโภค และไม่ดื่ม มะลาอิกะฮฺเป็นบ่าวที่ปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮฺ ไม่บิดพริ้ว ไม่ฝ่าฝืนคำสั่ง ไม่มีความคิดที่จะเลือกทำอะไรหรือทำสิ่งใดโดยลำพังได้ เพราะมลาอิกะฮ์มีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮ์เพียงอย่างเดียว มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นมะลาอิกะฮฺในสภาพเดิมได้ เว้นแต่บรรดานบีเท่านั้น เพราะมลาอิกะฮ์เป็นร่างที่ละเอียดอ่อน เหมือนที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นลมได้ ทั้ง ๆ ที่ลมสามารถพัดใบไม้ไหวได้ แต่มนุษย์สามารถมองเห็นมะลาอิกะฮฺได้ในลักษณะจำแลง กล่าวคือ เมื่อมลาอิกะฮ์ได้จำแลงร่างให้เป็นมนุษย์
นอกจากนี้อัลกุรอานระบุอีกว่า มีมลาอิกะฮ์จำนวนหนึ่งที่แบกหามพระบัลลังก์ของอัลลอฮฺ ซึ่งอัลกุรอานไม่ได้ระบุว่าในปัจจุบันมีจำนวนเท่าไหร่ แต่ระบุว่า ในวันอาคิเราะฮฺ มะลาอิกะฮฺผู้แบกบัลลังก์มีจำนวน 8 ตน นอกจากนั้นยังมีมลาอิกะฮ์อีกมากมายที่ห้อมล้อมพระบัลลังก์ คอยสรรเสริญสดุดีพระองค์และวิงวอนขอให้อัลลอฮฺทรงอภัยให้แก่บรรดาศรัทธาชนผู้สำนึกผิด
อัลกุรอานได้เล่าเรื่องของมะลาอิกะฮฺที่ลงมาบอกข่าวดีแก่นบีอิบรอฮีม นบีซะกะรียา และมัรยัมมารดานบีอีซา และมลาอิกะฮ์ที่มาบอกให้ลูฏออกจากเมืองก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น เนื่องจากว่าเมืองโซโดมกำลังจะถูกทำลาย
นอกจากนี้อัลลอฮฺยังได้ทรงส่งมะลาอิกะฮฺลงมาในนครบาบิโลน เพื่อเป็นข้อทดสอบสำหรับมนุษย์ในเรื่องไสยศาสตร์