มณฑลเหลียวหนิง (จีนตัวย่อ: ??? จีนตัวเต็ม: ???) ชื่อย่อ เหลียว(?)ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ทิศตะวันตกติดเหอเป่ย์ เหนือติดจี๋หลิน มองโกเลียใน ทิศตะวันออกเฉียงใต้มีแม่น้ำยาลู่ว์เจียงกั้นเขตแดนกับประเทศเกาหลีเหนือ ทางใต้เป็นทะเลเหลืองและทะเลป๋อไฮ่ มีเมืองหลวงชื่อ เฉิ่นหยาง มีเนื้อที่ 145,900 ก.ม.
มณฑลเหลียวหนิงประกอบด้วยประชากร 44 ชนชาติ ได้แก่ ชนชาติฮั่น มองโกล แมนจู หุย เกาหลี ซีป๋อ จ้วง เหมียว ถู่เจีย อี๋ และต๋าว่อเอ๋อร์ เป็นต้น ชนกลุ่มน้อยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16 ของประชากร โดยในจำนวนนี้ ประชากรชนชาติแมนจู มองโกล หุย เกาหลี และซีป๋อ มีจำนวนค่อนข้างมาก
ปี 2551 มณฑลเหลียวหนิงมีประชากรจำนวน 43.15 ล้านคน โดยเป็นประชากรชาวเมือง 25.92 ล้านคน และเป็นประชากรชาวชนบท 17.23 ล้านคน มีอัตราการเกิดของประชากรร้อยละ 6.32 อัตราการตายของประชากรร้อยละ 5.22 และอัตราขยายตัวของประชากรร้อยละ 1.10
มีประชากร (2004) 42,170,000 คน ความหนาแน่น 289 จีดีพี (2003) 687.3 พันล้าน เหรินหมินปี้ ต่อประชากร 16,300 ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวฮั่น
เขตภูเขาทางทิศตะวันออกเป็นพื้นที่ป่าที่สำคัญของมณฑล บริเวณที่ราบติดทะเลทางตะวันตกของมณฑล ถูกเรียกตามความคุ้นเคยว่า “ระเบียงเหลียวซี” ภูมิอากาศ เหลียวหนิงตั้งอยู่ปีกตะวันออกของภาคพื้นทวีป
มณฑลเหลียวหนิงมีภูมิอากาศแบบลมมรสุมภาคพื้นทวีปแบบอบอุ่นแถบ เหนือ ฤดูร้อนอบอุ่น ฤดูหนาวยาวนาน ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงสั้น พื้นที่ทิศตะวันออกชุ่มชื้น ส่วนทิศตะวันตกแห้งแล้ง อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี 7 – 11 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ย 400 มิลลิเมตรต่อปี
ทรัพยากร พบแหล่งแร่สะสมอยู่ถึง 64 ชนิด เช่น เหล็ก แร่โบร์รัม หินแมกนีไซท์ เพชร หยก หินปูน ปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และยูเรเนียมเป็นต้น มีแหล่งน้ำมันมากเป็นอันดับสามของประเทศ มีน้ำมันใต้ดินคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15 และก๊าซธรรมชาติร้อยละ 10 ของประเทศ
นอกจากนั้น ยังมีทรัพยากรแร่โลหะเหมาะสำหรับการทำอุตสาหกรรมโลหะผสม ได้แก่ แร่เหล็ก แมงกานีส แมกนีเซียมคาร์บอเนต ซีลิกา หินปูน ฟลูออไรด์ และแร่ Dolomite เป็นต้น โดยแร่เหล็กมีปริมาณมากถึงหนึ่งในสี่ของทั้งประเทศ ส่วนแร่แมงกานีส โบรอน เพชร หยก และหินปูน มีมากอยู่ในอันดับต้นของประเทศ
การเกษตรเหลียวหนิงเป็นหนึ่งในมณฑลเกษตรกรรมที่สำคัญมณฑลหนึ่งของจีน เกษตรกรรมที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างการผลิตและส่งเสริมคุณภาพให้ดีขึ้น
ได้ปรากฏหลักฐานฟอลซิลกะโหลกศีรษะมนุษย์ apeman บริเวณต้าฉือเฉียว เทือกเขาจินหนิว เมืองหยิงโข่ว แสดงให้เห็นว่ามีมนุษย์ดึกดำบรรพ์อาศัยอยู่บริเวณนี้เมื่อ 280,000 ปีก่อน และปรากฏหลักฐานเครื่องมือมนุษย์ช่วงกลางยุคหินเมื่อ 150,000 ปีก่อนที่บริเวณเมืองเฉาหยาง นอกจากนี้ ยังปรากฏหลักฐานมนุษย์ยุคหินใหม่ เช่น เครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ เมื่อ 6,000 – 7,000 ปีก่อนหลงเหลืออยู่ในเมืองเสิ่นหยาง
ยุคสามก๊ก เมื่อโจโฉปราบอ้วนเสี้ยวได้แล้ว อ้วนซงและอ้วนฮี ผู้บุตรหนีไปพึ่งกองซุนของขอลี้ภัยการเมือง กองซุนของเกรงว่าโจโฉจะยกทัพเข้าบุกทลายเมืองเลียวตัง มณฑลเหลียวหนิง จึงจับตัวอ้วนซง และอ้วนฮีตัดศีรษะส่งไปให้โจโฉที่ตั้งทัพอยู่ ณ เอ๊กจิ๋ว และขอสวามิภักดิ์ โจโฉจึงตั้งให้กองซุนของเป็นไถ้โส่วที่เลียวตังตามเดิม
ศตวรรษที่ 16 ก่อนคริสตกาล มณฑลเหลียวหนิงซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของนครรัฐยานในสมัยชุนชิว เป็นเมืองที่อยู่ติดกับเมืองของราชวงศ์ซาง หลังจากนั้น มณฑลเหลียวหนิงถูกปกครองโดยหลายราชวงศ์ มณฑลเหลียวหนิงปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนสมัยราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1644 – 1911) โดยมีโบราณสถานที่สำคัญ คือ พระราชวังโบราณ “เสิ่นหยางกู้กง” ในปี 1931-1945 เมืองเสิ่นหยางถูกปกครองโดยประเทศญี่ปุ่น
หลังจากจัดตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949 รัฐบาลประจำภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้แบ่งมณฑลเหลียวหนิงออกเป็นสองมณฑล คือ เหลียวหนิงตะวันออก และเหลียวหนิงตะวันตก ต่อมาในปี 1954 เหลียวหนิงตะวันออก และเหลียวหนิงตะวันตกได้รวมเป็นมณฑลเหลียวหนิงอีกครั้ง โดยมีเมืองเสิ่นหยางเป็นเมืองหลวง