ภาษาไทใหญ่ หรือ ภาษาฉาน (ไทใหญ่: ???????? (วิธีใช้?ข้อมูล) [ลิ่กไต๊], ????????? (วิธีใช้?ข้อมูล) ความไท [กว๊ามไต๊], /kw??m.t?j/; อังกฤษ: Shan language) เป็นภาษาตระกูลไท-กะได ใช้พูดในภาคเหนือของประเทศพม่า ประเทศไทย และทางตอนใต้ของประเทศจีน มีเสียงวรรณยุกต์ 5 เสียง ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนผู้พูดที่แน่นอน เนื่องจากสงครามระหว่างพม่ากับไทใหญ่ ทำให้การเข้าไปศึกษาเกี่ยวกับชาวไทใหญ่ทำได้ยาก คาดว่ามีผู้พูดราว 4-30 ล้านคน มีอักษรเป็นของตนเอง 2 ชนิดคือ อักษรไทใหญ่ ใช้ในพม่า และอักษรไทใต้คง ใช้ในจีน
แม้ว่าจะมีคำกล่าวว่า "อย่ากิ๋นอย่างม่าน อย่าตานอย่างไต" ซึ่งเปรียบเทียบวิถีชีวิตของชาวพม่าที่ให้ความสำคัญกับการกินอยู่ ซึ่งแตกต่างจากชาวไทใหญ่ที่ให้ความสำคัญแก่การทำบุญ ถึงกระนั้นไทใหญ่ก็รับวัฒนธรรม ศาสนา ตลอดจนถึงคำในภาษาพม่าเข้ามามาก จนคำไทใหญ่หลายถิ่นเป็นกวามไตลอแล คือไทใหญ่พูดคำพม่าปนไปหมด เช่นที่เมืองสีป้อและเมืองยางเป็นต้น
ภาษาไทใหญ่มีสำเนียงแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น เช่น ฉานเหนือ ฉานใต้ เชียงตุง และพรมแดนติดกับจีนเรียกว่า ไทเหนือ โดยภาษาเมืองหนอง ถือเป็นภาษาไทหลวง สำเนียงของฉานเหนือ และฉานใต้จะแตกต่างโดยชัดเจน ส่วนที่เชียงตุงชนส่วนใหญ่มีเชื้อสายไทเขิน โดยมีส่วนต่างกับภาษาไทใหญ่อื่น ๆ มาก และมีศัพท์เฉพาะค่อนข้างมาก และเสียง ร ไม่เป็น ฮ ไปทั้งหมด โดยเชียงตุงกับมืองไหยจะมีสุภาษิตคล้ายคลึงกันมากเลยทีเดียว
เสียงสัทอักษรพยัญชนะในภาษาไทใหญ่ (เสียงแปร) มีอยู่ด้วยกัน 19 เสียง ไม่เหมือนภาษาไทยและลาวเพราะไม่มีเสียงกักโฆษะ [d] และ [b]**
ในภาษาไทใหญ่มีการควบกล้ำอยู่ 3 เสียง /j/ /r/ /w/ โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปของพยัญชนะที่นำมาควบด้วย เป็น ? , ? , ? ตามลำดับ อนึ่ง คำที่ควบด้วยเสียง /r/ บางครั้งจะไม่ออกเสียงควบกันสนิท โดยจะออกเสียงในลักษณะสระอะกึ่งเสียง สำหรับเสียง /k/ , /k?/ และ /s/ เมื่อมีการควบของเสียงร่วมกับเสียง /j/ เสียงที่เกิดขึ้นมักจะใกล้เคียงกับเสียง /c/ , /c?/ และ /?/ ตามลำดับตัวอย่างคำ
โดยมากแล้วทั้งสองภาษามักมีเสียงวรรณยุกต์ที่คล้ายกันยกเว้นบางที่ ที่คล้ายได้แก่ เสียงเอกในคำเป็นของทั้งสองมักตรงกัน เช่น ป่า, อย่า, อยู่, ผ่า เป็นต้น เสียงจัตวาในคำเป็นที่ขึ้นต้นด้วยอักษรสูงมักตรงกัน เช่น ขา, หมา, หนา, ผา, หลัง เป็นต้น เสียงที่ไม่เหมือนได้แก่ เสียงสามัญไทยในคำที่ขึ้นต้นด้วยอักษรกลางมักตรงกับเสียงจัตวาไทใหญ่ เช่น กา เป็น ก๋า, ปลา เป็น ป๋า, ตา เป็น ต๋า, และ อา เป็น อ๋า เป็นต้น เสียงสามัญไทยในคำที่ขึ้นต้นด้วยอักษรต่ำมักตรงกับเสียงตรีไทใหญ่ เช่น นา เป็น น้า, ทา เป็น ต๊า, ลา เป็น ล้า เป็นต้น เสียงโทไทยมักตรงกับเสียงสามัญไทใหญ่ เช่น เจ้า เป็น เจา, ข้า เป็น คา, หน้า เป็น นา, และ ผ้า เป็น พา เป็นต้น เสียงตรีไทยมักตรงกับเสียงโทสั้นไทใหญ่ เช่น น้ำ เป็น น่ำ, ช้าง เป็น จ้าง, ม้า เป็น ม่า, น้า เป็น น่า เป็นต้น
นอกจากการแตกต่างระหว่างเสียงวรรณยุกต์แล้ว ทั้งสองมีความแตกต่างเล็กน้อยทางเสียงพยัญชนะขึ้นต้นด้วย คำในภาษาไทยที่ขึ้นต้นด้วยอักษรต่ำเสียงกักธยิตมักตรงกับเสียงกักสิถิลในไทใหญ่ เช่น พยัญชนะ พ, ท, และ ค ในไทยมักตรงกับเสียง ป, ต, และ ก ในไทใหญ่ แต่คำในภาษาไทยที่ขึ้นต้นด้วยอักษรต่ำเสียงกักธยิตที่ตรงกับเสียงโฆษะบาลีมักตรงกับเสียงกักธนิตในไทใหญ่ เช่น พยัญชนะ ภ, ธ, และ ฆ ในไทยมักตรงกับเสียง พ, ท, และ ค นอกจากนี้ คำในภาษาไทยที่ขึ้นต้นด้วยอักษรต่ำเสียงกักธยิตที่ตามด้วย ร มักตรงกับเสียงกักธนิตในไทใหญ่ เช่น พยัญชนะ ปร, ทร, และ คร ในไทยมักตรงกับเสียง พ, ท, และ ค ในไทใหญ่
นอกจากนี้แล้ว มีเสียงพยัญชนะบางเสียงในไทใหญ่ที่ไม่ตรงกับไทย พยัญชนะ ด กับ บ ของไทยมักตรงกับเสียง หล กับ หม ในไทใหญ่ เช่น ดิน เป็น หลิน, ดี เป็น หลี, เดือน เป็น เหลิน, บ่า เป็น หม่า, บ้า เป็น มา (หม้า), และ บ่าว เป็น หม่าว เป็นต้น พยัญชนะ ร ของไทยมักตรงกับเสียง ฮ ไทใหญ่ เช่น เรา เป็น เฮ้า, ร่าง เป็น ฮาง, และ รัก เป็น ฮั่ก เป็นต้น
ภาษาไทใหญ่ เป็นภาษาที่ไม่มีการผันคำไปตามกาล เพศ การก ฯลฯ เช่นเดียวกับภาษาไทย รูปแบบประโยคเป็นแบบ ประธาน-กริยา-กรรม คำคุณศัพท์จะมีการวางไว้หลังคำนาม
การบอกเวลาในภาษาไทใหญ่ก็คล้ายๆกับในภาษาไทย เช่น " ????????????? 3 ?????????" - ตอนนี้ 3 โมงแล้ว